บทที่ 892 คุณนายเกิดเรื่องแล้ว
คนขับรถเห็นว่ารถข้างหลังกำลังจะชนเข้ามาแล้ว รีบเหยียบคันเร่งทันที
รถยนต์Range rover ตะโกนเสียงดัง ขับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ระยะห่างระหว่างรถยนต์ทั้งสองคันถูกเว้นวรรคอย่างกว้างขวางอีกครั้ง
ฉินซีเหงื่อท่วมตัว เธอบังคับตัวเองให้ใจเย็นลงและคิดดูดีๆ
ถ้าหากเป็นหซู่หนาน กลับไม่มีความอันตราย จุดประสงค์และคำขอร้องของหซู่หนานเธอรู้ดี และยังรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่หซู่หนานจะทำอะไรกับตัวเอง
แต่ว่าถ้าหากคนที่มาไม่ใช่หซู่หนาน……ถ้าอย่างนั้นสถานการณ์ก็ซับซ้อนแล้ว
จะเป็นใครกันนะที่มาสะกดรอยตามตัวเอง?
รถคันนี้ปกติลู่เซิ่นเป็นคนขับ หรือว่ามีคนต้องการจะหาเรื่องลู่เซิ่น
คนข้างหลังมาในจุดประสงค์ที่ไม่ชัดเจน แต่ว่าเซ้นส์ของฉินซีรู้ว่าคนตรงข้ามมาแบบไม่หวังดีแน่ๆ
สมองของฉินซีเต็มไปด้วยความคิดหลากหลาย รบกวนจนขมับของเธอนั้นเจ็บปวดไปหมด
“คุณนายครับ รีบโทรหาประธานลู่เร็วๆครับ” คนขับรถเห็นว่าเธอไม่ขยับตั้งนานสองนาน ทนไม่ไหวจึงต้องเอ่ยปากเร่ง”
ฉินซีก็เลยได้สติกลับมา รีบโทรศัพท์ให้กับลู่เซิ่นทันที
ถึงแม้ทั้งสองคนจากกันในเวลาตอนเที่ยงยังงอนๆกันอยู่ แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลางอนกัน โทรศัพท์ไม่โทรไม่ได้
ลู่เซิ่นกลับไม่ได้รับสายทันที
มองดูเวลาที่หน้าจอผ่านไปวินาทีต่อวินาที ฉินซีเคาะมือถืออย่างใจร้อน แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบลู่เซิ่นกลับไม่รับสายเลย
น้ำเสียงของคนขับรถสั่นๆเล็กน้อย “ประธานลู่รับสายหรือยังครับ?”
ฉินซีส่ายหน้า “ยังไม่รับสาย สถานการณ์ข้างหลังเป็นยังไง?”
คนขับรถกัดฟัน “ยังพอทนได้สักพัก แต่ว่าคุณนายครับ ผมรู้สึกว่า……. จุดประสงค์ของคนตรงข้ามไม่เพียงแค่สะกดรอยตามนะครับ”
ฉินซีกลุ้มใจ
คนขับรถพูดจาอ้อมๆ เปลี่ยนคำพูดกลับมาก็คือ รถข้างหลัง ต้องการเอาชีวิตคนที่อยู่ในรถ
ความจริงเธอก็รู้สึกได้บ้างว่า คนตรงข้ามตามหลังมาอย่างไม่คิดชีวิตแบบนี้ วิ่งตามอย่างไม่ยอมเลิกลา ดูยังไงก็ไม่ใช่แค่สะกดรอยธรรมดาแค่นั้น
เธอเสียใจเล็กน้อย เมื่อสักครู่ถ้าไม่ใช่ตัวเองคิดผิดไปและให้คนขับรถลดความเร็วลง ตอนนี้ก็ไม่ถึงขั้นถูก ตามติดอย่างใกล้ชิดขนาดนี้
มือถือของลู่เซิ่นเพราะว่าไม่มีคนรับสายจึงถูกตัดไปอย่างอัตโนมัติ ฉินซีจนหนทาง จึงได้แต่โทรไปหาหลินหยัง
หลินหยังรับสายทันที “คุณนายลู่ครับ? ประธานลู่กำลังคุยเรื่องการเซ็นสัญญาอยู่ครับ มีอะไรหรือครับ——”
“ผู้ช่วยหลิน” ฉินซีทำเสียงตัวเองให้ฟังแล้วนิ่งสงบ “เป็นอย่างนี้นะ ตอนนี้คนขับรถส่งฉันกลับไปที่รีสอร์ทชิงหยวน แต่ว่าระหว่างทางเราถูกสะกดรอยตาม”
น้ำเสียงของหลินหยังสูงขึ้นมาเล็กน้อย “สะกดรอยตาม?”
ฉินซีหันหน้าไปดูรถยนต์ข้างหลังที่ตามติดอย่างไม่ยอมเลิกรา น้ำเสียงเร็วมาก” ใช่แล้ว รถที่ตามหลังเราเป็นรถยนต์Volkswagenสีดำ หลังจากค้นพบว่าเราได้พบแล้วว่าพวกเขาสะกดรอยตามจึงไม่ไปไหนเลย แต่กลับวิ่งตามมา ตอนนี้วิ่งตามมาติดๆแล้ว……….”
เธอยังจะพูดต่อ หลินหยังทางโน้นกลับเปลี่ยนคนรับสายแล้ว “ตอนนี้อยู่ตำแหน่งที่ไหน”
เป็นเสียงของลู่เซิ่น
ฉินซีอึ้ง เธอตั้งสติดีๆ และหันหน้าสำรวจดูรอบๆ” เมื่อสักครู่เราเพื่อสะบัดรถยนต์คันนั้นออกไป เลี้ยวไปเลี้ยวมาตั้งหลายครั้ง ตอนนี้กำลังอยู่ที่——”
เหมือนเธอยังอยากพูดอะไรอีก กลับเห็นถนนทางซ้ายมีรถยนต์คันนึงที่เสียหลักและเหมือนกำลังจะวิ่งชนเข้ามาในทิศทางของเธอ
ทุกอย่างเหมือนเปิดสโลโมชั่น รถยนต์เปิดไฟไว้ ค่อยๆขับเข้ามาชนรถยนต์ตัวเอง
คนขับรถหมุนพวงมาลัยแรงๆ ต้องการหลบรถยนต์คันนี้ แต่ว่าทางซ้ายเป็นที่ก้านแล้ว พวกเขาพยายามหลบแต่ไม่มีที่หลบ
นัยน์ตาของเธอหดลงอย่างเร่งด่วน
สายทางโน้นจู่ๆก็ไม่มีเสียงแล้ว ลู่เซิ่นไม่สบายใจ เขาไม่สนคนข้างๆมองอยู่ น้ำเสียงยกสูงขึ้นและตะโกนออกมาหลายครั้ง “ฉินซี?ฉินซี?”
ส่วนที่ตอบกลับมาให้กับเขานั้น มีแต่หลายวินาทีผ่านไปมีเสียงชนกันที่ดังสนั่นออกมาจากทางโน้น
ตุ้ม——
ทันทีนั้นสีหน้าของลู่เซิ่นเปลี่ยนไปอย่างเย็นชาทันที
……
ฉินซีค่อยๆลืมตาขึ้นมา
การมองเห็นข้างหน้าขยายแล้วขยายอีก จากนั้นเปลี่ยนไปจนกลายเป็นกำแพงที่ขาวไปทั้งแผ่น
สมองของเธอเหมือนกำลังต้มโจ๊กทั้งหม้อที่มีเสียงผลุผลุ สติยังคงอยู่ที่วินาทีสุดท้ายซึ่งหลับตาลง
เธอกำลังโทรศัพท์ให้กับลู่เซิ่น มีรถยนต์คันนึงขับวิ่งชนเข้ามาในแนวขวาง ต่อมาหมุนตลบตะแลง ตรงหน้าของเธอมืดสนิท และสลบไปเลย
ตื่นมาจากความทรงจํา ฉินซีใช้เวลาตั้งหลายวินาทีถึงได้สติกลับมาว่าตัวเองได้มาถึงที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
“ที่รัก คุณตื่นแล้ว” เสียงที่ตื่นเต้นของอานหยันดังออกมา ฉินซีอยากหันหน้าไป แต่ถูกกดไว้
ฉินซีเอ่ยปาก พบว่าตัวเองยังสามารถพูดจา แค่เสียงแหบนิดหน่อย “ฉันสลบไปนานเท่าไหร่แล้ว?”
อานหยันยังไม่ได้พูดจา เสียงต่ำเสียงนึงก็ได้ดังผ่านมา
“ไม่นาน หลายชั่วโมง”
ฉินซีค่อยๆลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา
คือลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นหันไปสั่งหลินหยังให้ไปตามหมอมา ตัวเองเดินไปที่ข้างเตียงฉินซี
สีหน้าอานหยันมีความกังวล “คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
ฉินซีส่ายหน้าเบาๆ” ไม่เป็นไร แค่เวียนหัวนิดหน่อย”
สีหน้าอานหยันเต็มไปด้วยการโทษตัวเอง” ฉันเองแท้ๆ ถ้าหากฉันไม่เรียกคุณไปถ่ายรูป ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา……..”
ฉินซีตบมือของเธอ “ไม่เกี่ยวข้องกับคุณแน่นอน”
คุณหมอผลักประตูเข้ามาอย่างเร่งรีบ ถามฉินซีไปหลายคำถาม ตรวจเช็กแบบง่ายๆ แล้วก็หันหน้าไปพูดกับลู่เซิ่น “ผู้ป่วยไม่เป็นอะไรมากนัก แต่ว่าต้องพักผ่อนให้มากๆ พักผ่อนนอนอยู่บนเตียงหลายวันค่อยกลับมาตรวจเช็กอีกครั้ง”
ลู่เซิ่นพยักหน้า และส่งหมอออกไปพร้อมกับหลินหยัง
…………
สามคนยืนอยู่ตรงหน้าห้องผู้ป่วย คุณหมอเอาผลการตรวจยื่นให้กับลู่เซิ่น “ตรวจเช็กเรียบร้อยแล้ว ร่างกายคุณนายไม่มีปัญหาครับ แค่สมองถูกกระทบกระเทือนเล็กน้อย นอนพักผ่อนบนเตียงประมาณหนึ่งอาทิตย์น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า
หลินหยังเอ่ยปากพูดว่า “รบกวนคุณหมอแล้ว ผมขอส่งท่านเอง”
คุณหมอผายมือปฏิเสธให้เขา เดินไปเอง
หลินหยังหันหน้าไปดูลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ที่เดิม ไฟที่ระเบียงทางเดินไม่ค่อยสว่างมากนัก ใบหน้าของลู่เจิ้นก็เลยถูกครอบคลุมอยู่ในเงา ทำให้แลดูเศร้าหมอง
เขายังจำเหตุการณ์หลายชั่วโมงก่อนได้ดี
ลูกค้าสำคัญคนนึงของบริษัทลู่ซื่อมาเยี่ยมเยียน ฝ่ายตรงข้ามซื้อสินค้าของบริษัทลู่ซื่อนับหลายร้อยล้านบาท แต่ว่าการค้าขายของพวกเขาต่างสถานะซึ่งกันและกัน ยังมีความยุ่งยากซับซ้อนมาโดยตลอดของพวกเขา จึงถึงกับมาเยี่ยมเยียนทุกครั้ง ก็ล้วนต้องเป็นลู่เซิ่นเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง
ทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่ในห้องประชุม ปรึกษาหารือเรื่องรายละเอียดของสัญญาใหม่ ตอนที่ลู่เซิ่นอยู่ในเวลาที่ต้องการสติเช่นนี้ ก็จะเอามือถือไว้ที่เขา หลีกเลี่ยงคนนอกรบกวน
เวลานี้เช่นเดียวกัน สายของฉินซีโทรเข้ามา
หลินหยังไม่มีสิทธิ์รับสายส่วนตัวของลู่เซิ่น แต่ว่าการประชุมข้างในสำคัญมาก เขาก็ไม่กล้ารบกวนสุ่มสี่สุ่มห้า
เพราะฉะนั้นเขาจึงลังเลได้สักพักว่าจะเคาะประตู และเข้าไปให้ลู่เซิ่นรับสายรึเปล่า ระหว่างเขากำลังลังเล มือถือก็วางสายไปโดยอัตโนมัติ
หลังจากหลายวินาที มือถือของหลินหยังเองได้ดังขึ้นมา
ผู้ที่โทรมายังเป็นฉินซีต่างหาก
หลินหยังขมวดคิ้ว รู้สึกด้วยความสามารถของตัวเองเหมือนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาซะแล้ว เขารับสายไปด้วย และเคาะประตูห้องประชุมไปด้วย
น้ำเสียงของฉินซีใจร้อนจริงๆด้วย พูดอย่างเร่งรีบว่าเธอถูกสะกดรอยตามแล้ว
เขาก็เลยไม่รอให้คนในห้องประชุมพูดคำว่าเชิญเข้ามา ก็ได้ผลักประตูโดยพลการอย่างตื่นตระหนกแล้ว
คนทั้งหมดในห้องประชุมต่างจับจ้องเขาอยู่ แต่ว่าเขาก็ไม่มีเวลาใส่ใจแล้ว แค่วิ่งอย่างช้าๆและเอามือถือส่งไปให้กับลู่เซิ่น
“คุณนายเกิดเรื่องแล้ว”