บทที่ 885 เลือกด้วยตัวเอง
แม้ว่าฉินซีจะทำลายข้อตกลงนี้ด้วยตัวเอง เปิดเผยเรื่องที่ตัวเองแต่งงานแล้วกับโลกภายนอก แต่เธอก็ไม่ได้ระบุชื่อของลู่เซิ่น ไม่ถือว่าละเมิดข้อตกลงอย่างสมบูรณ์
ทีนี้ตัวเธอที่มีข่าวลือมากมาย เต็มไปด้วยความสงสัยกับเรื่องคนที่เธอแต่งงานเป็นใคร แต่โดยทั่วไปแล้วทุกคนก็เดาว่าคงเป็นเจ้านายของบริษัทเล็กๆ หรืออาจจะเป็นคนที่เพื่อเงินแล้วไม่สนใจอะไรเลย ไม่มีใครคิดมาถึงบนตัวของลู่เซิ่นเลย
ถ้าเธอเดินเข้าบริษัทลู่ซื่ออย่างเปิดเผยแบบนี้ คงจะลากลู่เซิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หลังจากผ่านเรื่องเมื่อวานที่ตระกูลลู่ เธอแอบรู้สึกได้ว่า การแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้มีผลประโยชน์สำหรับลู่เซิ่นเลย และอาจทำให้เขาเดือดร้อน แต่ในทางกลับกันเธอมีข้อได้เปรียบมากกว่า
เธอได้เปรียบมามากกว่าแล้ว เธอจะทำให้ลู่เซิ่นลำบากอีกไม่ได้
เธอไม่อยากให้ลู่เซิ่นถูกนินทาเหมือนเธอ
แต่เหมือนหลินหยังไม่เข้าใจความหมายแฝงของเธออย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าเกลี้ยกล่อมฉินซีไม่ได้ เขาก็โทรหาลู่เซิ่น
พอรับสาย ยังไม่รอให้เขาพูด ลู่เซิ่นก็เหมือนรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เลยถามขึ้นว่า “คุณนายไม่ยอมเข้ามา?”
หลินหยังตอบอย่างลำบากใจ “ใช่ครับ”
ลู่เซิ่นเหมือนจะไม่ได้ประหลาดใจกับคำตอบนี้ พูดอย่างเรียบเฉยว่า “เอาโทรศัพท์ให้เธอ”
หลินหยังทำตามคำสั่งของเขายื่นโทรศัพท์ไปให้ฉินซี
ฉินซีรับมาอย่างขมวดคิ้ว ว่าจะคุยกับลู่เซิ่นยกหนึ่ง แต่กลับได้ยินเขาพูดอย่างใจเย็น “ฉินซี ผมให้คุณขึ้นมา คืออยากจะคุยเรื่องปัญหาหุ้นส่วนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”
ฉินซีกลับไม่ยอมง่ายๆ “คุยที่ภัตตาคารก็ไม่ใช้ปัญหาอะไรนิ”
ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ถูกโน้มน้าวใจง่ายๆ “ผมไม่ชินกับเวลาทานอาหารแล้วคุยเรื่องงาน”
ฉินซีหัวเราะเบาๆเสียงหนึ่ง “งั้นคุณเลือกที่จะไม่คุยก็ได้ ฉันบอกได้ หุ้นส่วนของนายให้ราคาต่ำไป ฉันไม่ซื้อง่ายๆหรอก”
ลู่เซิ่นกลับหัวเราะตาม “ได้ งั้นผลการตรวจสอบของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในไตรมาสนี้ ผมว่าคุณก็ไม่ได้สนใจอยากฟังหรอกนะครับ”
ฉินซีลืมตาโตขึ้นทันที “นายว่าไงนะ?ผลการตรวจสอบ?”
ลู่เซิ่นพูดอย่างง่ายๆว่า “ผมจะคุยนี้แค่ห้องทำงานเท่านั้น คุณจะขึ้นมาหรือไม่ เลือกด้วยตัวเอง”
พูดเสร็จ เขาก็วางสายไป
หลังจากหลินหยังที่ยืนมองเธอเปลี่ยนสีหน้าไปมา สุดท้ายก็พูดขึ้น “พาฉันขึ้นไป”
หลินหยังโล่งอกไปที
ฉินซีเดินตามลู่เซิ่นเข้าไปในล็อบบี้ของบริษัทลู่ซื่อ เป็นไปตามคาดได้รับความสนใจจากสายตาผู้คนเยอะแยะมากมาย
แต่ก็โทษเธอที่คิดมากไป คนส่วนมากที่เห็นเธอ นึกขึ้นได้แค่ข่าวที่เธอได้หุ้นส่วนยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาในเมื่อวาน คาดเดาว่าบริษัทลู่ซื่อจะมีความร่วมมืออะไรกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ไม่ได้คิดเรื่องที่เธอแต่งงานกับลู่เซิ่นเลย
เพราะในสายตาของคนอื่นๆ แม้ว่าฉินซีจะสวยจนร่ำลือทั่วทั้งเมือง แต่ภูมิหลังครอบครัวของเธอและภูมิหลังครอบครัวของลู่เซิ่นก็ยังคงแตกต่างกันมาก เธออยากจะเกาะคนมีฐานะก็ไม่อาจจะเป็นลู่เซิ่นได้ ยิ่งไม่ต้องคิดเรื่องที่ให้ลู่เซิ่นแต่งงานกับเธอแบบไม่ระบุตัวตน
แน่นอน ฉินซีไม่รู้ว่าในสมองของพวกเขาคิดอะไรอยู่ เพียงแค่ปลอบใจตัวเองในสายตาพวกเขา ลู่เซิ่นต้องการให้เธอเข้ามาเอง ถ้าเกิดอะไรก็ให้ลู่เซิ่นรับผิดชอบผลที่ตามมา
เธอเก็บความกังวลในใจเหล่านั้นไว้ข้างหลัง เริ่มมองไปรอบๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินเข้าบริษัทลู่ซื่อ
สถานที่ทางสถาปัตยกรรมของบริษัทลู่ซื่อและบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปนั้นคล้ายคลึงกัน แต่รูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นแตกต่างกันมาก
อาคารสำนักงานปัจจุบันของบริษัทลู่ซื่อเพิ่งซื้อมาในปีนี้ การตกแต่งยังใหม่เอี่ยมมีสไตล์ การตกแต่งที่ประณีตทันสมัย แสงส่องผ่านหน้าต่างสว่าง ทำให้สภาพแวดล้อมทั้งหมดสะอาดและสว่าง
คนที่อยู่ในล็อบบี้มีธุระของตัวเองที่ต้องยุ่ง คนส่วนใหญ่จ้องไปที่ฉินซีสักพัก จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานต่อ แม้แต่ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับก็ยิ้มหวาน พยักหน้าให้เธอ
เมื่อเทียบกับอาคารของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปที่ใช้งานมาหลายปีแล้ว มันต่างราวกับฟ้าเลยเหวจริงๆ
หลินหยังเห็นว่าเธอกำลังมองไปรอบๆ อย่างมีความสุข จึงเริ่มพูด “ประธานลู่ สั่งว่า คราวหลังถ้าคุณอยากมา คุณสามารถมาได้ทุกเมื่อ”
ฉินซีตะลึงไปหนึ่งวิ นึกถึงตอนที่ตัวเองจะเอาคีย์การ์ดที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ท่าทีผู้จัดการที่ไม่สมยอมสักเท่าไหร่ อดที่จะยิ้มเบาๆแล้วส่ายหัวไม่ได้ “ถ้าฉันไม่มีธุระอะไรมาบริษัทลู่ซื่อทำไมกัน”
หลินหยังก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ เพียงแค่ช่วยเธอกดปุ่มลิฟต์ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
ทั้งสองมาถึงห้องทำงานของลู่เซิ่นด้วยความเงียบ
ห้องทำงานของลู่เซิ่นไม่ค่อยต่างจากรูปแบบการตกแต่งโดยรวมของบริษัทลู่ซื่อ มันกว้างขวางและสว่างไสว การตกแต่งก็เรียบง่ายดูสะอาดตา บนผนังห้อยไว้เพียงแค่ภาพวาดที่ราคาแพง
ลู่เซิ่นนั่งหลังโต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นมองเธอ
ในขณะที่ฉินซีมองไปที่เขา รู้สึกแค่ว่าฉากนี้ดูดีกว่าภาพวาดบนผนังของเขา
ลู่เซิ่นมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา และสันจมูกที่สูงโด่ง แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามาโดยแนวเฉียง ใบหน้าของเขาแสดงความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างแสงและความมืด ซึ่งสะดุดตาราวกับภาพวาดสีน้ำมันในยุคกลาง
แต่ว่าฉินซีไม่มีเวลามาชื่นชมมากนัก
เธอเดินตรงไปที่ลู่เซิ่น “รายงานการตรวจสอบที่นายพูดถึงอยู่ที่ไหน?ผลเป็นอย่างไร?”
ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ขยับ แต่มองตรงไปที่เธอ พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เมื่อเช้านี้คุณไปที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไรอีกเหรอ?”
ฉินซีก้ำกึ่งทันที
ก็จริง เอกสารที่เธอเห็นตอนเช้าในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและผลที่ได้จากการสำรวจ ทุกแง่เขียนในทางไม่ค่อยดี
หซู่หนานเป็นผู้จัดการ เอกสารทั่วไปจำนวนมากที่ควรได้รับการตรวจสอบจากเขาก่อนที่จะยื่น แต่ฉินซีเห็นว่าเอกสารจำนวนมากได้รับการลงนามเรียบร้อยแล้วด้วยชื่อของฉินซึ่งเทียนการส่งให้หซู่หนานเป็นเพียงกระบวนการเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้ ฉินซึ่งเทียนเป็นคนต้องการทำ หซู่หนานไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย
กระบวนการจัดการเละเทะก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าโครงการเหล่านี้ ฉินซีแค่เปิดดูแบบผ่านๆ และพบว่ามันไม่น่าเชื่อถือ ถ้าไม่ใช่ประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป ก็คือประเมินผลประโยชน์สูงเกินไป หากต้องเป็นไปตามกระบวนการ กลัวว่าโครงการเหล่านี้น่าจะไม่ผ่าน
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นการค้าต่างประเทศ นำเอาของที่รับเข้ามาแล้วส่งออก แหล่งที่มา ช่องทางและคุณภาพของสินค้า ล้วนมีความสำคัญมาก แต่ฉินซีไม่สามารถดูรายละเอียดของประเด็นสำคัญเหล่านี้ได้มากนักจากเอกสาร กลับกลายเป็นเรื่องที่สะสมมานานคือผลประโยชน์ที่อาจจะได้รับจากการโม้
รายงานแบบนี้ จะตกลงได้ยังไง?
แต่ฉินซึ่งเทียนกลับตกลงซะงั้น
นอกจากนี้ รายงานระบบภายในของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเลอะเทอะไปหมด สินค้าคงคลังของสินค้าและขั้นตอนการขนส่งล้วนคลุมเครือในรายงานไปหมด ถ้าคิดในแง่บวกคือรายงานไม่ได้กล่าวถึง แต่ถ้าคิดที่แง่ลบ อาจเป็นเพราะยากที่จะชี้แจงในรายงาน
พนักงานของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยิ่งแย่ลงไปอีก เธอเดินวนไปหนึ่งรอบ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจในงานที่พวกเขาทำ ล้วนซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องของเธอ เมื่อเทียบกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว ดูเหมือนเหมาะที่จะไปเป็นนักข่าวซุบซิบมากกว่า
ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้ฉินซีขมวดคิ้วไม่ปล่อย
เมื่อเห็นใบหน้าของฉินซี ลู่เซิ่นมองออกอย่างชัดเจน หยิบเอกสารจากโต๊ะทำงานแล้วยื่นให้ “คุณดูเอาเองเถอะ”
ฉินซีรับมาแล้วเปิดอ่าน แค่กวาดสายตามองอย่างผ่านๆ สีหน้าก็ดูแย่ขึ้นกว่าเดิม