บทที่ 954 คลื่นลูกหนึ่งยังไม่ทันสงบ คลื่นอีกลูกก็ม้วนมาอีกระลอก
เมื่อถูกขัดจังหวะโดนเรื่องคนที่มาทำความสะอาดหลุมศพ ตอนที่ลู่เซิ่นและฉินซีถึงบ้าน ก็เลยเวลาทานอาหารกลางวันตามปกติ
ลู่เซิ่นมีการเตรียมการอื่นๆ ในตอนบ่าย จึงไม่สนใจเรื่องทานอาหาร ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไป
ฉินซีเห็นพ่อบ้านเอากล่องอาหารส่งให้ผู้ช่วยลู่เซิ่น เธอรีบตามฝีเท้าลู่เซิ่นออกไป ในหัวสมองตอบสนองไม่กี่วินาทีก่อนที่จะรู้ว่า ผู้ช่วยคนนั้นคือสูหวั่น
“ช่วงนี้หลินหยังไม่มาที่บ้านเหรอ? ” เธอหันศีรษะไปถามพ่อบ้าน
พ่อบ้านรู้จุดประสงค์ที่เธอทำคำถามนี้อย่างชัดเจน ใบหน้าเกิดความรู้สึกผิดจางๆ
“ผู้ช่วยในการดำเนินชีวิตที่มาที่บ้านในช่วงนี้มีแต่สูหวั่นครับ”
เขาแสดงท่าทางออกไปแบบนี้ ฉินซีก็รู้ว่าคนที่จัดการต้องเป็นคุณนายลู่แน่ๆ
แต่วันนี้เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะไปสนใจเรื่องนี้ พยักหน้าอย่างลวกๆ ลุกขึ้นไปชั้นบน
เธอยังไม่ปล่อยเรื่องที่มีคนไปช่วยทำความสะอาดหลุมศพเหยาหมิ่น
ถ้าเป็นคนไม่ดี เธอต้องสอบสวนให้ชัดเจนและเตรียมการให้ดี ถ้าเป็นคนดี เธอก็ควรไปขอบคุณเขา
ถึงแม้ลู่เซิ่นจะบอกว่าทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดต่อไป แต่ฉินซีก็ไม่ได้คาดหวังกับเขาอย่างเต็มที่
ถึงเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจกล้องวงจรปิด ทำได้เพียงให้ลู่เซิ่นไปตรวจสอบ แต่เธอก็มีวิธีของตัวเองเช่นกัน
ฉินซีโทรไปหาผู้จัดการสุสาน
ตอนแรกทิ้งเงินไว้ ให้เขาไปทำความสะอาดเป็นประจำ จึงแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อเอาไว้ แค่หนึ่งปีที่ผ่านมา เขารายงานเกี่ยวกับสุสานเพียงฝ่ายเดียว ฉินซีแทบไม่มีโอกาสได้ติดต่อเขาก่อนเลย
ตอนนี้เห็นฉินซีโทรมา เขาก็รับสายอย่างประหลาดใจนิดหน่อย “คุณฉิน? ”
ฉินซีเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ “ลุงจาง”
ตอนแรกหลังจากที่เหยาหมิ่นตายไป เธอสับสนไปหมด สุสานนี้ให้อานหยันเป็นคนช่วยติดต่อด้วยซ้ำ ดังนั้นผู้จัดการและอานหยันจึงมีความเกี่ยวข้องกันนิดหน่อย ฉินซีจึงเรียกตามอานหยันว่า ลุงจาง
“คือว่า วันนี้ฉันไปเยี่ยมที่สุสานแม่ พบว่ามีคนเอาดอกไม้ไปวาง คุณ……รู้ไหมคะว่าใคร?” ฉินซีก็ไม่ได้พูดเยอะ ถามอย่างตรงไปตรงมา
เห็นได้ชัดว่าลุงจางไม่รู้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “มีคนเอาดอกไม้ไปวางเหรอครับ? ผมไม่รู้จริงๆ อ่า……”
ฉินซีกดความผิดหวังนิดๆ ไว้ในใจ “งั้นช่วงนี้รบกวนคุณสังเกตให้หน่อยว่ามีใครไปสุสานแม่ฉันหรือเปล่า”
ลุงจากตอบตกลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉินซีวางสาย ถอนหายใจเบาๆ
คลื่นลูกหนึ่งยังไม่ทันสงบ คลื่นอีกลูกก็ม้วนมาอีกระลอกจริงๆ เลย
ยังไม่ได้หลักฐานที่ฉินซึ่งเทียนใส่ความเหยาหมิ่น คนที่มาทำความสะอาดหลุมศพผู้ลึกลับนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นอีก
แต่……เนื่องจากคนคนนี้จำวันครบรอบวันตายของเหยาหมิ่นได้ และเดินทางมาทำความสะอาดหลุมศพเป็นพิเศษ ถ้าอย่างนั้นก็คงใส่ใจกับเรื่องเหยาหมิ่นมากๆ ไม่ได้มาเพียงครั้งเดียวแน่ๆ
ให้ลุงจางสังเกตสักหน่อย ไม่แน่คราวหน้ามาอาจจะเห็นร่องรอยก็ได้
ฉินซีเม้มปาก ยืนขึ้นมา กลับสังเกตเห็นชุดสูทที่ลู่เซิ่นทิ้งไว้บนโซฟา
ถึงแม้ตอนปกติที่เขาไปทำงานจะใส่ชุดสูทรองเท้าหนัง แต่เช้านี้ชุดดูเคร่งขรึมมากกว่าปกติ ไปออกงานสำคัญอะไรหรือเปล่าถึงได้แต่งตัวแบบนี้ จึงไปบริษัทแล้วต้องกลับมาเปลี่ยนชุด
ฉินซีหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาช้าๆ ห้อยไว้ที่ราวแขวนเสื้อข้างๆ
ลู่เซิ่น……
ในหัวสมองเธออัดแน่นไปด้วยเรื่องของเหยาหมิ่น สุดท้ายก็มีที่ว่างสำหรับลู่เซิ่นนิดหน่อย ดังนั้นทุกอย่างในวันนี้ของเขา เธอจำมันได้อย่างชัดเจน
เขาหวีผม เนกไทสีดำ มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ลอยมาเมื่อถือดอกไม้มาให้ตน มีความอบอุ่นเมื่อจูงมือตน
ทันใดนั้นฉินซีก็ค่อนข้างสับสน
จำวันครบรอบวันตายของเหยาหมิ่นได้มันไม่ใช่เรื่องยาก มันเป็นเรื่องปกติมากที่คาดหวังให้ตัวเองไปทำความสะอาดหลุมศพ
แต่……เธอตอบไม่ได้ว่าทำไมลู่เซิ่นถึงไปเป็นเพื่อนตน
ลู่เซิ่นในวันนี้อ่อนโยนอย่างมาก อ่อนโยนจนเธอไม่รู้ว่าจะปัดป้องอย่างไร
ลู่เซิ่นควรจะเย็นชา ควรจะห่างเหิน เหมือนกับตอนที่เขาเผชิญหน้ากับคนอื่น
ไม่ได้เป็นแบบนี้เหมือนในตอนนี้ ค่อยให้ฉินซีเริ่มควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ไหว มันควรนิยามว่าอย่างไร
……
ตอนแรกที่ฉินซีย้ายเข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวนเธอค่อนข้างระมัดระวังตัว
คืนแรกที่เธอย้ายเข้ามา ลู่เซิ่นส่งเสียงไร้สาระทั้งคืน อาหารเช้าของฉินซีในวันรุ่งขึ้นพ่อบ้านก็นำมาให้ทานในห้อง
ฉินซีไม่คิดเลยว่าลู่เซิ่นจะไม่ให้เวลาตนเตรียมตัวและผ่อนคลายเลยสักนิดจริงๆ และทำลายโล่ป้องกันของเธออย่างหนัก มันทำให้เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า “อยู่เคียงข้างลู่เซิ่น” มันหมายความว่าอย่างไร
ถึงแม้ว่าเธอจะเตรียมตัวมาเต็มที่ แต่รู้ข้อเท็จจริงนี้ เผชิญหน้ากับความจริง มันก็ยังมีช่องว่างอยู่ดี
ดังนั้นเมื่อเธอนั่งบนเตียง มองคนรับใช้เตรียมอาหารเช้า ในใจก็เต็มไปด้วยความสับสน
เธออยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน เธอควรใช้ชีวิตด้วยสถานะอะไร?
คนรับใช้? คนรัก? คู่นอน?
คนในรีสอร์ทชิงหยวน จะปฏิบัติต่อความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่นอย่างไร?
เธอไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ แค่ไม่รู้ว่าจะเข้ากันกับพวกเขาอย่างไร
ปัญหามากมายรบกวนเธอ ทำให้สมองที่อดนอนของเธอปวดตื้อๆ ขึ้นมา
แต่เมื่อเธอทานอาหารเช้าเสร็จ เหล่าคนรับใช้ก็มาเก็บอุปกรณ์ทานอาหารอย่างสุภาพ เมื่อพยักหน้าบอกลาเธออย่างสุภาพ จู่ๆ เธอก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาด
คนเหล่านี้เหมือน……ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนและลู่เซิ่น
ถึงแม้คนรับใช้ตระกูลลู่จะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เป็นเรื่องปกติมากที่จะไม่แสดงอาการกระต่ายตื่นตูม แต่ฉินซีเกิดลางสังหรณ์ว่าลู่เซิ่นไม่ได้บอกใครเรื่องข้อตกลงระหว่างพวกเขา
ฉินซีคิดสักพักหนึ่ง ไม่ได้รับคำตอบ อดไม่ได้ที่จะเคาะข้างๆ ถามพ่อบ้านตอนทานอาหารกลางวัน “คุณชายให้พวกคุณเรียกฉันว่าอะไร? ”
พ่อบ้านเหมือนไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถามแบบนี้ “เรียกว่าคุณฉินครับ”
“แล้ว……” ฉินซีพิจารณาคำพูดอย่างรอบคอบ “ตอนที่เขาให้คุณจัดหาที่พักให้ฉัน เขาพูดว่ายังไง”
แววตาพ่อบ้านยังคงสับสนนิดหน่อย “บอกว่าจัดให้คุณไปที่ห้องของเขา อื่นๆ ไม่มีครับ”
ฉินซีถามต่ออย่างไม่เป็นทางการ “การจัดเตรียมแบบนี้……เกิดขึ้นบ่อยไหม?”
พ่อบ้านส่ายศีรษะ “ไม่บ่อยครับ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายพาใครกลับมาด้วย”
ฉินซีเลิกคิ้วเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่พาใครกลับมา?
ฉินซีไม่ค่อยรู้ชีวิตส่วนตัวของลู่เซิ่นมากนัก แต่ใช้เท้าคิดก็ยังรู้ มีสถานะและอำนาจแบบลู่เซิ่น บนเตียงจะขาดคนได้อย่างไร
หรือว่าเขาเลี้ยงไว้ข้างนอก……
ฉินซียักไหล่
ถึงแม้พ่อบ้านจะดูเหมือนใจดี แต่ได้เป็นพ่อบ้านตระกูลลู่ได้ ต้องเป็นคนที่เฉลียวฉลาด ฉินซีไม่กล้าถามอย่างละเอียด กลัวว่าเขาจะรู้อะไร ทำได้เพียงพยักหน้าพูดขึ้น “ขอบคุณค่ะ”
แต่ฉินซียังประเมินความสามารถในการมองทะลุปรุโปร่งของพ่อบ้านต่ำไป ตอนเย็นเมื่อลู่เซิ่นกลับมา เขาถอดเสื้อนอกพลางถามฉินซีอย่างไม่เป็นทางการ “ทำไม อยากรู้เหรอว่าเมื่อก่อนฉันมีคนรักอื่นๆ หรือเปล่า? ”
ฉินซีไม่คิดว่าพ่อบ้านจะรายงานเรื่องนี้ด้วยซ้ำ คำถามของตนถูกตีความผิด จึงรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ใช่……”
ลู่เซิ่นยกมุมปาก “แล้วคุณอยากถามไหม ว่าฉันพูดถึงคุณกับพวกเขายังไง”