บทที่ 917 เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความขัดแย้งของผู้อื่น
ข้อมูลในมือของหซู่หนานเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของทุกคน หลังจากที่เขาอธิบายสไลด์ไม่กี่นั้นหน้าจบ อารมณ์ของทุกคนที่จมอยู่กับการทะเลาะกันระหว่างฉินซีและฉินซึ่งเทียนก็ถูกดึงกลับมา
ไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลอื่น แต่เป็นเพราะว่าถ้าหากข้อมูลที่หซู่หนานว่ามานั้นเป็นความจริงทั้งหมด อย่างนั้นแล้วสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ก็คงจะไม่สู้ดีนัก
สีหน้าของฉินซึ่งเทียนดำมืด เขาไม่รอให้คนอื่นพูดก็ชิงถามขึ้นมาก่อน “หซู่หนาน นายมั่นใจเรื่องข้อมูลในมือแล้วใช่ไหม”
หซู่หนานพยักหน้า “ผมให้สำนักงานสอบดูแล้ว สุดท้ายยังมีการลงนามโดยผู้ตรวจสอบบัญชี”
ฉินซึ่งเทียนสูดหายใจสองสามครั้ง ก่อนจะกลืนคำถามที่ติดอยู่ที่ปากกลับเข้าไป
ฉินซีมองเขาอย่างเย็นชา เดาได้เลยว่าเขาคงคิดจะตำหนิหซู่หนานว่าทำไมถึงได้เชิญคนมาตรวจสอบโดยพลการ
จุดจบที่ใกล้จะเข้ามาแล้วแท้ ๆ แต่กลับยังคิดจะเลียนแบบอูฐ ปิดหูปิดตาทำราวกับว่ามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
ฉินซีเย้ยหยันในใจ
ปัญหาในข้อมูลที่ได้รับจากหซู่หนานนั้นนักหนาเกินไป ท้ายที่สุดจึงมีคนที่อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ว่า “แต่ข้อมูลในรายงานประจำปีเมื่อปลายปีที่แล้วกับข้อมูลนี้จะต่างกันมากเกินไปหรือเปล่า…”
แต่เพราะว่าบรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบเป็นอย่างมาก เสียงพึมพำนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการพูดเสียงดังในที่สาธารณะ
ฉินซีเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของฉินซึ่งเทียนแล้วก็เข้าใจได้ทันที
ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่นัก ถึงอย่างไรเธอก็ได้เห็นผลการตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นทางการจากลู่เซิ่นตั้งนานแล้ว
ทว่าแค่อ่านเอกสารที่อยู่ในมือของหซู่หนานฉบับนี้ ก็พอจะเดาผลลัพธ์ของเรื่องนี้ออกได้เช่นกัน
แน่นอนว่าฉินซึ่งเทียนเป็นคนที่ปลอมแปลงข้อมูลทรัพย์สินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
คนคนนั้นรู้สึกตกใจที่เหมือนว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรออกมา จึงรีบปิดปากอย่างรวดเร็ว
แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดเหมือนกัน สีหน้าของพวกเขาจึงค่อนข้างที่จะดูไม่ได้
หากเรื่องการปลอมแปลงข้อมูลทรัพย์สินเป็นการกระทำแบบส่วนตัว ทุกคนก็ยังพอที่จะเปิดตาข้างปิดตาข้างได้ แต่ในเมื่อหซู่หนานเอามาพูดในที่ประชุม ทั้งยังซักไซ้ไล่เลียงปัญหานี้อย่างละเอียด แบบนี้แล้วไม่ว่าใครก็คงไม่สามารถล้างมลทินให้ตัวเองได้อย่างสะอาดหมดจด
แม้แต่ตัวหซู่หนานเองก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้
ทว่าสีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก “เหตุผลที่ผมพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมในวันนี้ ก็เพราะหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าตอนนี้บริษัทของเรากำลังอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างจะวิกฤต ถ้าหากพวกเรายังทำเป็นไม่รู้อะไรเลยต่อไป เป็นไปได้ว่าอาจจะพลาดโอกาสในการกอบกู้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป… ”
ฉินซึ่งเทียนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาจึงพูดขัดจังหวะขึ้นมา “หซู่หนาน!นายเป็นแค่ผู้จัดการทั่วไป เรื่องการเติบโตของบริษัทในอนาคต ไม่จำเป็นที่จะต้องให้นายมาช่วยคิดพิจารณา!”
หซู่หนานหันไปมองฉินซึ่งเทียน “ผมเพียงแค่…”
“หุบปาก!” ฉินซึ่งเทียนตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ “ฉันหวังว่าทุกคนจะลืมสิ่งที่เห็นในวันนี้ทันทีที่เดินออกไปจากห้องประชุม”
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเยาะเย้ยออกมา
นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่ไปคิดหาวิธีกอบกู้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป แต่ยังจะคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อีก
โชคดีที่ฉินซึ่งเทียนกำลังอยู่ในอารมณ์โมโห เขาจึงไม่ได้เห็นสีหน้าของเธอ ไม่อย่างนั้นแล้วทั้งสองคนคงได้ทะเลาะกันต่ออีกสักยก
พวกกรรมการกลับไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา ทั้งยังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ฉินซึ่งเทียนดื่มน้ำ พยายามบังคับให้ตัวเองกลับมาเยือกเย็นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อว่า “ปัญหารายงานที่ผู้จัดการทั่วไปหซู่หนานพูดถึง พวกเราค่อยแก้ปัญหาด้วยการเปิดประชุมกับผู้รับผิดชอบหลัก ๆ เป็นการส่วนตัวอีกครั้งในภายหลัง”
หซู่หนานพยักหน้า
ฉินซีรู้สึกขบขัน
คนทั้งบริษัทเชื่อฟังความคิดเห็นของฉินซึ่งเทียนเพียงผู้เดียว ในเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วเขาจะเปิดประชุมสืบหาอะไรไปทำไมอีก
ทำแบบนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการหาเวลามาจัดการแบบลวก ๆ
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว เลิกประชุมได้ หซู่หนานรออยู่ที่นี่ก่อน ส่วนคนอื่นไปได้”
เพราะว่าถูกหซู่หนานเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ฉินซึ่งเทียนจึงจำเป็นต้องรีบปิดการประชุมโดยด่วน เขาไม่ได้มองฉินซีแม้แต่แวบเดียว
ฉินซียักไหล่ เพียงแต่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างไรสถานการณ์ในปัจจุบันก็ค่อนข้างที่จะสอดคล้องกับแผนของเธอ
ฉินซึ่งเทียนตั้งใจจะใช้บริษัทลู่ซื่อเพื่อทำเรื่องอะไรบางอย่าง เป็นอย่างที่เธอคาดไว้จริง ๆ ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ กำจัดสิ่งน่ารังเกียจที่ฉินซึ่งเทียนทำมาตลอดหลายปีนี้ออกไป
ทว่าหซู่หนานกลับเข้ามาก่อกวนแผนการของเธอ
แต่ก็ยังดี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือความคาดคิดของหซู่หนานตรงกับจุดประสงค์เดิมของเธอ
เธอก็แค่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความขัดแย้งของผู้อื่น ไม่มีอะไรที่ไม่ดี
ส่วนของที่เธอมีอยู่ในมือก็…เอาไว้พูดในโอกาสหน้าก็แล้วกัน
นับได้ว่าการประชุมคณะกรรมการครั้งนี้เป็นไปอย่างชื่นมื่น ตอนที่ฉินซีเดินออกมาจากห้องประชุมก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งเธอพบหลี่เหวยที่หน้าขึ้นลิฟต์
“สมกับเป็นลูกสาวของเหยาหมิ่นจริง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถอาศัยผู้ชายได้ตลอด แล้วก็…มักมีคนต้องเสียเงินเปล่าเพื่อหนุนหลังเธอเสมอ”
หลี่เหวยมองอย่างดูถูก
ฉินซีเลิกคิ้ว
เมื่อกี้เธอยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมหลี่เหวยถึงไม่ปรากฏตัวในที่ประชุมคณะกรรมการ ดูแล้วเหมือนว่าเธออาจจะซ่อนตัวและแอบฟังอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ฉินซีไม่คิดจะสนใจว่าหลี่เหวยจะเล่นลูกไม้อะไร เธอค่อนข้างดูถูกที่หลี่เหวยชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนผีแบบนี้ จึงตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “เรื่องอาศัยผู้ชายฉันเทียบคุณไม่ได้หรอกนะ”
“แก!” หลี่เหวยเธอลืมตาด้วยความโกรธ
“พอเถอะ” ฉินซีโบกมือ “ถ้าตอนนี้ฉันตบคุณอีกจะไม่มีใครช่วยออกหน้าให้คุณเอานะ คุณควรประหยัดเวลาเอาไว้ดีกว่า”
หลี่เหวยถูกกระตุ้นจนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง ทว่าก่อนหน้านี้ที่เธอถูกฉินซีตบยังคงทิ้งเงามืดเอาไว้ในหัวใจ คล้ายกับว่ารู้สึกปวดจาง ๆ ที่แก้ม
ขณะที่ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมาจากไกล ๆ “ประธานหลี่!”
หลี่เหวยหันกลับมาหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง มองไปยังคนที่มา “มีอะไรเหรอ”
พนักงานคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาทันที จากนั้นจึงค่อยเห็นว่าฉินซีเองก็ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ในเมื่อคำพูดถูกพูดออกมาแล้ว ก็ไม่ง่ายที่จะเก็บกลับเข้าไป เขาจึงทำได้เพียงลดเสียงลงแล้วพูดว่า “ประธานฉินกับผู้จัดการทั่วไปหซู่หนานยังอยู่ในห้องประชุม จึงให้คุณกับคุณฉินรีบตามมาเร็วเข้า”
เพียงแต่ว่าบริเวณด้านหน้าลิฟต์เงียบมาก แม้ว่าเขาจะลดเสียงลง แต่ฉินซีก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าเธอรู้ว่า “คุณฉิน” ที่พูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึงเธอ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็น…ฉินหว่านสินะ
ในการเปิดประชุมคณะกรรมการบริษัท จะดีจะเลวยังไงหลี่เหวยก็ยังมีตำแหน่งในองค์กร มาเข้าร่วมประชุมก็ไม่ได้นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอะไร แต่ฉินหว่าน…
ฉินซีเหลือบมองหลี่เหวยด้วยความสงสัย จึงพบว่าหลี่เหวยยังหันมามองเธอด้วยสายตาเย้ยหยันเข้าพอดี
“ในเมื่อประธานหลี่มีธุระต้องไปจัดการ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเห็นหลี่เหวยกำลังจะอ้าปาก ฉินซีรู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะไม่ได้พูดเรื่องดี ๆ ออกมาแน่ แน่นอนว่าเธอจะไม่เปิดโอกาสให้หลี่เหวยได้เยาะเย้ย เธอยิ้มให้กับพนักงานคนนั้น ก่อนจะเชิดหน้าเดินเข้าไปในลิฟต์
เดิมทีหลี่เหวยคิดจะเยาะเย้ยที่ฉินซีมีปฏิกิริยาต่อคำว่า “คุณฉิน” ตัดใจจากตระกูลฉินไม่ลงใช่ไหมล่ะ เพราะว่ากลับถูกฉินซีขับขวางเอาไว้เสียก่อน คำพูดจึงเกือบจะติดอยู่ในลำคอ
“ประธานหลี่” เมื่อเห็นเธอยืนไม่ขยับอยู่นาน พนักงานคนนั้นเลยส่งเสียงเรียกเธออีกครั้ง
หลี่เหวยดึงสติกลับมา เก็บสีหน้าแล้วเดินไปทางห้องประชุม
…
ตอนที่ฉินซีเดินไปถึงลานจอดรถ เธอก็สามารถจัดระเบียบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ได้แล้ว
หลี่เหวยไม่ได้อยู่ในห้องประชุม แต่อาจได้ยินเนื้อหาของการประชุมจากที่อื่น และฉินหว่านก็อยู่ในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
นั่นก็คงเป็นเพราะหลี่เหวยตั้งใจพาฉินหว่านมาทำความคุ้นเคยกับขั้นตอนการทำงานของกรรมการบริษัทอย่างแน่นอน จากนั้นก็ถือโอกาสทำความรู้จักกับพวกคณะกรรมการ
เจตนาแบบนี้มันง่ายมากที่จะถูกคนมองออก
…อยากจะขึ้นมาบนเรือผุ ๆ พัง ๆ อย่างบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจนอดใจไว้ไม่ไหวแล้วสินะ