บทที่ 896 เป็นโอกาสดีๆที่จะเข้าไปจู่โจมในยามที่อ่อนแอ
ลู่เซิ่นนั่งลงไปที่ข้างเตียงฉินซี
“ผมสืบหาเบาะแสได้บ้างแล้ว คนที่สะกดรอยตามเมื่อวาน น่าจะเป็นคนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”
ต่อให้ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม สีหน้าฉินซีก็ยังเปลี่ยนไปเพราะคำพูดคำนี้
เป็นพวกเขาจริงๆด้วย……..
เธอฝืนทนอารมณ์ต่างๆที่โผล่ขึ้นมาจากใจ พูดเสียงต่ำว่า “เป็นฉินซึ่งเทียนใช่มั้ย? “
เหนือความคาดหมาย ลู่เซิ่นกลับส่ายหน้า ”ดูจากหลักฐานในตอนนี้ ฉินซึ่งเทียน ไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรง”
คำพูดของเขาพูดได้อย่างอ้อมค้อมมาก แต่ว่าฉินซีกลับไม่ได้โล่งใจเพราะเหตุนี้
เธอรู้ความหมายของลู่เซิ่นดี
ภายในบริษัทตอนนี้ฉินซึ่งเทียนเป็นคนครองอำนาจด้วยตัวเองทั้งหมด คุณป้าคุณลุงเธอไม่ค่อยมีตัวตนสักเท่าไหร่ในตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นพึ่งแต่เพียงพวกเขาเองที่คิดจะแก่งแย่งชิงดีไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าพวกเขากลับกล้าก่อเหตุที่รุนแรงเช่นนี้ ไม่แน่อาจได้รับการชี้แนะจากใคร
ฉินซึ่งเทียนได้ไม่เข้าร่วมโดยตรง แต่ว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
คนที่สามารถวางแผนฆ่าภรรยาที่แต่งงานกับตัวเอง และหลอกใช้มือของคนอื่นมาบีบบังคับและทำร้ายลูกสาวตัวเอง ก็ไม่ได้ถือว่าเหนือความคาดหมาย
ฉินซีคิดว่าตัวเองได้ตายใจจากฉินซึ่งเทียนอย่างสนิทใจแล้ว คิดไม่ถึงได้รู้ความจริง ยังรู้สึกเจ็บปวดใจ
ลู่เซิ่นเห็นว่าเธอก้มหน้าเงียบๆไม่พูดจา รู้ว่าตอนนี้เธอไม่สบายใจ แต่ว่าเขาปลอบใจคนไม่เป็น พูดแค่ว่า “คนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไม่ฉลาด ถึงแม้จำได้ว่าต้องปิดป้ายทะเบียนรถยนต์ของVolkswagen แต่ว่าคนขับรถกลับเป็นคนของพวกเขาเอง”
“ตามถนนที่ขับเคลื่อน ผมสืบหาโกดังร้างที่พวกเขาเหมาในตอนนั้น ณ เวลานั้นคาดว่าต้องการให้คุณลงจากรถยนต์ พาคุณไป เช่นแบล็คเมล์และลักพาตัวคุณไปไม่ได้คิดว่าจะจู่โจมคุณบนถนนโดยตรง”
ความสงสัยของฉินซียิ่งเพิ่มมากขึ้น” ถ้างั้น…… อุบัติเหตุครั้งนี้มันยังไงกันแน่? “
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ”รถยนต์คันนั้นชนเข้ามาในแนวขวางล้อยางระเบิดแล้ว คนขับรถบังคับรถไม่อยู่ เพราะฉะนั้นจึงชนเข้ามา รถยนต์ข้างหลังก็วิ่งตามมาใกล้ชิดเกินไป เบรกไม่ทัน ถึงได้ชนเข้ามานี่ไง”
ฉินซีฟังจบ ก็พูดอะไรไม่ออกในทันที
เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้าย
ไม่มีอุบัติเหตุครั้งนี้ เธออาจจะถูกรถข้างหลังตามมาทัน และลักพาตัวเธอไปในโกดัง หรืออาจจะสะบัดรถคันหลังออกไป ถอยออกไปเพื่อความปลอดภัย เพียงแต่ว่าความอันตรายที่แฝงอยู่อาจอยู่ตลอดไป
แต่ว่าอุบัติเหตุรถยนต์เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย เธอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ได้รับโอกาสที่จะตามหาผู้ร้ายตัวจริง
ลู่เซิ่นเห็นว่าฉินซีก้มหน้าอย่างเงียบๆอยู่ตลอดเวลาและไม่พูดไม่จา คิดว่าเธอถูกความจริงจู่โจมซะแล้ว
ไม่มีใครได้ยินว่าถูกญาติพี่น้องเห็นตัวเองเป็นศัตรู ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะแบล็คเมล์และลักพาตัว สามารถนิ่งเฉยโดยไม่สะทกสะท้าน
เธอไม่ยอมพูดกับลู่เซิ่นอย่างชัดเจน ก็เพราะเหตุนี้
ตอนนี้ฉินซียังป่วยอยู่ เขาเป็นห่วงฉินซีจะถูกกระทบต่ออารมณ์และจิตใจของเธอเพราะเรื่องแบบนี้
เพียงแต่ว่าลู่เซิ่นยังกำลังคิดอยู่ว่าต้องทำยังไงถึงสามารถปลอบใจเธอได้ ฉินซีกลับเอ่ยปากขึ้นมาด้วยตัวเอง
“ข้อเสนอที่คุณพูดขึ้นมาเมื่อวาน ฉันได้คิดออกแล้ว”
ลู่เซิ่นนิ่งไปสักพัก ถึงนึกขึ้นได้ว่าข้อเสนอของฉินซีที่ว่าคืออะไร
เมื่อวานเขาบอกกับฉินซี อยากแก้แค้นฉินซึ่งเทียน นอกจากจะรับผิดชอบในหน้าที่ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว ยังสามารถทำลายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้อีกด้วย
ฉินซีของเมื่อวานยังลังเล ไม่สามารถลงมืออย่างโหดเหี้ยม
ถ้างั้นเขาในวันนี้หล่ะ?
เกือบเสียชีวิต ฉินซีจะเลือกทำอะไร?
ฉินซีไม่มองเขา แต่กลับมองไปบนกำแพง
“ให้ฉันทำลายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปด้วยมือตัวเอง ฉันยังทำไม่ได้”
เสียงของฉินซีถึงแม้ไม่ดังมาก แต่ว่าหนักแน่นมาก
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นความตั้งใจของคุณปู่ของเธอ ถึงแม้ตกอยู่ในมือของฉินซึ่งเทียน และถึงแม้ผ่านอุปสรรคมาตั้งมากมาย แต่ว่าเธอก็ยังไม่สามารถเป็นคนร้ายคนนี้
ลู่เซิ่นยักคิ้ว
เดิมทีเขาคิดว่านิสัยที่ใจดีของฉินซีเช่นนี้ ถูกคนรังแกจนเหยียบถึงหัว ยังสามารถอดกลั้นอดทนเอาไว้
แต่ว่า ฉินซีพูดต่ออีกว่า “ถ้าหากมีคนจะทำลายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ฉันจะไม่ช่วยมันอีกแล้ว”
ลู่เซิ่นอึ้งไปหนึ่งวินาที ใต้ตาเผยรอยยิ้มออกมา
นี่ถึงจะเป็นฉินซีที่เขารู้จัก
ตามสถานการณ์ที่บริหารบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ มากสุดก็แค่คงความเจริญรุ่งเรืองได้แค่ผิวเผินเท่านั้น เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเมื่อไหร่ อาจจะนำพาเงินคงคลัง ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและถูกจู่โจมอย่างพังทลาย
ในเมื่อฉินซีพูดว่าไม่ช่วย นั่นก็หมายความว่าถ้าหากอันตรายแบบนี้เกิดขึ้น เธอเลือกที่จะนิ่งดูดายกับความอันตรายนั้น
“อีกอย่าง” ฉินซีหันหน้าไปดูลู่เซิ่น “ถ้าหากคุณมีความคิดเห็นใดๆต่อบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป คุณไม่ต้องสนใจความรู้สึกของฉันหรอก”
มุมปากลู่เซิ่นมีรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ก็ใช่ว่าจะทนต่อการจู่โจมไม่ได้แม้แต่น้อย แต่ก็ทนกับพายุหนักๆและลมแรงๆไม่ได้จริงๆแหละ นี่เป็นโอกาสดีๆที่จะเข้าไปจู่โจมในยามที่อ่อนแอ
ลู่เซิ่นในอดีตไม่ทำแบบนี้ แต่ว่าเห็นแก่หน้าฉินซี แต่ว่าตอนนี้ ในเมื่อฉินซีพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
ในที่สุดลู่เซิ่นก็เข้าใจแล้ว ฉินซีตายใจโดยสิ้นเชิงแล้ว
ตอนที่ปล่อยวางลงไปจริงๆ ไม่ใช่แค่กัดฟันและตะโกนดังๆไปว่า “ฉันยังจะกลับมา” แต่ว่ามองดูเรือลำใหญ่ลำนึงล่มจมอย่างพังทลาย กลับนิ่งดูดายไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
เขาไม่รู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้นำพาการเจริญเติบโตมาให้กับฉินซีรึเปล่า แค่ว่าหน้าตาท่าทางของฉินซีแบบนี้ เหมือนเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึง
จู่ๆฉินซีมีความสงสัย “คุณไม่ไปทำงานหรือ?”
ถือว่าได้ตอบข้อสงสัยของเธอไปแล้ว หลินหยังเคาะประตูเข้ามาแล้ว หลังจากพยักหน้าแสดงการทักทายจึงเดินไปข้างๆลู่เซิ่น “ประธานลู่ รถยนต์อยู่ข้างล่างแล้ว”
ลู่เซิ่นตามเขาเดินออกไป
ในห้องผู้ป่วยเงียบสงบอีกครั้ง
ฉินซีวางเตียงให้ราบเรียบ เงยหน้าขึ้นมามองเพดานหลังจากหลายนาที น้ำตาก็ไหลลงมาจากหางตาอย่างคดเคี้ยวไปมา จมลงไปในเส้นผมเร็วมาก
ทำไมเธอจะไม่เสียใจหล่ะ? นั่นคือพ่อของเธอนะ คนที่เธอเรียกพ่อมาตั้งยี่สิบกว่าปี อยากลงมือกับเธอ
ในใจฉินซีก็ใช่ว่าจะไม่คาดหวังเลยสักนิด ถ้าหากเรื่องนี้เป็นคุณป้าและคุณลุงของเธอทำทั้งหมด และถ้าหากไม่เกี่ยวข้องกับฉินซึ่งเทียนหล่ะ?
แต่ว่าในใจเธอมีเสียงนึง ยืนยันหนักแน่นการเป็นไปได้แบบนี้
ไม่ใช่ว่าไม่เกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องเลยสักนิด
หายใจเข้าลึกๆ เธอเช็ดคราบน้ำตาที่หางตาออกไป ในเมื่อฉินซึ่งเทียนใจร้ายใจดำ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะได้ไม่ต้องมีการเพ้อฝันในเส้นฟางสุดท้ายแล้ว
ประตูห้องผู้ป่วยถูกเคาะจนเกิดเสียงดัง
ฉินซีมีความสงสัยเล็กน้อย เวลานี้จะเป็นใคร?
ไม่รอให้เธอตอบกลับ ประตูก็ถูกผลักออกมาแล้ว
เป็นอานหยัน
สีหน้าท่าทางของ อานหยันดูขึ้นไปไม่ค่อยดีนัก เห็นฉินซี ก็แค่ยิ้มแย้มมุมปากออกมานิดๆ “คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนนอนพักผ่อนสบายดีรึเปล่า? วันนี้รู้สึกเป็นยังไง?”
ฉินซีไม่พูดจาเกรงใจกับเธอ ถามไปอย่างตรงไปตรงมา “คุณสืบหาอะไรได้บ้างแล้วใช่มั้ย?”
อานหยันจ้องหน้าเธอสักพัก ค่อยๆพยักหน้า
ฉินซีเห็นหน้าตาท่าทางที่คอยระมัดระวังของเธอ แบะปาก “คุณพูดตรงๆเลยแล้วกัน เมื่อเช้าลู่เซิ่นได้พูดกับฉันคร่าวๆบ้างแล้ว”
อานหยันตกใจเล็กน้อย “ลู่เซิ่นเขาก็สืบหาพบแล้ว?”
ฉินซีพยักหน้า “น่าจะเป็นเมื่อคืนก็ได้เบาะแสมาบ้างแล้ว แต่ว่าเมื่อเช้าเพิ่งบอกกับฉัน”
อานหยันเหมือนคิดอะไรอยู่ “ฉันใช้รายงานข่าวสารในอินเทอร์เน็ตถึงได้รับข่าวสาร ลู่เซิ่นเก่งกาจจริงๆ…………. “
ฉินซีดึงชายเสื้อของเธอ “เพราะฉะนั้นเธอสืบหาอะไรได้บ้าง รีบบอกฉัน”
อานหยันก็ไม่มีอะไรต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เอาสิ่งที่สืบหาได้พูดออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
สิ่งที่เธอสืบหาได้ไม่มีอะไรแตกต่าง แค่รายละเอียดเยอะกว่าลู่เซิ่นนิดหน่อย
อย่างเช่นว่า………..
คุณป้าและคุณลุงของเธอ หลังจากหลี่เหวยเข้าไปพักที่บ้านตระกูลฉิน เข้าๆออกๆสถานที่พบปะสังคมกับเธออยู่บ่อยๆ”