บทที่ 916 ไม่หลงเหลือเยื่อใยไมตรี
อ้างอิงจากนิสัยของฉินซีแล้ว เธอจะต้องไม่กล้ำกลืนฝืนทนเรื่องที่พวกฉินซิงพยายามที่จะทำร้ายเธอแล้วปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน เธอจะต้องเอาเรื่องนี้มาพูดในที่ประชุมเพื่อที่จะให้ทุกคนไล่พวกฉินซิงออกจากตำแหน่งคณะกรรมการ
ขอแค่เธอพูดเรื่องนี้ออกมา มันก็จะกลายเป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอมีแรงจูงใจในการให้ลู่เซิ่นยกเลิกการสั่งสินค้ากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
ฉินซึ่งเทียนเพียงแค่ต้องรีบคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ให้ได้ โน้มน้าวให้พวกคณะกรรมการเชื่อว่าฉินซีไม่ใช่คณะกรรมการที่คิดเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะถูกขับออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
ทั้งฉินซึ่งเทียนยังมีความสามารถมากพอที่จะดึงตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ ต่อให้ต้องเสียพวกฉินซิงไปก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
แผนการนี้แทบไม่มีข้อบกพร่อง แต่ฉินซึ่งเทียนคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะยอมกล้ำกลืนถึงขนาดไม่พูดอะไรออกมาประโยค
หรือว่าเป็นเพราะเธอไม่มีหลักฐานอยู่ในมือจึงไม่กล้าพูดอะไร
ฉินซึ่งเทียนปฏิเสธความคิดนี้ในใจอย่างรวดเร็ว
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของลู่เซิ่นตอนที่โทรศัพท์มาวันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนไม่มีหลักฐานจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความยั่วยุของฉินซี เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ดูเหมือนว่าฉินซีไม่ได้วางแผนจะจัดการเรื่องของฉินซิงในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้ามา เธอก็แทบไม่หันไปมองสองคนนั้นเสียด้วยซ้ำ
เห็นฉินซึ่งเทียนนิ่งเงียบอยู่อีกด้านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ฉินซีก็ยกยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็หันไปมองทุกคน “ที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปสามารถทำธุรกิจร่วมกับบริษัทลู่ซื่อได้นานหลายปีขนาดนี้นั้น ก็เป็นเพราะในช่วงแรก ๆ ศักยภาพของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปค่อนข้างที่ดี แหล่งที่มาของวัตถุดิบไม่เลว ทั้งราคาก็ยังไม่สูงก็จนเกินไป ทว่าหลายปีมานี้การบริหารจัดการภายในของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ คุณภาพของสินค้าก็ไม่สม่ำเสมอ บริษัทลู่ซื่อจึงยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า ฉันว่าประธานฉินควรต้องพิจารณาตัวเองก่อนว่าในไตรมาสนี้คุณทำงานได้แย่เกินไปหรือเปล่า”
เธอไม่หลงเหลือเยื่อใยไมตรีเอาไว้แม้แต่สักนิด ราวกับว่าฉินซึ่งเทียนไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ คณะกรรมการทุกคนในที่นี้เผยความรู้สึกประหลาดใจออกมาผ่านสีหน้า
ทว่าสีหน้าของฉินซึ่งเทียนกลับคล้ำเขียวเสียยิ่งกว่าเดิม
คิดไม่ถึงเลยว่าฉินซีจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน!
เขาทุบโต๊ะอย่างแรง “ฉินซี! ฉันเป็นพ่อของแกนะ!”
ฉินซีเหลือบมองเขาอย่างไม่ใส่ใจ “ประธานฉิน ที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป คุณเป็นประธาน ฉันเองก็เป็นคณะกรรมการ เกี่ยวอะไรกับการที่คุณเป็นพ่อของฉันล่ะ”
ไม่ทันรอให้ฉินซึ่งเทียนได้พูดอะไรต่อ คนในที่ประชุมที่สนับสนุนเขาก็เริ่มจะออกตัวแทนเขาว่า “ฉินซี ถ้าเป็นไปตามที่เธอบอก อย่างนั้นบริษัทลู่ซื่อก็ควรจะค้นพบตั้งนานแล้วสิว่าคุณภาพสินค้าของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีปัญหา ทำไมอยู่ ๆ ถึงเพิ่งมายกเลิกสัญญากับพวกเราเอาปีนี้”
ฉินซียกยิ้มจาง ๆ “ถึงแม้ว่าฉันจะแต่งงานกับลู่เซิ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรู้เรื่องอะไรของบริษัทลู่ซื่อมากมาย คำถามนี้ของคุณควรจะไปถามคนของบริษัทลู่ซื่อ ไม่ใช่มาถามฉัน”
ดูเหมือนว่าคน ๆ นั้นอยากจะพูดอะไรต่ออีก ทว่าฉินซีไม่ให้โอกาสเขาได้พูด เธอรีบกล่าวต่อว่า “แต่เท่าที่ฉันรู้เกี่ยวกับบริษัทลู่ซื่อ ส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะการสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็เป็นแค่เรื่องเล็กหน่อย ตอนที่แม่ของฉันกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยังมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ บริษัทลู่ซื่อก็เลยยินดีที่จะตามน้ำเพื่อรักษาน้ำใจ ยอมจ่ายเงินเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ ทว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนแม่ของฉันกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว ดังนั้นบริษัทลู่ซื่อจึงไม่จำเป็นจะต้องรักษาน้ำใจอีกต่อไป”
หลังจากที่เธอพูดจบ สีหน้าของทุกคนในที่ประชุมก็ค่อนข้างที่จะไม่น่ามอง
ความจริงแล้วบริษัทลู่ซื่อยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ดังนั้นที่ฉินซีพูดแบบนี้ก็ไม่ถือว่าผิด แต่พอคิดว่าบริษัทลู่ซื่อใช้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในการเลือกสั่งซื้อสินค้าอย่างไม่ใส่ใจ จนทำให้กิจการของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปหยุดชะงักแล้ว ไม่มีใครที่รู้สึกว่าสามารถยอมรับตรงจุดนี้ได้
คนคนนั้นพยายามที่จะอดกลั้นอยู่นาน หลังจากกดข่มความรู้สึกเอาไว้ได้แล้วก็พูดออกมาว่า “ถ้าเป็นไปตามที่คุณพูด แม่ของคุณไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทตั้งแต่เมื่อปีก่อนหน้าแล้ว ทำไมบริษัทลู่ซื่อถึงได้มายกเลิกสัญญาเอาปีนี้”
ฉินซีแทบจะถูกคำถามนี้ของเขาทำให้หมดความอดทน “คุณลองมองให้ชัด ๆ สิ สัญญาความร่วมมือระหว่างบริษัทลู่ซื่อกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปค่อย ๆ ทยอยถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปีนั้นแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้มันมากกว่าเดิมก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณต้องการรู้ว่าทำไม ฉันสามารถบอกคุณได้ คำสั่งซื้อพวกนี้ไม่มีค่าพอให้บริษัทลู่ซื่อต้องคิดหาวิธียกเลิกสัญญาล่วงหน้า ทั้งยังต้องมีการเจรจาเรื่องการผิดสัญญาอีก ถ้าฉันเป็นคนของบริษัทลู่ซื่อ ก็คงใช้โอกาสตอนที่สัญญาหมดอายุนี่แหละ ทำแบบนี้แล้วลดขั้นตอนไปได้ไม่น้อย”
คำพูดนี้ของเธอทำให้ทุกคนในที่ประชุมถึงกับพูดไม่ออก
สีหน้าของฉินซึ่งเทียนคล้ายกับคนที่กินอุจจาระเข้าไป ทว่าคำพูดของฉินซีทำให้เขาโต้แย้งไม่ออกจริง ๆ
ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดเลยว่าฉินซีจะใช้เหยาหมิ่นมาเป็นทั้งตัวรุกและเกราะกำบัง
เมื่อฉินซีเห็นทุกคนเงียบและยินยอมที่จะไม่เถียงต่ออีก เธอจึงเคาะโต๊ะแล้วพูดสรุปว่า “ดังนั้นแล้วเรื่องที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องสูญเสียการสั่งซื้อสินค้าของบริษัทลู่ซื่อ นัยหนึ่งก็เป็นเพราะตระกูลเหยาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลฉินแล้ว แต่สาเหตุที่สำคัญกว่าก็คือการที่คุณภาพสินค้าของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแย่จนเกินไป หากเราต้องการแก้ไขปัญหานี้ ก็ต้องเริ่มจากระบบภายใน คิดแต่จะหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ เอาแต่โยนความผิดให้คนอื่น ทำแบบนี้แล้วบริษัทจะพัฒนาได้ยังไง”
พูดจบเธอก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
ฉินซึ่งเทียนที่ถูกคำพูดนี้เสียดสีประชดประชันตกใจเป็นอย่างมาก เป็นธรรมดาที่เขาจะรับไม่ได้ เขาตบโต๊ะ กำลังคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจากผู้ร่วมประชุม
“ในเมื่อพูดถึงเรื่องสินค้า ถ้าอย่างนั้นเราก็มาพูดถึงปัญหาที่ช่วงนี้อัตราการหมุนเวียนของสินค้าที่ต่ำลงเป็นอย่างมากกันหน่อยไหม”
ฉินซึ่งเทียนที่ถูกแย่งบทพูดไปเงยหน้ามองคนที่พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ฉินซีเองก็แปลกใจเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่พูดจะเป็นหซู่หนาน
แท้จริงแล้วผู้จัดการทั่วไปก็มาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ทว่าหซู่หนานเอาแต่นิ่งเงียบอยู่ตลอด ตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบว่าความจริงแล้วหซู่หนานเองก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทว่าสีหน้าที่แตกต่างกันของผู้ร่วมประชุมกับแววตาที่อยากจะฆ่าคนของฉินซึ่งเทียนไม่สามารถทำให้หซู่หนานหยุดพูดได้ เขาถามฉินซึ่งเทียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ผมมีข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง ขอเอามาแสดงสักหน่อยได้ไหม”
น้ำเสียงที่เป็นทางการของเขาทำให้ฉินซึ่งเทียนเอ่ยปฏิเสธไม่ได้ เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็โบกมืออนุญาต
สีหน้าของคนในที่ประชุมน่าดูชมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉินซีและฉินซึ่งเทียนขัดแย้งกันมาโดยตลอด จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะกล้ายั่วยุเขาต่อหน้าทุกคน
ทว่าหซู่หนานเป็นลูกเขยคนที่ฉินซึ่งเทียนเอ็นดูเป็นอย่างมาก ตลอดมาเขาเป็นคนที่ค่อยทำตามคำสั่งของฉินซึ่งเทียนมากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าอยู่ ๆ เขาจะลอบแทงข้างหลังฉินซึ่งเทียนในช่วงเวลาแบบนี้
พวกคณะกรรมการถือโอกาสตอนที่ฉินซึ่งเทียนไม่ให้ความสนใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันผ่านทางสายตา
พอได้ชมการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าการมาประชุมคณะกรรมการครั้งนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์
หซู่หนานยืนอยู่บนเวทีอย่างสงบนิ่ง รอให้ PPT ของเขาฉายขึ้น จากนั้นก็เริ่มวิเคราะห์อย่างจริงจัง
“ข้อมูลชุดนี้ได้มาจากการตรวจสอบสินค้าคงคลังในช่วงนี้ ดังนั้นจึงเป็นข้อมูลที่ใหม่มาก ผมได้ขอให้สำนักงานมาช่วยจัดการ ดังนั้นทุกคนจึงสามารถเชื่อได้ว่าข้อมูลนี้นั้นถูก พวกเรามาดูตรงนี้กันก่อน อัตราการหมุนเวียนของสินค้าตรงส่วนนี้แย่ที่สุด…”
คำพูดของหซู่หนานเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งอารมณ์โมโหของฉินซึ่งเทียนเองก็ยังจางหายไปเล็กน้อย เขาหันไปฟังที่หซู่หนานพูดอย่างตั้งใจ