บทที่ 943 อำนาจของความรวย
ตั้งแต่นั้นภายในครึ่งเดือนต่อมา ฉินซีก็เริ่มไปๆมาๆที่บริษัทลู่ซื่อบ่อยขึ้น
ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นพูดอะไรกับคนในแผนก การประชุมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นช่วงเช้า เมื่อเป็นแบบนี้ฉินซีจึงจำต้องติดรถของลู่เซิ่นไปที่บริษัทด้วยทุกครั้ง
เพียงแต่ว่า……เธอต้องไม่ทำตัวให้เป็นที่น่าสงสัย จึงไม่เคยลงจากรถพร้อมลู่เซิ่นเลยสักครั้ง
ลู่เซิ่นเองก็ไม่ถือสา แต่ถ้าวันไหนเธอประชุมถึงเที่ยง ก็จะลงมาเรียกเธอไปกินข้าวด้วยตัวเอง
เริ่มแรกพนักงานในแผนกต่างพากันตกใจเป็นอย่างมาก พอหลังๆมาเริ่มชิน และหัวไวพอจะคิดอะไรได้ จึงดูออกว่าความสัมพันธ์ของฉินซีกับลู่เซิ่นไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่เมื่อพวกเขาลองถามฉินซีอ้อมๆ ฉินซีกลับบ่ายเบี่ยง ไม่เคยตอบเลยสักครั้ง
ช่วงหนึ่ง ในแผนกจึงเต็มไปด้วยข่าวซุบซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา บางคนก็พูดว่าฉินซีเป็นคนรักที่ลู่เซิ่นเลี้ยงดูบางคนก็พูดว่าฉินซีเป็นรักแรกพบของลู่เซิ่นในวันที่เขามาสังเกตการณ์ที่แผนก ฉินซีบังเอิญได้ยินมาบ้าง เธอรู้สึกว่าที่ทุกคนพูดมาน่าขำหมด
เธอไม่รู้ว่าคนในบริษัทลู่ซื่อมองเธอยังไง แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากเท่าไหร่นัก
ถึงยังไงฉินซีก็มาทำงานที่นี่แค่ชั่วคราว ความคิดของคนอื่นไม่มีผลอะไรต่อเธอหรอก
ส่วนใครอีกคนที่ถูกกล่าวถึงในข่าวซุบซิบนั่น……..ฉินซีมองใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของลู่เซิ่น จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ
เขาก็น่าจะไม่เก็บมาใส่ใจหรอกมั้ง
……
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดทุกอย่างก็เตรียมพร้อม
ถึงฉินซีจะเป็นคนคิดไอเดียต่างๆ แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้กำกับมืออาชีพ แผนกโฆษณาจึงเชิญผู้กำกับและตากล้องมืออาชีพมาถ่ายงานในครั้งนี้ ทั้งยังเชิญทีมผู้ผลิตรุ่นหลังที่มีชื่อเสียงในแวดวงนี้เข้าร่วมด้วย เพราะกลัวว่าพวกเขาจะสื่อสารกับฉินซีไม่เข้าใจ และไม่บรรลุความต้องการของฉินซี จึงเชิญให้พวกเขามาพูดคุยฉินซีก่อนล่วงหน้าที่บริษัทลู่ซื่อ
ในทุกๆครั้งฉินซีจะเห็นจำนวนงบประมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องถอนหายใจให้กับอำนาจความรวยของบริษัทลู่ซื่อ
แต่ความเป็นมีอาชีพของทีมงานก็ไร้ที่ติจริงๆ ประชุมไม่กี่ครั้ง ทีมกล้องก็เข้าใจแผนงานของฉินซีเป็นอย่างดี
ดังนั้นเมื่อการเตรียมงานในช่วงแรกสำเร็จลุล่วง ฉินซีจึงรู้สึกโล่งไม่น้อยเลย
ความถี่ในการประชุมลดลง และเธอก็ไม่จำเป็นต้องไปที่สถานที่ถ่ายทำทั้งหมด เธอเลยมีเวลาว่างคัดเลือกและขัดเงารูปภาพ รอจนกว่าผลงานของทีมกล้องถูกส่งมา เธอแค่รอดูอีกรอบ จากนั้นก็เลือกภาพที่ถูกใจเท่านี้ก็เสร็จแล้ว
ได้ใช้ชีวิตสบายๆแบบนี้แค่ไม่กี่วัน วันหนึ่ง จู่ๆฉินซีก็ได้รับสายโทรศัพท์จากหซู่เป่ย
เรื่องการทำข้อตกลงกับทีมงานของหซู่เป่ยทางบริษัทลู่ซื่อเป็นฝ่ายเจรจาเอง ฉินซีเองก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายพวกเขาได้ข้อสรุปมาว่ายังไง แต่ฟังจากที่แฟนคลับของหซู่เป่ยพูดกัน คร่าวๆคือคุยกันไว้ว่าจะใช้เวลาหนึ่งวันในการถ่าย
ฉินซีฟังเข้าหูแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แม้ว่าหซู่เป่ยจะเป็นดารา แต่เธอก็แค่เอาหซู่เป่ยมาเป็นหนึ่งในตัวดำเนินเรื่องที่ไม่ได้ต่างจากตัวดำเนินเรื่องคนอื่นๆอะไร เธอจึงไม่ได้สนใจ แม้แต่เรื่องหซู่เป่ยถ่ายวันไหน เธอก็ไม่ได้เสียเวลาไปจำเลยสักนิด
พอจู่ๆได้รับสายของหซู่เป่ย ฉินซีจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“คุณตากล้อง ทำไมไม่มาสถานที่ถ่ายทำล่ะ?” เมื่อกดรับ เสียงมีเอกลักษณ์ของหซู่เป่ยก็ดังขึ้นมา
ฉินซียิ้มนิ่งๆ “ฉันไม่ได้เชี่ยวชาญในการถ่ายลักษณะนี้ ถ้าไปก็คงได้แค่ดูเฉยๆ”
“ถ้ารู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนถ่ายตั้งแต่แรก รู้งี้ผมไม่น่ารับงานมาเลย” แม้ว่าน้ำเสียงของหซู่เป่ยจะฟังดูเชิงหยอกล้อ แต่ฉินซีก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ตากล้องที่นั่นสื่อสารไม่เข้าใจเหรอ?”
“เปล่าหรอก” หซู่เป่ยปฏิเสธเสียงเอื่อยๆ “เพียงแต่ว่าถ้าพวกเขาเป็นคนถ่ายให้ผม ผมคงไม่ดีใจเท่าไหร่”
ถึงยังไงเขาก็เป็นดาราดัง การมีอารมณ์เหวี่ยงวีนจึงเป็นเรื่องปกติ ฉินซีพูดจูงใจตัวเองไปพลาง เอ่ยถามอีกฝ่ายไปพลาง “แล้วคุณต้องการอะไร?”
“ก็ถ้าคุณยุ่ง ไม่มีเวลามาถ่ายให้ ผมก็ไม่อยากรบกวนคุณหรอก” หซู่เป่ยพูดอ้อมๆ แต่ฉินซีเข้าใจว่าเขาอยากให้เธอไป
ลังเลอยู่สักพัก ฉินซีก็พูดตัดบทขึ้นมาว่า “ฉันพอจะว่างอยู่ เดี๋ยวไปดู”
หซู่เป่ยไม่ได้ดึงดันอะไรต่อ แค่ตอบรับเสียงนิ่ง แล้วกดวางสายไป
ฉินซีเอาแผนงานมาเปิดอ่าน ก็พบว่าวันนี้นอกจากจะต้องถ่ายวิดีโอแล้ว หซู่เป่ยยังมีถ่ายภาพนิ่งอีกสองสามภาพ
เธอก็เคยได้ยินมาบ้างว่าเวลาพวกดาราเล่นตัวจะทำให้งานเดินช้า เมื่อนึกไปถึงทนเสียงเอื่อยๆของหซู่เป่ยเมื่อครู่ เธอก็อดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
พรุ่งนี้ยังมีตารางการถ่ายส่วนอื่นอีก ถ้าวันนี้ส่วนของหซู่เป่ยถ่ายไม่เสร็จ งานต้องไม่คืบหน้าแน่ๆ……
ถึงยังไงนี่ก็เป็นงานของเธอ ฉินซีไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
ครุ่นคิดอยู่สักพัก ฉินซีก็ลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถ แล้วมุ่งไปยังสถานที่ถ่ายทำ
……
ณ สถานที่ถ่ายทำ ในส่วนของหซู่เป่ย ประกอบไปด้วยการสัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆกับการแสดงภาพที่ไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้นวันนี้หลักๆที่เขาต้องทำคือถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์นิดหน่อย ยังมีการถ่ายภาพที่อาจจะได้ใช้ไว้สองสามรูป
เมื่อมาถึง ฉินซีก็พบว่าหซู่เป่ยกำลังถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์ และสถานการณ์ก็ดีกว่าที่เธอจินตนาการไว้อยู่บ้าง อย่างน้อยหซู่เป่ยก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่ทุ่มเทกับงานออกมา
“พี่ฉิน มาด้วยเหรอ?” พนักงานในแผนกหันไปเห็นเธอ จากนั้นก็โบกมือให้เธอ
ฉินซีเคยมาที่สถานที่ถ่ายทำแค่ตอนถ่ายครั้งแรก แต่เธอไม่ใช่มืออาชีพ จึงทำได้แค่ดูอยู่ข้างๆไม่สามารถช่วยอะไรได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีก
วันนี้สาวน้อยแฟนคลับของหซู่เป่ยตามมาเป็นทีมงานด้วย เธอพยายามเก็บหน้าให้ดูจริงจัง แต่สายตากลับเอาแต่ปลายไปทางหซู่เป่ยอย่างไม่อาจห้ามได้ เมื่อฉินซีเห็นแบบนั้น ก็รู้สึกขำ
“เป็นไง หล่อไหม?” ฉินซีตั้งใจพูดแหย่เธอ
แฟนคลับสาวพยักหน้าโดยอัตโนมัติ ต่อมาก็รู้สึกตัว พูดอย่างเขินๆว่า “พี่ฉิน! อย่าล้อฉันนะ!”
ฉินซีหัวเราะ แล้วเอ่ยถามลอยๆว่า “ความคืบหน้าในการถ่ายทำวันนี้ เป็นยังไงบ้าง”
แฟนคลับสาวหน้าแดง “ดีสุดๆ! หซู่เป่ยแอ็คท่าไหน ก็ถูกใจผู้กำกับทั้งหมด! รวมๆแล้วไม่มีติดขัดเลย เทคเดียวผ่าน!”
เธอมีสีหน้าภูมิใจ ราวกับถูกผู้กำกับชมซะเอง
ฉินซีพูดแหย่เธอเล่นต่อไม่กี่คำ ในที่สุดก็เบาใจลง
ยังดีที่หซู่เป่ยไม่ใช่คนประเภทไม่นึกถึงส่วนรวม
“แต่ว่านะพี่ฉิน พี่มาทำไมเหรอ?” แฟนคลับสาวพูดอยู่ตั้งนาน ถึงเพิ่งจะนึกคำถามนี้ขึ้นมาได้ “อย่าบอกนะว่าพี่ก็มาดูหซู่เป่ยเหมือนกัน?”
ยังไม่ทันที่ฉินซีจะได้ตอบกลับ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลังว่า “ใช่ครับ เธอมาดูผม”
เป็นเสียงของหซู่เป่ย
แฟนคลับสาวหน้าแดงแปร๊ด ลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนตัวตรง พร้อมกับพูดติดอ่างออกมา “หซู่….หซู่เป่ย…..”
หซู่เป่ยเหลือบมองป้ายสตาฟของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงยิ้มๆออกมาว่า “เป็นพนักงานบริษัทลู่ซื่อใช่ไหมครับ? ลำบากคุณแล้ว”
แฟนคลับตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ไม่เลยค่ะ….ไม่ลำบากเลย……”
ฉินซีทนมองเขาแกล้งแฟนคลับของตัวเองไม่ได้ จึงตบไหล่ของแฟนคลับสาวแล้วพูดว่า “คุณไปช่วยงานผู้กับเถอะ”
แฟนคลับสาวอ่านสายตาออก รู้ว่าฉินซีมีเรื่องอยากจะคุยกับหซู่เป่ยตามลำพัง เธอจึงพยักหน้าแล้วเดินออกไปอย่างเสียดาย