บทที่ 92 เธอไม่กล้าคิด
วินาทีต่อมา มู่วี่สิงก็ผลักเธอออกไปอย่างสุดแรง หลอดไฟเหนือหัวก็พลัดตกลงมาต่อหน้าต่อตาเวินจิ้ง
และมีประกายไฟจึงทำให้ไฟไหม้รุนแรงขึ้น
ระหว่างสองคนนั้นมีเปลวไฟลุกโชติช่วง
เวินจิ้งต้องการที่จะวิ่งหนีไปแต่กลับถูกมู่วี่สิงสั่งห้ามเอาไว้ “อย่าขยับ!”
เขามองไปที่ลิฟต์นิรภัยและชี้ไปที่นั่น “ไปเลย!”
“แล้วคุณล่ะ” ทั้งสองแยกจากกันในระยะทางสั้น ๆ แต่กลับไม่สามารถข้ามได้
“ฉันจะรอ….” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ หลอดไฟก็ตกลงมาอีก เวินจิ้งเบิกตากว้าง ถึงแม้มู่วี่สิงจะหลบได้แต่มือของเขาก็โดนเปลวไฟ
น้ำตาของเวินจิ้งไหลลงหนักกว่าเดิม
“ไม่นะ…..” เธอยืนอยู่เช่นนั้นและต้องการวิ่งไป
มีเพียงนักดับเพลิงเท่านั้นที่เข้ามาอย่างรวดเร็วและนำเวินจิ้งออกมา
ร่างสูงโปร่งของมู่วี่สิงไกลออกไปจากเธอ
“ด้านในยังมีคนอยู่ไหม?” พนักงานดับเพลิงถาม
“มี…สามีฉันอยู่ด้านใน…” เวินจิ้งชี้ไปในตำแหน่งนั้น
“ฉันรับทราบแล้ว คุณผู้หญิง คุณรีบออกไป”
เวินจิ้งถูกนำออกมาและเมื่อเพลิงไฟเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นักดับเพลิงก็ระดมกำลังค้นหา แต่อีกสิบนาทีต่อมาก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เวินจิ้งยืนอยู่ด้านนอกอาคารและอาคารผู้ป่วยนอกถูกปิดกั้นไว้ เธอล้มลงกับพื้นจากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมองอาคารอย่างดื้อรั้น
มู่วี่สิงอย่าเป็นอะไรไปเลยนะ
“หลีก ถอย…..” ทันใดนั้นเสียงมาจากอาคารผู้ป่วยนอก มีคนถูกเข็นออกจากเตียงพยาบาลและแผลของการบาดเจ็บจำนวนมากนั้นไม่น่าดู
เวินจิ้งเงยหน้า “มู่..มู่วี่สิง….” เธอเดินโซเซไป ใบหน้าของเขาถูกไฟไหม้จนไม่สามารถมองเห็นได้เลย เวินจิ้งเงียบไป
“มู่วี่สิง….” เธอต้องการจับมือเขา แต่เธอก็สั่นอยู่ตลอดเวลา
“มู่วี่สิง…คุณจะประสบอุบัติเหตุได้อย่างไร…คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ…”
เธอก้มหน้าร้องไห้ ร่างกายเธอหมดแรงและล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกำลังจะถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลเวินจิ้งจึงจะวิ่งไป
เมื่อเธอกำลังจะลุกขึ้น ชายตรงหน้าเธอนั้น…
เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม…
เธอเบิกตากว้าง เธอกำลังจะยืนขึ้น ประตูรถพยาบาลกำลังจะปิดลง เธอก้าวถอยหลัง
มู่วี่สิงที่ยืนอยู่ตรงหน้ากอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
“เวินจิ้ง ฉันเอง”
เขาเพิ่งจะออกมาจากนั้นก็มองเห็นเวินจิ้งยืนร้องไห้อยู่ด้านข้างและยังพบเจอหมออีกคนในแผนก
ความเศร้าโศกของดวงตาส่องประกาย
เมื่อได้ยินเธอตะโกนถึงเขา ใบหน้าของเขาก็อ่อนลง
“คือคุณ มู่วี่สิง คุณไม่เป็นอะไรเลยเหรอ ไม่ใช่ว่าคุณโดนไฟคลอกไปแล้วหรือไง….” เวินจิ้งสัมผัสใบหน้าเขา
มู่วี่สิงจับข้อมือของเธอ แต่ด้วยแรงเพียงเล็กน้อย เวินจิ้งก็สะบัดออกได้อย่างง่ายดาย
เธอมองไปที่ข้อมือของมู่วี่สิงที่กำลังมีเลือดไหล ใบหน้าเปลี่ยนสี “มู่วี่สิง…รีบไปโรงพยาบาลเลยนะ!”
อีกไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงและโรงพยาบาลประชาชนก็เต็มแล้วจึงต้องไปโรงพยาบาลใกล้เคียง
ระหว่างทาง เวินจิ้งจับแขนของ มู่วี่สิงไว้แน่นและใบหน้าของเธอนั้นซีดเซียวดูไม่สงบนิ่ง
โชคดี ที่เขาไม่เป็นอะไร…
“เวินจิ้ง หากฉันตายไม่ใช่ว่าคุณจะดีใจหรือ?” มู่วี่สิงถามทันใด
โดยปกติไม่ใช่ว่าพูดว่าอยากแยกทางกับเขาหรือ หากเขาเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เวินจิ้งก็จะเป็นอิสระ
“อย่าพูดเพ้อเจ้อ” เธอจ้องมองเขาและปิดปากเขาไว้ “ฉันไม่ดีใจ”
เธอก้มหน้าพูด ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา มีผลกระทบมากมายในใจของเธอ ให้มู่วี่สิงประสบกับอุบัติเหตุหรือเธอไม่แม้แต่กล้าที่จะคิดเช่นนั้น