บทที่ 897 จำความแค้นฝังใจมากๆ
ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องนี้ อาจจะเป็นหลี่เหวยวางแผน?”
อานหยันกลับส่ายหน้า ”หลี่เหวยน่าจะลงมือไม่ลงนะ ฉันเดาว่าเธออยากดึงคนของตระกูลฉินมาอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ หนึ่งเพื่อมีที่ยืนอย่างหนักแน่น สองเพื่อให้พวกเขาทำร้ายคุณอย่างลับๆ ยังไงซะล้วนเป็นคนในคณะกรรมการที่ประชุม โอกาสที่จะทำร้ายคุณมีอยู่ถมไป ไม่ต้องทำถึงขั้นนี้หรอก”
นี่ก็เป็นความสงสัยของฉินซี ตอนที่เธอจะสืบทอดหุ้นส่วน หลี่เหวยก็กล้าทำได้แค่ให้ทนายความของเธอออกจดหมายข่มขู่คุกคามเท่านั้น คราวนี้กลับไม่ห่วงหน้าพะวงหลังต้องการมาลักพาตัวเธอ นิสัยการกระทำแตกต่างกันเกินไปแล้ว
“เพราะฉะนั้นฉันคาดว่า อาจจะเป็นหลี่เหวย หรือว่าคนอื่นๆที่บ้านเธอ ให้สัญญาณผิดๆกับคุณป้าและคุณลุงของคุณ เดิมทีพวกเขาแค่ต้องการสั่งสอนคุณ คิดไม่ถึงญาติพี่น้องทั้งสองคนของคุณ’ฝีมือดีเยี่ยมและใจกล้ามาก’ ต้องการเข้ามาลักพาตัวคุณโดยตรง”
ฟังอานหยันพูดแบบนี้ จู่ๆฉินซีเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
การกระทำของฉินซึ่งเทียนหรือว่าหลี่เหวยที่เธอรู้จักไม่เคยทำเรื่องเสี่ยงๆแบบนี้ เพราะฉะนั้นจึงทำให้พวกเขามีความสงสัยต่อผู้บงการเบื้องหลังมาโดยตลอด
แต่ว่านิสัยการกระทำแบบนี้อาจจะเป็นญาติพี่น้องของเธอที่ไม่สนิทกระทำ ก็จะสมเหตุสมผล
เพียงแต่ว่า….……ไปๆมาตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้บงการเบื้องหลัง ยังเป็นพ่อแท้ๆของเธอ
อานหยันมองหน้าฉินซี นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
เธอรู้จักกับฉินซีมาตั้งหลายปี ต่อให้รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับที่บ้านแย่ลงในใกล้ๆหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ก็คิดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นนี้
เธอได้แต่ปลอบใจด้วยเสียงที่อย่างอ่อนโยน “ยังดีนะที่คุณไม่เป็นอะไร………..”
ฉินซีหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา และส่ายหน้าแบบเฉยชา
เธอจำความแค้นได้ดีมากเลยทีเดียว
ทุกอย่างที่เธอได้รับในวันนี้ และความทุกข์ทรมานที่แม่ของเธอได้รับอีกด้วย เธอจะไม่ลืมเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน บ้านตระกูลฉิน
เมื่อคืนฉินซึ่งเทียนไม่หลับไม่นอนทั้งคืน อดหลับจนตาแดงก่ำ
หลี่เหวยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ กลับไม่กล้าพูดอะไรเลย
ในห้องหนังสือยังมีชายนึงหญิงนึง หนุ่มกว่าฉินซึ่งเทียนนิดหน่อย ดูอย่างละเอียด คล้ายคลึงกับหน้าตาบางส่วนของฉินซึ่งเทียน
“พี่ชาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราตัดสินใจได้เอง” ผู้หญิงเอ่ยปาก น้ำเสียงยังแฝงด้วยความกล้ำกลืน
“ก็ใช่ละสิ ก่อนหน้านี้คุณพูดกับเราเองนะ ตอนนี้ฉินซีทำเรื่องโอหังมาก ต้องสั่งสอนสักหน่อย” ผู้ชายข้างกายเธอคล้อยตามด้วย ยังปากดีอีกต่างหาก
เส้นเอ็นที่หน้าผากของฉินซึ่งเทียนกระตุก ถูกพวกเขาพูดแบบนี้ ตบโต๊ะอย่างโมโหดุดัน “ฉินเฉิง ฉินซิง บ้านพวกคุณสั่งสอนคนแบบนี้หรือ? หารถยนต์ไปชนคนโดยตรง? “
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าฉินซิงยังคงยืดอกไว้ “เรื่องนี้ผมไม่ได้วางแผนนะ เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น เดิมทีผมแค่อยากมัดเธอไว้และสั่งสอนดีๆสักหน่อย”
“เหลวไหล” ใบหน้าฉินซึ่งเทียนเต็มไปด้วยความโมโห” พวกนายทำกันอย่างวู่วามเช่นนี้หรือ เคยคิดรึเปล่าถ้าสืบหาพบต้องทำยังไง? “
“พี่ชาย ผมตั้งใจปิดป้ายทะเบียนรถยนต์แล้ว กลัวคนอื่นเห็น เรื่องนี่พี่ไม่ต้องกังวลเลย” เสียงของฉินซิงมีความมั่นใจจนได้
ฉินซึ่งเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา
เมื่อคืนกลางดึกเขาได้รับข่าวสารที่ฉินซีเกิดอุบัติเหตุ
การประชุมหุ้นส่วนในวันนั้น เขาถูกเรื่องวุ่นวายจนทำให้วุ่นวายใจ ฉินเฉิงและฉินซิงมาเยี่ยมเยียน เขาก็เลยสั่งไปแบบไม่ใส่ใจว่าให้พวกเขาคิดหาวิธีสั่งสอนฉินซีสักหน่อย
เดิมทีเขาคิดว่าคำพูดพวกนี้แค่พูดไปแบบไม่ใส่ใจ ญาติพี่น้องทั้งสองคนของตัวเองก็น่าจะรู้จักความเหมาะสมบ้าง วันหลังอยู่ในคณะกรรมการที่ประชุมทำให้หาเรื่องฉินซีสักหน่อยก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้คิดอะไรมากทั้งสิ้น
ใครจะไปคิดเล่าเมื่อคืนได้รับแจ้งให้ทราบ ฉินซีเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
เขาอดคิดถึงไม่ได้คำพูดของตัวเองในวันนั้น สุดท้ายโทรศัพท์ไปถามดู สอนคนนั้นยังยอมรับอย่างเปิดเผย
ฉินซึ่งเทียนไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน คิดกลับไปกลับมาเรื่องนี้ถ้าถูกสืบหาจนพบจะมีผลยังไง
จนถึงตอนนี้ เขาจะไม่รู้ว่าฉินซีกับแม่ของเธอแตกต่างกันตรงไหนไม่ได้แล้ว ไม่ใช่คนโง่ที่ถูกคนรังแกเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉินซียังมีคนของบริษัทลู่ซื่อให้ท้ายอยู่ หาเรื่องเธออย่างโอหังแบบนี้ เกรงว่าจะหาเรื่องใส่ตัว
เขามองหน้าสองคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ พูดแบบน้ำเสียงเย็นชา “พวกคุณซ่อนเอาไว้ดีๆจะดีที่สุดอย่าโดนสืบหาจนพบหล่ะ แต่ว่าอย่ามาคาดหวังว่าฉันจะช่วยนะ”
สีหน้าฉินเฉิงเปลี่ยนไปทันที “พี่ครับ พี่หมายความว่าไงครับ?”
ฉินซึ่งเทียนชี้เขาไว้ “พี่หมายความว่าไงนายไม่รู้? เรื่องนี้พี่ไม่ได้ทำ ถูกฉินซีสืบหาจนพบจริงๆ พวกนายก็ขอพรขอโชคให้กับตัวเองดีๆก็แล้วกัน”
ฉินเฉิงเดินเข้าไปใกล้ๆไม่กี่ก้าว หรี่ตามองฉินซึ่งเทียนพี่ครับ เรื่องนี้พี่ไม่ได้ทำก็จริง แต่ว่าพี่อย่าคิดจะเอาตัวรอดแบบไร้มลทิน”
ฉินซึ่งเทียนมองเขาอย่างหน้าบึ้งๆ “นายคิดจะทำอะไร?”
ฉินซีเขย่ามือถือในมือ “วันนั้นพี่มอบหมายอะไรไว้ ผมบันทึกเอาไว้เรียบร้อยแล้วนะครับ”
ทีนี้อย่าว่าแต่ฉินซึ่งเทียนเลย สีหน้าของหลี่เหวยก็เปลี่ยนไปแล้ว
ฉินเฉิงถึงกับบันทึกเสียงเอาไว้
เห็นสีหน้าของฉินซึ่งเทียนดูไม่ค่อยดีนัก ฉินเฉิงหัวเราะแบบเบาๆ “เพราะฉะนั้น พี่ครับ พี่เป็นเหมือนตั๊กแตนที่ถูกมัดไว้กับเราบนเส้นด้ายนะครับ อย่าคิดว่าจะเอาตัวรอดแบบชิวๆ ถ้าหากเราถูกสืบหาจนพบ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็อย่าคิดหนีเชียวน่ะ……..”
ฉินซึ่งเทียนกัดฟันไว้ จ้องหน้าฉินเฉิงอย่างดุดัน
พ่อของฉินเฉิงเป็นน้องชายพ่อของฉินซึ่งเทียน นิสัยและการกระทำมั่วกว่าเจ้าตัวฉินซึ่งเทียนเสียเอง กับฉินเฉิงก็แทบจะไม่สั่งไม่สอน จึงทำให้เขามีนิสัยเหมือนอย่างกับนักเลง
ฉินซิงเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน ”พี่ครับ ตอนนี้ฉินซีออกไปจากบ้านตระกูลฉินแล้ว ต่อให้ในมือยังถือหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอยู่ก็ตาม ไม่มีคนให้ท้าย ก็แก่งแย่งชิงดีไม่ได้หรอกครับ โอกาสที่จะถูกเธอสืบหาจนพบน้อยมาก ต่อให้ถูกเธอสืบหาจนพบแล้วจะทำอะไรได้? เธอยังสามารถแก้แค้นเราได้หรือ?”
ฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยมองตากัน เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันกันโดยไม่พูดไม่จา
ฉินซีมีคนหนุนหลังอยู่ คนหนุนหลังมีนามสกุลว่าลู่
ที่พวกเขาต้องกังวลกับอุบัติเหตุครั้งนี้ ก็คือกลัวจะถูกลู่เซิ่นสืบหาพบ ต้องจู่โจมและแก้แค้นพวกเขาแน่นอน
ลู่เซิ่นปกป้องฉินซีแค่ไหน อยู่ในห้องกประชุมหุ้นส่วนวันนั้น พวกเขาก็ได้เห็นกับตาและผ่านมากับตัวเองแล้ว ไม่ต้องผ่านด้วยตัวเองอีกครั้งแล้ว
ส่วนการจู่โจมและการแก้แค้นของลู่เซิ่นจะโหดเหี้ยมขนาดไหน กลับไม่อยากไปจินตนาการ
วันนั้นหลังจากที่ลู่เซิ่นพาฉินซีออกไป ฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยจึงได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ประกาศคู่ครองแต่งงานของฉินซีให้กับภายนอก
ต่อให้พวกเขาเคยเห็นมากับตาแล้วก็ตาม แต่ถ้าคนนอกถามถึง ก็ยังต้องพูดว่าไม่รู้เรื่อง
เพราะว่ามีลู่เซิ่นหนุนหลังอยู่ เป็นการช่วยเหลือฉินซีที่เต็มที่อีกด้วย ตอนนี้เธอได้เข้าไปในคณะกรรมการที่ประชุมแล้ว ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าเธอมีคนหนุนหลังแบบนี้อยู่ เกรงว่าจะมีคนอีกมากมายในคณะกรรมการที่ประชุมจะเชื่อฟังและทำตามที่เธอสั่ง
ฉินซึ่งเทียนไม่อนุญาตให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
เพราะฉะนั้นเผชิญกับคำพูดของฉินซิง ฉินซึ่งเทียนยังคงต้องรักษาความเงียบสงบ หลี่เหวยกลับเอ่ยปากขึ้นมา”นายก็รู้ ฉินซีเป็นตัวร้ายที่โหดเหี้ยมแค่ไหน หุ้นส่วนแย่งชิงไปแล้ว ถ้าหากให้เธอพบว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดจากฝีมือคน เกรงว่าจะไม่มีผลดี”
ฉินซิงยอมรับวิธีการพูดของเธอแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ฉินซึ่งเทียนบีบนวดระหว่างคิ้ว เริ่มตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาได้รับข่าวสารจนถึงตอนนี้ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาโดยตลอดเพื่อรอว่าลู่เซิ่นทางโน้นจะมีการเคลื่อนไหวอะไร รอจนถึงตอนนี้ ถึงกับไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียว ทำให้เขาอดใจไม่ไหวที่จะคาดหวังว่าจะมีความโชคดี
หรือว่า…….. ลู่เซิ่นไม่คิดจะแก้แค้น?
หรือว่า เขาสืบหาไม่พบว่าใครเป็นคนทำ?