บทที่ 912 สัญญาสิบปี
ฉินซีพยักหน้าทักทาย จากนั้นก็เดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานแล้วนั่งลงบนที่นั่งอีกด้าน
ใบหน้าของลู่เซิ่นฝังอยู่ในเงามืดครึ่งหนึ่ง
เขาโบกมือให้ทนายส่งหนังสือสัญญาโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองฉินซี
ท่าทีของทนายความก็สุภาพเช่นกัน เขายื่นมือไปเปิดหนังสือสัญญาที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่บนโต๊ะ จากนั้นก็ส่งให้ฉินซี “คุณลองอ่านดูก่อน มีเงื่อนไขอยู่ไม่กี่ข้อที่ผมต้องอธิบายให้คุณฟัง ”
ฉินซีกวาดตามอง เนื้อหาทั่วไปไม่แตกต่างจากที่เธอเห็นเมื่อเช้ามากนัก เพียงแต่มีการเพิ่มเติมเงื่อนไขบางอย่างที่เธอร้องขอเข้ามา
เธอหน้าขึ้นมองคุณทนาย “คุณว่ามาเถอะค่ะ”
คนเป็นทนายหันไปมองลู่เซิ่น ก่อนจะเดินไปอยู่ข้าง ๆ ฉินซี
“หลังจากที่คุณลงนามในสัญญาฉบับนี้ ประธานลู่จะจัดการปัญหาหนี้สินให้คุณภายในสามวัน ดูจากสถานการณ์ของคุณแล้ว ผมขอแนะนำให้ท่านประธานเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”
ฉินซีพยักหน้าโดยไม่ขัดข้อง
เธอเคยเห็นแล้วว่าเจ้าหนี้พวกนั้นจัดการยากเพียงใด การที่ต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นด้วยตัวเองไม่รับก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
“ที่ประธานลู่ชำระหนี้เสร็จสิ้น ก็จะสรุปยอดออกมาโดยคำนวณยอดหนี้ทั้งหมดตามอัตราดอกเบี้ยทบต้นของเงินฝากธนาคารในระยะเวลาหนึ่งปี อย่างไรก็ตามนี่ก็ต้องดูว่าระยะเวลากู้ยืมเงินของคุณยาวนานแค่ไหน”
ฉินซีลังเลอยู่พักหนึ่ง
เธอรู้ดีว่าหนี้ที่แม่ของเธอต้องแบกรับเอาไว้นั้นมากมายมหาศาล เดิมทีเธอวางแผนเอาไว้ว่าจะให้ฉินซึ่งเทียนเป็นคนจ่าย แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดแล้วฉินซึ่งเทียนจะยอมคืนเงินหรือเปล่า
เมื่อเห็นความลังเลของฉินซี คนเป็นทนายก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับระยะเวลาในการผ่อนชำระ พวกเราสามารถตั้งเอาไว้ที่สิบปีได้ชั่วคราว”
ฉินซีเลิกคิ้ว
สิบปี เธอไม่สามารถที่จะผูกมัดตัวเองเอาไว้กับลู่เซิ่นถึงสิบปีได้
เธอต้องทำให้ฉินซึ่งเทียนคายเงินสกปรกที่กลืนกินเข้าไปออกมาให้หมด ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานเหมือนกับแม่ของเธอ!
เธอจึงพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “สิบปีก็สิบปีค่ะ”
คุณทนายความจดบันทึกข้อความนี้ลงไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นก็พูดเรื่องเงื่อนไขที่ธรรมดา ๆ อีกไม่กี่คำ ก่อนจะชี้ไปที่ข้อสุดท้าย
“ในช่วงระยะเวลาของสัญญา คุณจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในฐานะคู่ชีวิตของประธานลู่ หากไม่มีเหตุการณ์สำคัญใด ๆ คุณจะต้องพักอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนเท่านั้น ต้องคอยอำนวยความสะดวกให้ประธานลู่ นอกจากนี้หวังว่าคุณจะสามารถจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองได้นะครับ”
คุณทนายพูดถึงตรงนี้ก็หยุดแล้วไม่พูดอะไรต่อ ทว่าฉินซีเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร
นี่เป็นการถือว่าฉินซีได้ขายตัวเองออกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีชีวิตส่วนตัวอะไรพวกนั้นอีก
เธออ่านเงื่อนไขทั้งหมดอย่างละเอียดอีกรอบ ในนั้นไม่ได้มีข้อกำหนดใด ๆ เกี่ยวกับชีวิตของลู่เซิ่น
…แท้จริงแล้วนี่เป็นสัญญาที่ไม่มีความเสมอภาค
ฉินซีแอบถอนหายใจในใจ แต่เพราะลู่เซิ่นเป็นคนออกเงิน ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า “ได้ค่ะ”
คุณทนายได้ทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนพิมพ์ออกมาอีกสองฉบับ ฉบับหนึ่งส่งไปให้ฉินซี ส่วนอีก ฉบับหนึ่งส่งไปให้ลู่เซิ่น ทั้งสองคนพยักหน้าทักทายกันก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ทันใดนั้นในห้องหนังสือก็เหลือเพียงพวกเขาสองคน
ทว่าฉินซีไม่ได้สนใจอะไรมาก เธอจับปากกาเซ็นชื่อลงไปในตำแหน่งของฝ่าย ข.
ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็พูดขึ้นมา
“ฉินซี เธอคิดดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหม”
เขาถือปากกาหมึกซึมเอาไว้ในมือ ทว่าสายตากลับมองตรงไปที่ฉินซี
ฉินซียักไหล่ “ ฉันอ่านเงื่อนไขแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ไม่พอใจ แล้วทำไมจะไม่เซ็นล่ะคะ”
ลู่เซิ่นกลับยังคงจ้องมองเธอ “ทั้งที่เมื่อวานเธอเอาแต่ปฏิเสธข้อเสนอของฉัน แล้วทำไมวันนี้อยู่ ๆ ถึงได้ตกลงขึ้นมาล่ะ”
ฉินซีชะงักไปพักหนึ่ง
มีเหตุผลอะไรกันนะ
เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาทีละข้อ ๆ อย่างไรดี
บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อวานเธอเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของลู่เซิ่นตอนที่เขามองเลือดที่ไหลออกมาของเธอ เลยทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายคือลู่เซิ่น ดังนั้นหากฉินซีต้องอยู่กับเขา ก็ไม่นับว่าเป็นการเสียเปรียบอะไร หรือบางทีเธออาจจะไม่อยากตายแล้วจริง ๆ ทำไมคนเลว ๆ ถึงสามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างสงบสุข แต่เธอกลับเป็นฝ่ายที่ต้องจากไปล่ะ!
ถ้าหากเธอต้องการแก้แค้นฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยละก็ เธอจะต้องหาทางมีชีวิตรอดต่อไปที่ได้
ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้อเสนอของลู่เซิ่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ดังนั้นเธอจึงส่ายศีรษะด้วยใบหน้าเรียบเฉย “บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อเช้าลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าอากาศดีมั้งคะ”
ลู่เซิ่นตะลึง ก่อนจะยกยิ้มอ่อนพลางเคาะนิ้วลงบนผิวโต๊ะ “ในเมื่อคิดดีแล้วก็เซ็นเถอะ”
ฉินซีเซ็นชื่อของตัวเองลงไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ลู่เซิ่นเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เขาตวัดลายเซ็นของที่พลิ้วไหวราวกับสายน้ำของตัวเองลงไปเช่นกัน
…
ภาพทั้งหมดสิ้นสุดลงที่ตรงนี้ ใบหน้าของคนสองคนค่อย ๆ พร่ามัว จากนั้นสติทั้งหมดก็หายไป
หลังจากที่เมื่อคืนได้นอนหลับโดยไม่ต้องจมสู่ห้วงฝัน ตอนที่ฉินซีตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก
ลู่เซิ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว มันยังคงเป็นตำแหน่งเดิมก่อนที่เธอจะขึ้นไปนอนตอนเมื่อคืนวาน ฉินซีไม่รู้ว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน หรือว่าเพิ่งจะมานั่งอยู่ตรงนั้นเมื่อตอนเช้า
ภาพที่เธอคิดถึงก่อนเข้านอนพวกนั้นวาบขึ้นมาอย่างพร่ามัว ฉินซีมองลู่เซิ่น ทันใดนั้นภายในหัวใจก็บังเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้จักหมุนวนไปมา
อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกอยากถามว่าทำไมตอนนั้นลู่เซิ่นถึงยอมช่วยเธอ
จะบอกว่าเพราะเขาสนใจรูปร่างหน้าตาของเธอก็รู้สึกฝืนใจหน่อย ๆ ถึงอย่างไรมีหรือที่ว่าข้างกายของลู่เซิ่นต้องการผู้หญิงแบบไหนแล้วจะไม่มี ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้นเพื่อรั้งเธอเอาไว้
ทว่าเธอยังไม่ทันจะได้ถามออกไป ลู่เซิ่นก็พบว่าเธอตื่นแล้ว
“ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าว” เขาพูดสั้นๆออกมาไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็ก้มมองเอกสารบนโต๊ะต่อ
คำถามของฉินซีถูกเก็บกลับมาทันที เธอทำได้เพียงยักไหล่ จากนั้นก็รีบลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ ผลตรวจในตอนเช้าก็พบว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงมากมายแล้ว ท้ายที่สุดคุณหมอจึงยอมพยักหน้าให้เธอกลับบ้าน
พ่อบ้านคอยทำความสะอาดให้แล้ว สิ่งของต่าง ๆ ในห้องพักฟื้นก็มีคนช่วยเก็บให้ ฉินซีเปลี่ยนชุดแล้วเดินไปที่ลิฟต์ช้า ๆ
ดูเหมือนว่าลู่เซิ่นจะไม่ได้กลับไปที่บริษัทลู่ซื่อ เขาเดินตามเธออย่างไม่เร่งรีบ
ขณะที่ลิฟต์กำลังลงไปที่ชั้นหนึ่ง ตอนที่ถึงแผนกผู้ป่วยนอก ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ฉินซีจึงถูกดันไปตรงตำแหน่งมุม ร่างกายโอนเอนจนเกือบจะล้มลง
ทันใดนั้นลู่เซิ่นกลับมาขวางหน้าเธอไว้ แล้วยื่นมือออกมาช่วยประคอง
“ระวังหน่อย”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ฟังไม่ออกว่าเขากำลังต่อว่าอยู่หรือเปล่า กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายอบอวลอยู่รอบ ๆ ตัวฉินซี ทำให้เธอสูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะ ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป
แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่งและมีอากาศบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้ามา ในที่สุดฉินซีก็ดึงสติกลับมาได้ เธอก็รีบผลักลู่เซิ่นออก จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินออกไปข้างนอก
หลินหยังเปิดประตูรถรออยู่ที่ข้างนอกแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรลู่เซิ่นถึงให้คนขับรถเบนซ์มา รูปลักษณ์หยาบ ๆ ภายนอกที่เหมือนรถHummerนั้น ทำให้ฉินซีนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่เธอประสบอุบัติเหตุ
หลังจากที่ถูกชนจากทางด้านข้างและท้ายรถ บวกกับการที่เธอขับรถมาด้วยความเร็วสูง รถทั้งคันแทบจะลอยตัวขึ้นกลางอากาศ พลิกคว่ำร้อยแปดสิบองศา…
ฉินซีเพียงคิดถึงภาพนั้น บนแผ่นหลังก็มีเหงื่อซึมออกมาบาง ๆ
“เกิดอะไรขึ้น” ลู่เซิ่นถามขึ้นมาจากทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าฉินซียืนหน้าประตูรถอยู่นานโดยไม่ขยับเขยื้อน
ฉินซีไม่อยากให้ลู่เซิ่นรู้สึกว่าตัวเองเสแสร้งทำตัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เธอจึงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
พูดแล้วก็กัดฟันเข้าไปนั่งในรถ