บทที่ 866 ยังไงก็ไม่ใช่เงินของฉัน
“ฉันไม่คิดเลย…ว่านายจะขอความช่วยเหลือจากยัยนั่น โดยที่ไม่บอกอะไรฉันเลย หซู่หนาน นายเปลี่ยนไปเป็นคนแบบนี้ได้ยังไง!”
เสียงร้องไห้ของฉินหว่าน ดังเข้าไปในหูของหซู่หนาน
หซู่หนานขมวดคิ้ว พูดพึมพำ “ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นเธอต่างหากที่เปลี่ยนไปเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
ฉินหว่าน ไม่ได้ยินคำพูดของเขาและยังคงโวยวายอยู่อย่างนั้น “หซู่หนาน!นายต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง!”
หซู่หนานพ้นลมหายใจยาวเหยียด ก่อนจะนึกถึงความมุ่งมั่นของเขาที่ตัดสินใจมาที่นี่
ถ้าเกิดเขากลับไปหาฉินซี ฉินหว่านจะต้องประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ การแก้ไขกับปัญหานี้จะต้องทำอย่างไรนั้น ดูเหมือนจะชัดเจนแล้ว
“เธอฟังสิ่งที่ฉันจะพูดให้ดีนะ ฉินหว่าน ” หซู่หนานยื่นมือออกมาจับไหล่ของฉินหว่าน
ฉินหว่าน ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สายตาจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“พวกเราอยู่ด้วยกันมา…จะหนึ่งปีแล้ว”
หซู่หนานลังเลไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
สีหน้าของฉินหว่าน เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ในหนึ่งปีนี้ พวกเรา…มีความสุขกันมากๆ”
หซู่หนานพูดออกมาอย่างยากลำบาก
สีหน้าของฉินหว่าน ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก
ทำไมจู่ๆหซู่หนานถึงพูดคำพูดแบบนี้ออกมา
เขาหมายความว่าอะไรกันแน่
“แต่ฉันคิดว่า…มีบางเรื่องที่ต้องสารภาพกับเธอ”
หซู่หนานหลับตาลง
ทันใดนั้น ในใจของฉินหว่านก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
“ฉินหว่าน” หซู่หนานเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปในดวงตาของเธอ “ในงานวันเกิดของพ่อเธอ ฉันได้เจอกับฉินซี”
ฉินหว่าน รับรู้ได้ทันทีว่าหซู่หนานต้องการจะพูดอะไรต่อไป
เธออยากยื่นมือไปปิดปากของหซู่หนานไว้เพื่อให้เขาหยุดพูด แต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงในร่างของเธอจะหายไปหมด เธอจึงทำได้เพียงแค่มองดูหซู่หนานและฟังเขาพูดต่อให้จบ
“นับตั้งแต่ที่พบกับฉินซีในวันนั้น ฉันเข้าใจแล้วว่า ฉัน…ยังชอบฉินซีอยู่ แม้ครั้งหนึ่งฉินซีจะเคยทิ้งฉันไป แต่ฉันก็ยังคงรักฉินซีอยู่”
หซู่หนานรู้สึกโล่งใจทันที ที่ในที่สุดก็ได้สารภาพคำพูดในใจของเขาออกไป
“ดังนั้น ฉินหว่าน ฉันรู้สึกมันไม่ยุติธรรมกับเธอ ถ้าพวกเรายังคบกันต่อไป ”
เขามองไปที่ ฉินหว่าน เพื่อรอฟังคำตอบของเธอ แต่กลับเห็นเพียงใบหน้าที่ซีดเสียว
“ฉินหว่าน เธอ…….”
สีหน้าของฉินหว่าน ดูแย่มาก ราวกับว่าเธออาจจะสลบไปได้ทุกเมื่อ
จากความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ที่คบกันมาหนึ่งปี ด้วยความเป็นห่วงหซู่หนานจึงก้าวเข้าไปประคองตัวเธอ “เป็นอะไรหรือเปล่า”
ฉินหว่าน ถอยหลัง “อย่าแตะตัวฉัน!”
หซู่หนานรู้สึกลำบากใจ “ฉินหว่าน อย่าทำแบบนี้!”
ฉินหว่าน ส่ายหัวไปมาพลางก้าวถอยหลัง “นายต้องการบอกเลิกฉัน ใช่ไหม นายต้องการไปจากฉัน!”
ขณะที่พูด เธอดูบ้าคลั่ง พูดด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
หซู่หนานเดินเข้าไปหาเธอด้วยความเป็นห่วง “ใจเย็นๆก่อนฉินหว่าน เธอ… ”
“นายอย่าเข้ามาหาฉัน!” ฉินหว่าน ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
ที่ด้านหลังของเธอเป็นขั้นบันได หากเธอร่วงลงไปฉินหว่านอาจจะได้รับบาดเจ็บ หซู่หนานกลัวว่าเธอจะล้มลงไป เขาจึงถอยหลังแล้วกวักมือเรียกเธอ “โอเค ฉันจะไม่เข้าไปหาเธอ แต่ด้านหลังเธอเป็นบันไดแล้ว ระวังด้วย”
ฉินหว่านหัวเราะ “นายอยากจะเลิกกันฉันนี่ สนด้วยเหรอว่าฉันจะเป็นตายร้ายดียังไง”
หซู่หนานทำอะไรไม่ถูก “ฉินหว่าน อย่าทำแบบนี้เลย ถึงแม้พวกเราจะเลิกกัน แต่ว่า……..”
ราวกับว่าฉินหว่าน ได้ยินคำว่า“เลิกกัน”ที่ออกมาจากปากของหซู่หนานไม่ได้ เธอตะโกนขัดแทรก “หซู่หนาน ไสหัวไปให้พ้น!”
หซู่หนานรู้สึกไม่ไว้ใจทั้งยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้เธอ เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งและพยายามเกลี้ยกล่อมเธอให้สงบสติ “ฉินหว่าน…”
“ออกไปซะ” ฉินหว่าน กรีดร้องออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใด
การกระทำของฉินหว่าน นั้นส่งเสียงดังมาก จึงทำให้คนรับใช้ที่อยู่ด้านในห้องได้ยินเสียงทั้งหมด
“คุณหญิง…”
คนรับใช้มองไปที่ ฉินหว่าน ด้วยความกังวลพลางเดินเข้าไปหาเธอ
ฉินหว่านชี้ไปทางหซู่หนานแล้วตะโกนออกมา “พาเขาออกไป!”
คนรับใช้มองไปยังหซู่หนานด้วยความลำบากใจแล้วกลับมามอง ฉินหว่าน อีกครั้ง “คุณหญิง เอ่อ…”
“เร็วสิ! ไม่งั้นฉันจะไล่แกออก!” ฉินหว่าน ตะโกนใส่คนรับใช้ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
คนรับใช้ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง ทำได้เพียงแค่มองไปที่หซู่หนานราวกับว่ากำลังร้องขอความช่วยเหลือจากเขา
หซู่หนานไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงหันไปพูดกับฉินหว่าน “รอให้เธอใจเย็นลงแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกครั้ง”
ฉินหว่านมองเขาด้วยท่าทีหวาดระแวง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
คนรับใช้กระซิบเตือนเบาๆ “คุณหซู่ครับ… ”
หซู่หนานมองไปที่ ฉินหว่าน เป็นครั้งสุดท้ายแล้วหันหลังเดินจากไป
เมื่อฉินหว่าน มองเห็นแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆไกลออกไป ทันใดนั้นเธอทรุดตัวลงคุกเข่า ใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าเอาไว้
……
แน่นอนว่าฉินซีไม่รู้ว่าหซู่หนานกำลังทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวาย
คำถามของอานหยันทำให้เธอสับสนไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะถูกเบี่ยงความสนใจไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ของอานหยัน ส่งเสียงดังขึ้นไม่เหมือนปกติ
สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ฉินซีนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา ส่วนอานหยัน ก็รีบกลับไปที่หน้าคอมพิวเตอร์
“มีงานอะไรบ้างไหม” ฉินซีถาม
อานหยัน ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
ฉินซีจึงไม่ถามอะไรต่อจากนั้น
อานหยัน สแกนข้อความที่ส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ลบบันทึกทั้งหมดแล้วก็กลับไปนั่งที่โซฟา
“เธอไม่เหมาะกับงานนี้”
ถึงอานหยัน จะพูดเยอะขึ้น แต่ฉินซีก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
ถ้าหาก…งานที่นิตยสารประกาศไม่เกี่ยวข้องกับงานของเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิ์รู้
โชคยังดีที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนัก สีหน้าของอานหยันผ่อนคลายลงพลางตบไหล่ของฉินซีเบาๆ “เธอสนุกกับชีวิตของเธอในช่วงนี้ไปก่อนนะ ถ้ามีข่าวอะไรฉันจะบอกให้เธอรู้เร็วที่สุด”
ฉินซีตามองต่ำ ค่อยๆพยักหน้า
อานหยัน รู้สาเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้า แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลอื่นที่ดีกว่ามาปลอบโยนเธอได้
ห้องนั่งเล่นที่ครื้นเครงเมื่อครู่ จู่ๆกลับเงียบสงัด
“เอาละ…” ฉินซีหายใจเข้าลึกๆ “ฉันรู้ว่ากังวลไปตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ฉันจะตรวจสอบอีกครั้งเมื่อมีข่าว! ถ้ามีงานอะไรก็บอกให้ฉันรู้ด้วยนะ”
อานหยัน เม้มปากพลางเข้าไปกอดเธอ ตั้งใจจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น “ได้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เธอยังไม่สามารถกำจัดพวกเขาได้ด้วยมือเธอเอง ช่วงนี้งานนิตยสารก็ไม่มี แถมตอนนี้เธอยังดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ฉันเลยจ้างช่างภาพมาถ่ายภาพไม่ได้
ฉินซีขำที่เธอพูดอย่างนั้น “ไม่เอาน่า! ประธานอย่างฉันที่ในตอนนี้ทั้งยากจนและหมดตัว เงินทั้งหมดก็อยู่กับตาลุง ฉินซึ่งเทียน เมื่อไหร่ฉันจะเห็นเงินปันผลก็ยังไม่รู้เลย! ”
จู่ๆอานหยัน ก็คิดอะไรได้ขึ้นมา “แล้วหนี้…ของแม่เธอ ตอนนี้ใช้หมดแล้วรึยัง”
ฉินซีเงียบไปชั่วขณะ “ลู่เซิ่นใช้หนี้ให้ฉันหมดแล้ว แต่ว่า…ฉันยังคืนเงินให้เขาไม่ได้”
อานหยัน ขยิบตาให้เธอ “พวกเธอสองคนได้คุยอะไรนอกเหนือจากเรื่องหนี้บ้างไหมเนี่ย!”
ฉินซีตอกกลับ “เธอก็รู้ว่าฉันแต่งงานกับลู่เซิ่นเพราะอะไร เรื่องเงินน่ะยังไงก็ต้องคืน! ”
อานหยันยักไหล่ “โอเค ยังไงก็ไม่ใช่เงินฉันอยู่ดี”
ทั้งสองคนพูดกันเป็นเรื่องตลก ถึงเวลาที่ฉินซีต้องกลับแล้ว ตอนนี้เธออารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
เธอเดินไปที่รถ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น