บทที่ 93 ราบรื่นในความรัก
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล มู่วี่สิงต้องรับมือกับการทำแผลและผ้าพันมือ มือของเวินจิ้งจับแขนเขาไว้ ไม่ปล่อยไปไหน
มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้นจากนั้นเขาก็ยิ้มด้วยดวงตา “ออกไปรอด้านนอก บาดแผลไม่ได้น่ามองนัก”
เวินจิ้งนิ่ง หมอเข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอจึงต้องปล่อยมือ
แต่ว่ากลับไม่สบายใจ เธอยังคงคอยอยู่ด้านนอกอย่างร้อนใจ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป มู่วี่สิงก็เดินออกมาพร้อมด้วยผ้าพันแผลที่ข้อมือ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเขา
เมื่อนึกถึงครั้งที่แล้วที่มือเขาบาดเจ็บ ครั้งนี้มือเขายังบาดเจ็บอีก เวินจิ้งขมวดคิ้วแสดงถึงความกังวล
“ต้องอยู่โรงพยาบาลดูอาการไหม?” เธอถามหมอ
“ไม่ต้อง วันถัดไปมาทำแผลดูอาการก็พอ”
ถึงแม้ว่าหมอจะพูดเช่นนี้ แต่เวินจิ้งก็ยังไม่สบายใจ ระหว่างทางกลับบ้านเธอคอยมองมู่วี่สิงตลอดเวลา เช็คแล้วเช็คอีกว่าชายที่อยู่ข้างกายเธออาการโอเค
น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอรีบหันหน้าหนีทันที
เมื่อไหร่กัน ที่กลายเป็นคนอ่อนแอเช่นนี้
เพียงครึ่งวัน แต่มันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าผ่านไปเป็นศตวรรษแล้ว
“เวินจิ้ง ฉันอยู่ข้างกายเธอตลอด” มู่วี่สิงมองใบหน้าเธอจากนั้นกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขน
สิ่งที่หูเธอได้ยินนั้นคือเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจ ลมหายใจของเธอค่อยๆสงบลง
“นี่คือสัญญา” เวินจิ้งกล่าว
มู่วี่สิงพยักหน้า เชยคางเธอขึ้น เขาจูบเธออย่างแนบแน่น
เวินจิ้งหลับตาลง กอดคอของเขาโดยสมัครใจ ในเมื่อควบคุมไม่ได้แล้วก็ปล่อยให้เป็นไป
เนื่องจากอาการบาดเจ็บของมู่วี่สิงนั้น โรงพยาบาลจึงจัดการปรับปรุงซ่อมแซ่มในส่วนเหตุเพลิงไหม้ เดือนต่อมามู่วี่สิงก็พักฟื้นจากการบาดเจ็บ
ในวันหยุดสุดสัปดาห์เสี้ยวหงเข้ามา เขาเห็นมู่วี่สิงกำลังนั่งอย่างเกียจคร้านบนโซฟา ด้านข้างคือเวินจิ้งที่กำลังยื่นผลไม้ให้เขากิน
ราวกับถูกยัดอาหารให้เหมือนสุนัข เขานั่งลงไม่พอใจ “มู่วี่สิง ฉันดูแล้วฉันว่าคุณน่ะหายดีแล้วนะ”
“โดยปกติแล้ว เหตุผลหลักคือฉากรักที่ภาคภูมิใจ” มู่วี่สิงยิ้มเยาะ
เวินจิ้งนิ่งงัน ผู้ชายคนนี้พูดอะไรกัน?
“พวกคุณคุยกันไปเถอะ จำไว้ อย่าขยับมือขวาเด็ดขาด” รู้ว่าทั้งสองจะพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ เวินจิ้งจึงเดินขึ้นไปที่ห้อง แต่กลับไม่วางใจจึงเตือนเขาไปอีกครั้งหนึ่ง
เสี้ยวหงมองไปที่เวินจิ้ง จากนั้นมองไปที่ชายที่กำลังมีความรักหัวปักหัวปำ “พวกคุณไม่ได้แต่งงานเพื่อเงื่อนไขสัญญาหรือ? ละครเรื่องนี้มีไว้เพื่อใคร?”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ?” มู่วี่สิงกล่าวเย้ยหยัน
“ฉันเป็นห่วงคุณ ฉันคิดว่า หล่อนธรรมดาเกินไป” เสี้ยวหงตอบกลับ
เขารู้ตัวตนที่แท้จริงของมู่วี่สิง แม้ว่าตอนนี้คุณปู่มู่จะรู้จักเธอแล้วก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลมู่จะยอมรับเธอในอนาคต
“เสี้ยวหง คุณออกไปซะ” ใบหน้าของมู่วี่สิงแสดงออกถึงความโกรธ
เสี้ยวหงขมวดคิ้ว ช่างเถอะ ไม่พูดแล้วกัน
“คุยธุรกิจเถอะ”
ใบหน้าของมู่วี่สิงผ่อนคลายลงเล็กน้อย “สิ่งต่าง ๆ ในอนาคต ฉันมีความคิดเห็น”
ในกลางคืน เวินจิ้งตุ๋นซุปอยู่ในครัว พลางเรียกสาวใช้และเตรียมวัสดุอุปกรณ์
หม้อที่เต็มไปด้วยตีนเป็ด เมื่อมู่วี่สิงเห็นใบหน้าเขาก็ถอดสี
“เวินจิ้ง วันนี้ฉันกินมาอิ่มมากแล้ว” เขานั่งลงพร้อมกับโอบกอดเธอ
“ดื่มแค่ซุปแล้วก็กินตีนเป็ดสักสองสามชิ้นก็ได้นี่ อย่าดื้อนักเลย” เวินจิ้งเกลี้ยกล่อม
สองสามวันที่ผ่านมาเธอรู้ ผู้ชายคนนี้กินได้เพียงแต่อาหารเบาๆไม่ได้หนักมากนัก
แต่มู่วี่สิงนั้นดื้อรั้นมาก ในเวลานี้เขาไม่คิดจะขยับและกอดเวินจิ้งไว้ คิดอยากจะจูบเธอ
มือของเวินจิ้งนั้นกดกับริมฝีปากเขาและผลักออกไป “กินเสร็จ ค่อยจูบ”
“เวินจิ้ง พรุ่งนี้ฉันค่อยกิน” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว จากนั้นย้ายหม้อตุ๋นออกไป
“ฉันทำงานหนักมาเป็นเวลานานถึงสามชั่วโมง มู่วี่สิง คุณจะปฏิบัติต่อฉันแบบนี้จริงๆเหรอ?”