บทที่ 900 ตกอับ
เธอจึงได้แต่ห่มผ้าห่มให้กับฉินซีอย่างเงียบๆ แล้วก็หันหลังและเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
เธอไม่ใช่ว่าไม่เคยสืบหาเรื่องราวของแม่เธอจากรายงานทางอินเทอร์เน็ต
นั่นคือช่วงเวลาที่ฉินซีตกอับที่สุดในช่วงนึง แม่เธอถูกคนของตระกูลฉินไล่ออกจากบ้าน ฉินซีก็ตัดขาดจากตระกูลฉินตามด้วยอย่างไม่ไยดี ต้องพึ่งเงินเดือนของตัวเองเพื่อจ่ายค่าเช่าห้อง ต้องหาคนดูแลแม่ ยังต้องหาคนสืบหาความจริงกับข่าวที่เสียหายของแม่เธอ และช่วยล้างมลทินให้กับเธอ
อานหยันดูต่อไปไม่ไหวแล้ว แอบใช้อินเทอร์เน็ตทางคอลเซ็นเตอร์สืบหาเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
แต่ว่าอาจจะเป็นวิธีของฉินซึ่งเทียนและหลี่เหวยเก่งกาจเกินไป ถึงเธอใช้รายงานอินเตอร์เน็ตแล้วก็ตามยังสืบหาที่มาที่ไปไม่ได้
เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นมา ฉินซียังสืบไม่พบด้วยซ้ำ แม่ของฉินซีก็ได้ได้เสียไปแล้ว
แต่ว่าฉินซีไม่ได้ละทิ้งเพราะเหตุนี้
เพียงแต่ว่าความจริงที่ถูกปิดบังอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ จะสืบพบง่ายๆได้อย่างไร?
อานหยันเห็นเธอใช้ความแค้นมาทรมานตัวเองอยู่ทุกวี่ทุกวัน อยากเกลี้ยกล่อมเธอให้ปล่อยวางไปซะ ก็รู้สึกว่าเวลาแบบนี้ สำหรับฉินซีให้ละทิ้งความแค้นไป อาจจะโหดร้ายเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นเธอจึงได้แต่ช่วยเหลือฉินซีอย่างเต็มที่
ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆแล้ว หลังจากได้ค้นหาอยู่ตั้งนาน เธอเหมือนกับฉินซีไปตั้งนานแล้ว คาดหวังกับความจริง
……
สะลึมสะลือ ฉินซีฝันอีกแล้ว
ยังเป็นวันศุกร์ของอาทิตย์นั้น ฟ้าครึ้มๆฝนจะตกในทันทีแล้ว เธอกับหซู่หนานหาโรงหนังเพื่อดูหนัง หนังตาไม่รู้ว่าเป็นอะไรกระตุกอยู่ตลอดเวลา
หนังเพิ่งสนุก เสียงกริ่งมือถือของเธอจู่ๆก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
อาจจะเป็นเพราะผลของยานอนหลับ การหลับนอนของฉินซีนานกว่าที่ผ่านมาเยอะมาก เพราะฉะนั้นฝันที่รบกวนเธอมาโดยตลอด กลับไม่ได้จบสิ้นเหมือนกับที่ผ่านมา แต่กลับฝันต่อไป
ฉินซีในฝันลุกขึ้นมาเดินออกไปที่หน้าประตู และรับสายขึ้นมา
สายทางโน้นมีเสียงแหบแห้งของพ่อบ้านดังออกมา “คุณหนูครับ คุณหนูอยู่ไหนครับ? รีบกลับมาเถอะครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ความรู้สึกที่ไม่สบายใจตลอดมาของฉินซีเป็นจริงแล้ว เธอกลับไม่ค่อยเชื่อ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา?”
พ่อบ้านกลับไม่กล้าพูดต่อไป เพียงแค่พูดอย่างเร่งรีบไปตั้งหลายครั้งว่าให้เธอรีบกลับมาเร็วๆ แล้วก็วางสายไปเลย
ฉินซีรู้จักนิสัยของพ่อบ้านคนนี้ดี เขาติดตามคุณปู่มาตั้งนาน ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่เห็นการแก่งแย่งชิงดีมาตั้งเยอะแยะแล้ว สามารถทำให้พ่อบ้านคนนี้ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ คิดว่าน่าจะเกิดเรื่องใหญ่ซะแล้ว
เธอกลุ้มใจตามด้วย หันหลังกลับไปหาหซู่หนาน “ฉันไปก่อนแล้วนะ”
อาจเป็นเพราะว่าสีหน้าของเธอดูแย่มาก สายตาของ หซู่หนานจึงเป็นห่วงเป็นใยมาก “ฉินซี…….. คุณสบายดีรึเปล่า?”
ฉินซีไม่สามารถพูดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีของตัวเองออกมาได้ว่ามันยังไง ทำได้แค่ผายมือแบบมั่วๆ “ขอโทษด้วยน่ะ ครั้งหน้าค่อยชดใช้ด้วยการดูหนังกับคุณ”
หซู่หนานพยักหน้า เธอจึงถือกระเป๋าไว้และวิ่งออกไปจากโรงหนังอย่างเร่งรีบ
ข้างนอกฝนตกหนักมาก ไอน้ำทำให้การมองเห็นเบลอๆ ฉินซีเอากระเป๋าบังไว้บนหัวและไปซื้อร่มกันฝนในร้านสะดวกซื้อ และหารถยนต์ว่างที่ข้างถนน
ตอนที่รถยนต์ขับผ่านมาน้ำกระเด็นขึ้นมา แต่ไม่มีคนจอดรถเพื่อเธอ
ฉินซีไม่รู้ว่าตัวเองอยู่กลางสายฝนมานานเท่าไหร่แล้ว ร่มกางฝนเล็กเกินไป ฝนก็ตกหนักเกินไป ขาของเธอก็เปียกไปหมด ถึงโบกรถคันนึงได้อย่างยากลำบาก
คนขับรถเห็นเธอหนาวสั่น บนไหล่ยังมีคราบเป็นแผ่นกว้าง คิดว่าเธอเปียกฝนจนหนาวสั่น และยังใจดีเปิดแอร์อุ่นๆให้ด้วย “คุณครับ ฝนตกหนักเช่นนี้ หลบแป๊บนึงค่อยไปเถอะครับ?”
ฉินซีแค่ส่ายหน้า กลับไม่ตอบคำถามของเขา “รบกวนคุณขับเร็วๆหน่อย”
ถึงแม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ว่าฝนตกถนนลื่น คนขับรถจึงต้องขับอย่างช้าๆ
ฉินซีมองรถยนต์ที่เดี๋ยวไปเดี๋ยวจอด หัวอกตัวเองรู้สึกแค่ว่าเหมือนถูกไฟเผาอยู่บนเตาอบ
พ่อบ้านโทรมาอีกแล้ว “เสี่ยวซี คุณถึงไหนแล้วครับ?”
ฉินซีมองออกไปทางนอกหน้าต่าง แต่ว่าฝนตกหนักเกินไป เธอก็มองเห็นถนนหนทางได้ไม่ชัดเจน ตอบไปแค่ “อยู่ระหว่างทางแล้ว ถึงเดี๋ยวนี้แหละ”
พ่อบ้านสั่นๆ “ถ้างั้นคุณรีบหน่อยนะ”
แต่ว่าไม่รอให้เธอได้พูดจา มือถือก็วางสายไปแล้ว
คนขับรถมองเธอจากกระจกหลัง” มีคนเร่งคุณอยู่หรือครับ?”
ฉินซีขมวดคิ้ว และพยักหน้า
คนขับรถถอนหายใจแบบจนปัญญา “แต่ว่าฝนตกหนักขนาดนี้ คาดว่าถนนข้างหน้าน่าจะติดไปทั้งสาย แต่ว่ายังดีนะห่างกันไม่ไกลมาก ถ้าคุณเร่งรีบ…………ไม่อย่างนั้นผมขับไปข้างหน้าสักระยะนึง คุณลงจากรถข้างหน้านี้เลย และเดินกลับไปเองได้มั้ยครับ?”
ฉินซีมองฝนที่ตกอยู่ข้างนอก ลังเลสักพัก แล้วก็พยักหน้า
คนขับรถจอดเธอไว้ที่ทางแยก ขณะที่ยืนอยู่กลางฝน ยังเสียใจที่ตัวเองไม่ให้ขับรถไปส่งเอง
ฝนตกหนักเกินไป เธอเกือบจะเอาร่มของตัวเองไม่ไหวเดินไปแค่ไม่กี่ก้าว เสื้อของเธอก็เกือบถูกฝนทำให้เปียกไปทั้งตัว
มือถือในกระเป๋าเหมือนกำลังสั่นสะเทือนอีกแล้ว ฉินซีมือไม่ว่างไปรับสาย จึงได้แต่กัดฟัน ตากฝนและเดินไปที่บ้าน
เดินกลับบ้านอย่างซมซานไปทั้งตัว ประตูบ้านเปิดออกมา ฉินซีอึ้งมาก
แม่ของเธอยืนอยู่ที่กลางสายฝน ไม่มีคนกางร่มให้กับเธอ เปียกฝนไปหมดทั้งตัวแล้ว หน้าตาท่าทางซมซานกว่าเธอเสียอีก ส่วนฉินซึ่งเทียนยืนอยู่ใต้หลังคา กำลังชี้สั่งคนรับใช้ในบ้านเอากระเป๋าเดินทางของแม่ออกมาทีละใบ โยนไปที่กลางสายฝน
หน้าบ้านมีน้ำขังอยู่ คนรับใช้ที่บ้านโยนใกล้เกินไป น้ำกระเด็นขึ้นมา แต่ว่าแม่ฉินก็ยังไม่หลบแม้แต่นิดเดียว ให้น้ำกระเด็นใส่ตัวเอง
“พวกเจ้าทำอะไร” ฉินซีอดทนไม่ไหวตะโกนอย่างโมโหวิ่งเข้าไปแค่ไม่กี่ก้าว และผลักตัวคนรับใช้ออกไป
คนรับใช้หลบไม่ทัน ถูกเธอผลักแบบนี้ เกือบล้มลงไปที่หลุมพราง ก็เลยรีบถอยออกมานึงก้าว และหลบเข้าไปใต้หลังคา
ฉินซีหันหน้า เดินไปที่แม่แค่ไม่กี่ก้าว ยกร่มขึ้นมา อยากบังฝนที่ตกลงมาในร่างกายของเธอ กลับถูกเธอผลักออกไปเบาๆ
“แม่คะ?” ฉินซีไม่เข้าใจ ถอยออกมานึงก้าว มองหน้าแม่อย่างละเอียดอีกครั้ง
แม่ฉินจ้องหน้าฉินซึ่งเทียนแบบไม่ให้คลาดสายตา นัยน์ตาแดงก่ำเล็กน้อย แต่ว่าฝนตกหนักเกินไป ฉินซีมองเห็นไม่ชัดเจนว่าหยดน้ำที่ไหลลงมาเป็นน้ำฝนหรือน้ำตากันแน่
ฉินซีตามสายตาของเธอมองไปที่ฉินซึ่งเทียน ไม่เข้าใจอย่างยิ่ง “พ่อคะ นี่เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่คะ? ทำไมแม่หนูถึงยืนอยู่ที่นี่ พ่อ………”
“มานี่” ฉินซึ่งเทียนกลับไม่ฟังคำพูดของเธอให้จบ ขัดคำพูดของเธอโดยตรง
ฉินซียิ่งไม่เข้าใจ แต่ว่าไม่ขยับตัว ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ใช้ร่มกันฝนในมือบังแม่ของเธอเอาไว้
แต่ว่าฝนตกหนักเกินไป ร่มกางฝนของเธอบังสองคนไม่ได้ ไม่กี่วินาที เธอกับแม่ก็เปียกชื้นไปทั้งตัวแล้ว
พ่อบ้านทนดูต่อไปไม่ไหว ลงไปจากอีกทางดึงเธอเข้ามาในบ้าน “มา รีบเช็ดเร็วๆ”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมาดูพ่อบ้านที่เอ็นดูและตามใจตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆคนนี้ ไม่เข้าใจอย่างมาก “เรื่องมันยังไงกันแน่?”
คราวนี้พ่อบ้านกลับพูดไม่ออก แค่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉินซึ่งเทียน แล้วก็มองหน้าแม่ฉิน ส่ายหน้าแบบเงียบๆ
ฉินซียังจะถามต่อ ฉินซึ่งเทียนกลับพูดจาแล้ว
เขามองหน้าแม่ฉินไว้ น้ำเสียงหยิ่งยโสเหมือนกำลังพูดกับคนขอทาน
“เหยาหมิ่น คุณถูกผมจับชู้ได้อย่างคาหนังคาเขาแบบนี้ ยังมีอะไรจะแก้ตัว รู้ซะมั้ง เอาข้าวของของแกไป รีบส่ายหัวไปเลย”