บทที่ 893 มีเรื่องปิดบัง
หลินหยังพูดทันได้แค่ห้าคำ ลู่เซิ่นก็รับมือถือมาด้วยตัวเอง
แต่ว่าเขารับมือถือมายังไม่ถึงกี่วินาที สายทางโน้นก็มีเสียงรถชนดังสนั่นออกมา
หลินหยังยืนอยู่ข้างๆ มองดูสีหน้าของลู่เซิ่นแป๊บเดียวก็เปลี่ยนไปอย่างเศร้าหมองแล้ว
“ขอตัวสักครู่” ลู่เซิ่นรีบลุกขึ้นมา “รายละเอียดสัญญาหลังจากนั้น ผมจะจัดการให้รองประธานคุยกับพวกคุณต่อไป”
ลูกค้าเผยสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาจริงๆด้วย แต่ว่า ลู่เซิ่นได้เดินไปที่หน้าห้องประชุมแล้ว ไม่คิดจะอยู่ต่อไป
หลินหยังสามารถทำได้แค่จัดการธุระที่เหลือของลู่เซิ่น ก้มหน้าลงและขอโทษให้กับฝ่ายตรงข้าม
ลู่เซิ่นยืนอยู่ที่หน้าลิฟท์ แค่ไม่กี่วินาที เขาก็ได้ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งRange roverของตัวเองและที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว ติดต่อโรงพยาบาลใกล้ๆส่งรถยนต์ฉุกเฉินไปที่ที่เกิดเหตุ
“ไปขับรถของนาย” เขาพูดกับหลินหยังแค่ห้าคำนี้ ต่อมาก็ไม่เอ่ยปากพูดอีกเลยในตลอดทาง
หลินหยังพยักหน้า เหยียบความเร็วสูงสุด ขับรถไปที่ตำแหน่งซึ่งลู่เจิ้นได้ตรวจเจอเรียบร้อยแล้ว
ยิ่งเข้าไปใกล้กับเหตุการณ์ตรงนั้น เขาก็ยิ่งหวาดกลัว
เวลาที่รถพยาบาลฉุกเฉินมาถึงห่างจากพวกเขาไม่มากนัก วินาทีนี้เสียงเตร่ที่แหลมคมได้ดังสนั่นออกมา รถตำรวจก็ได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว ไฟตำรวจกระพริบอย่างไม่ขาดสาย ฟ้ามืดสนิท พวกเขาเห็นแค่รถยนต์หลายคันที่ล้มเงยท้องอยู่ กลับไม่เห็นเงาสักคน
รถยนต์ยังเป็นถึงขนาดนี้ แล้วคนหล่ะจะขนาดไหน………
หลินหยังไม่กล้าไปคิด ใช้สายตาแอบมองลู่เซิ่น อิทธิพลรอบๆของคนหลังเหมือนกับพายุทอร์นาโดที่กำลังเตรียมการพร้อม
รถยนต์จอดอยู่ข้างหน้า ลู่เซิ่นไม่ได้เข้าไปที่เกิดเหตุ แต่เดินไปที่รถพยาบาลฉุกเฉิน
ผู้ช่วยพยาบาลมองเขาอย่างระมัดระวัง “คุณเป็นใคร?”
ลู่เซิ่นชี้ไปรถยนต์ที่ล้มเงยท้องทางโน้น “ญาติ”
สีหน้าผู้ช่วยพยาบาลถึงได้ผ่อนคลายลง ชี้ไปที่รถพยาบาลฉุกเฉินข้างหน้า “ผู้บาดเจ็บเพศหญิงอยู่ข้างหน้า”
ลู่เซิ่นถามไปคำนึง “อาการเป็นไงบ้าง?”
ผู้ช่วยพยาบาลไม่พูดจา ได้แต่ส่ายหน้า
ลู่เซิ่นลืมตาโตขึ้นมาอย่างกะทันหัน สีหน้าเผยความคาดไม่ถึงออกมา “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
แต่ว่าผู้ช่วยพยาบาลกำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ไม่ตอบคำถามของเขาอีกแล้ว
มองดูสีหน้าลู่เซิ่นเหมือนสามารถไปฆ่าคนในทันทีทันใด เขายืนอยู่ที่เดิมหลายวินาที จู่ๆก็เดินไปที่รถพยาบาลฉุกเฉินอีกคันนึงอย่างโมโห
หลินหยังรีบตามไปอย่างเร่งด่วน
” ผู้บาดเจ็บหล่ะ?” ลู่เซิ่นจับตัวผู้ช่วยพยาบาลคนนึงไว้และถามอย่างจู่โจม
หมอคนนั้นถูกจับจนเบลอๆ และตอบแบบอึ้งๆ “คนไหน?”
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ” ไม่เพียงแค่หนึ่งคน?”
คุณหมอชี้ไปในรถพยาบาลฉุกเฉิน ” ผู้บาดเจ็บเพศหญิงในรถยนต์Range rover ไม่เป็นอะไรมากนัก แต่ว่าคนในรถอีกสองคันนั้น…………..อันตราย”
พูดจบ เขาไม่สนปฏิกิริยาของลู่เซิ่น เข้าไปในรถพยาบาลฉุกเฉินเองซะเลย
หลินหยังโล่งใจอย่างมาก
เขาไม่กล้าไปดูสีหน้าของลู่เซิ่น กลัวจะเห็นหน้าตาที่เสียมารยาทของลู่เซิ่น หาตำรวจคนนึงและสอบถามอาการเอง ผ่านไปหลายนาทีถึงกลับมาที่ข้างๆลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นมองขึ้นไปนิ่งสงบมาก เหมือนกับว่าคนที่โกรธแค้นขึ้นมาเมื่อครู่ก็สามารถฆ่าล้างที่นี่ให้หมดสิ้นไปในทันทีทันใดนั้นเป็นคนอื่น
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองหลินหยัง “เป็นยังไง?”
หลินหยังรีบมอบหมายสิ่งที่ตัวเองได้ยินอย่างชัดเจนจากตำรวจ “รถยนต์รุ่นล่าสุดข้างๆคันนั้นล้อยางระเบิดแล้ว เฉียงๆไว้และชนถูกรถยนต์ของเรา ส่วนรถยนต์Volkswagenสีดำคันหลังหลบไม่ทัน วิ่งตามหลังมา รถยนต์ทั้งสองคันจึงชนรถยนต์ที่คุณนายนั่งอยู่พร้อมกันจนล้มเงยท้อง”
ลู่เซิ่นหรี่ตามองรถยนต์Volkswagenสีดำข้างหน้าซึ่งถูกชนจนพังเสียหายยับเยินไปทั้งคัน ทิ้งคำพูดที่เย็นชาออกมาคำนึง” ตรวจสอบให้ชัดเจนเรื่องที่วิ่งตามหลัง”
หลินหยังตอบรับอย่างเร่งด่วน
รถพยาบาลฉุกเฉินได้เคลื่อนไหวแล้ว ลู่เซิ่นพูดเหตุการณ์อย่างชัดเจน หมุดเข้าไปในรถพยาบาลฉุกเฉิน
หลินหยังจึงได้แต่กลับไปที่รถยนต์ของตัวเอง ขับรถไปด้วย และโทรศัพท์หลายสายไปด้วย
…………….
“ตรวจสอบไปถึงไหนแล้ว? ” ลู่เซิ่นเอ่ยปากถาม
หลินหยังได้สติกลับมาจากจินตนาการของตัวเอง พูดเสียงต่ำข้างหูลู่เซิ่น ” ตรวจสอบได้เรื่องได้ราวนิดหน่อยแล้ว แต่ว่าหลักฐานยังไม่พอ”
…………..
เห็นว่าคนข้างนอกทั้งสองคนยังไม่กลับมาซะที คุณหมอน่าจะมีธุระอะไรต้องการจะมอบหมาย อานหยันจึงปรับเตียงของฉินซีขึ้นมานิดหน่อย เข้าไปใกล้ๆและมองเธออย่างละเอียด ” ยังดีนะยังดีนะ คนสวยของเรายังไม่เสียโฉม”
ฉินซีรู้ว่าเธอพูดล้อเล่นเพื่อให้ตัวเองมีความสุข จึงยิ้มแย้มออกมา “คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
อานหยันเห็นว่าสีหน้าของเธอนับว่าไม่เลว จึงบ่นขึ้นมาด้วยนิสัยที่เคยชิน “ผู้จัดการของหซู่เป่ยคนนั้นพูดว่าวันหลังมีโอกาสยังหวังว่าจะร่วมงานกับคุณ ฉันก็เลยโทรศัพท์ให้คุณ โทรตั้งหลายสายก็ไม่มีคนรับสาย สุดท้ายลู่เซิ่นเป็นคนรับสาย บอกว่าคุณอยู่โรงพยาบาล ฉันก็เลยรีบตามมา คุณก็รู้ฉันกับสามีคุณไม่ค่อยสนิมกัน จึงไม่อยากถามอะไรเขามากว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยเฝ้าคุณอยู่ที่นี่”
” คุณมานานแล้วใช้มั้ย? ” ฉินซีถาม
อานหยันส่ายหน้า” ถือว่าไม่นานมากนัก”
ฉินซีคิดในใจสักพัก ตัวเองน่าจะสลบไปได้ไม่นานมากนัก
แต่ว่าดูหน้าตาอานหยันไม่รู้เหตุการณ์เลยสักนิด เกิดเรื่องอะไรขึ้นมายังต้องถามลู่เซิ่น
พยาบาลเคาะประตูเข้ามา เปลี่ยนน้ำเกลือให้กับฉินซีขวดนึง แล้วก็มองฉินซี ถึงยิ้มแย้มพูดว่า” สามีคุณดีกับคุณมากจริงๆ รีบตามมาที่เกิดเหตุ ยังตามรถพยาบาลฉุกเฉินส่งคุณมาพร้อมกัน อยู่กับคุณตลอดทางจนถึงตอนนี้”
สีหน้าอานหยันเปลี่ยนไปจนเยาะเย้ยและดูถูก มองหน้าฉินซีอย่างยิ้มแย้ม
ฉินซีไม่รู้ว่าทำไมแก้มถึงร้อนๆ ก้มหน้าลง
พยาบาลเปลี่ยนน้ำเกลือเรียบร้อยก็ออกไปเลย ในห้องผู้ป่วยเงียบสงบอีกครั้ง
” เพราะฉะนั้น เกิดเรื่องอะไรขึ้นมากันแน่? ” อานหยันกดเสียงให้ต่ำลง น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปอย่างเข้มขรึม
ฉินซีผายมือเบาๆ “อุบัติเหตุรถยนต์ เป็นการกระทำของคนหรืออุบัติเหตุ หรือว่าใครทำ ฉันไม่ค่อยแน่ชัด”
อานหยันพยักหน้า แล้วก็ตบแขนของเธอเพื่อแสดงความปลอบใจ “ฉันจะไปตรวจสอบ คุณฟังคุณหมอเถอะ นอนพักฟื้นดีๆก็แล้วกัน”
ฉินซีพยักหน้าตอบรับ ลู่เซิ่นและหลินหยังจึงผลักประตูเข้ามา
ดูออกง่ายๆอานหยันยังกลัวๆลู่เซิ่นในตอนนี้ ยังไงซะหลังจากเจอเขาที่โรงพยาบาลสีหน้าของเขาก็เศร้าหมองเหมือนกับน้ำหมึกมาโดยตลอด
เห็นว่าเขาเข้ามาแล้ว จึงลุกขึ้นมา” คุณหมอให้คุณพักฟื้นอย่างสงบๆ ฉันก็ไม่รบกวนคุณอีกต่อไปแล้ว คุณพักผ่อนดีๆนะ พรุ่งนี้ฉันค่อยมาเยี่ยมคุณอีกครั้ง”
ฉินซีผายมือให้กับเธอ อานหยันพยักหน้าทักทายให้กับอีกสองคน ถือกระเป๋าไว้และออกไป
หลินหยังมองหน้าลู่เซิ่น ก็ออกไปด้วยตัวเองเช่นกัน
ฉินซีมองดูรอบๆ นี่น่าจะเป็นห้องพักเดี่ยวผู้ป่วยของโรงพยาบาล การตกแต่งหรูหรากว่าห้องผู้ป่วยธรรมดาทั่วไป ทำไมถึงมองขึ้นไป สิ่งอำนวยความสะดวกและของใช้ชีวิตประจำวันโดยทั่วไปมีครบหมดทุกอย่าง
ลู่เซิ่นเดินตรงมาที่เตียงผู้ป่วย ยืนอยู่ข้างเธอนิ่งๆ ” ไม่สบายตรงไหนอีกรึเปล่า?”
ไฟในห้องผู้ป่วยสลัวมาก เสียงของลู่เซิ่นต่ำมาก ฟังขึ้นไปมีผลทำให้รู้สึกเป็นการปลอบใจคน
ฉินซีส่ายหน้า ถามเขา ” ค่อยยังชั่ว คุณหมอว่ายังไง?”
ลู่เซิ่นนั่งอยู่ข้างเตียงเธอ ” คุณหมอพูดว่าโชคดีรถยนต์ที่พวกคุณนั่งคือรถยนต์ Range rover คุณยังคาดเข็มขัดนิรภัยอีกด้วย จึงไม่เป็นอะไรมาก สมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย และบาดเจ็บหลายจุด นอนพักฟื้นที่เตียงช่วงนึงก็สามารถฟื้นฟูกลับมาแล้ว”
ฉินซีพูดอยู่ในใจมิน่าล่ะหัวตัวเองถึงหนักๆเบลอๆ แต่ว่าได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็เลยสบายใจไม่น้อย