บทที่ 966 กล้าที่จะทำให้ฉันผิดหวัง
“โอเค” ตอนนี้สูหยิงสงบลงมา กลับมาที่ใบหน้าเธออีกครั้งอย่างโอ้อวด เชิดคางพูดกับฉินซี “เธอบอกเองว่า ต้องมีหลักฐาน งั้นที่เธอบอกว่าฉินซึ่งเทียนใส่ร้าย ไหนล่ะหลักฐาน?”
ฉินซีกัดฟันกรอด
สิ่งที่สูหยิงพูดเป็นจุดอ่อนของเธอ——เธอไม่มีหลักฐาน สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดเป็นแค่คำพูดทางด้านเหยาหมิ่น
ฉินซีเชื่อ คนอื่นอาจจะไม่เชื่อ
เห็นฉินซีไม่พูด สูหยิงก็แค่นหัวเราะ “ทำไม เธอไม่มีหลักฐานเหรอ? งั้นฉันก็จะเชื่อในสิ่งที่ฉันเห็น! รูปนี้มันอยู่ที่นี่แล้ว อย่าคิดปฏิเสธ!”
สุดท้ายลู่เหวยก็ทนดูต่อไปไม่ได้ พูดขัดจังหวะ “ฉันไม่ได้ทำเรื่องนี้แน่ๆ!”
“แกหุบปาก!” สูหยิงหันศีรษะไปมองเขา เสียงแหลมชัดขึ้น “สองสามวันก่อนแกเองก็ทำเพิ่งทำอะไรบางอย่าง ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจ! ยังมีหน้ามาบอกกับฉันว่า——”
“ทำอะไรกัน!” ประตูถูกผลักออกทันที แพทย์และพยาบาลพากันเข้ามา
เพราะเสียงทะเลาะของสูหยิงดังเกินไป มันทำให้พวกเขาตกใจ
“คนไข้เพิ่งฟื้น สาเหตุคือหัวใจวาย จึงจำเป็นต้องพักผ่อน พวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่?”
แพทย์มองรอบๆ ฝูงชนด้วยความไม่พอใจ
เห็นได้ชัดว่าสูหยิงควบคุมไม่ค่อยได้ แพทย์พูดจบ เธอก็ยังคงกรีดร้อง “ลู่เหวย แกกล้าทำให้ฉันผิดหวัง แกคิดถึงผลที่ตามมาให้ดีแล้วกัน”
แพทย์ส่งสายตาให้กับแพทย์ เขาเดินไปข้างหน้า ฉีดยาที่แขนสูหยิง
“นี่มันอะไร!” สูหยิงหันศีรษะไปมองแพทย์
“ยากล่อมประสาท” แพทย์ดันแว่นขึ้นมา “คุณต้องพักผ่อน นอกจากเหลือสมาชิกในครอบครัวให้ดูแล ทุกคนออกไปเถอะ”
ยากล่อมประสาทออกฤทธิ์เร็วมาก ตอนนี้สูหยิงไม่มีแรงจะตะโกนแล้ว
ลู่โยวโยวฉวยโอกาสเดินไปข้างๆ สูหวั่น เชิดคางขึ้น “เหลือแค่คนในครอบครัวก็พอ เธอออกไปสิ”
สูหวั่นไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าลู่โยวโยว แค่ยืนขึ้นมาเงียบๆ
ทุกคนหันตัวเดินไปที่ประตู ลู่เซิ่นกลับเดินไม่กี่ก้าวมาข้างๆ ฉินซี เอื้อมมือมาจับมือฉินซีไว้
ฉินซีเงยศีรษะขึ้นมองเขา ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้สะบัดมือเขาออก
แพทย์เดินอยู่หลังสุด แน่ใจแล้วว่าทุกคนอยู่ที่ประตูทางเข้า ก็ปิดประตูลง “คนไข้มีประวัติโรคหัวใจ ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการควบคุมโรคได้ไม่เลว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเสี่ยง คนในครอบครัวอย่างพวกคุณจะต้องจำเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ควรกระตุ้นเธอ ไม่งั้นจะไม่มีทางเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วโรคมันจะพัฒนาไปยังไง”
เห็นแต่ละคนพยักหน้าเข้าใจ เขาถึงหันศีรษะเดินออกไป
ลู่เหวยเห็นแพทย์เดินไปแล้ว อยากจะดึงฉินซีมาอธิบาย แต่ถูกลู่เซิ่นแยกเอาไว้
“พ่อ ผมอยากคุยกับฉินซีเพียงลำพัง”
ลู่เหวยเห็นหน้าเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว แค่ถอยออกมาหนึ่งก้าว “โอเค พวกลูกคุยกันไปก่อน”
ลู่เซิ่นพาฉินซีเดินไปที่ลิฟต์
ตอนนี้ฉินซีถึงสังเกตว่า ลู่เซิ่นไม่ได้ปล่อยมือเธอเลย
……
ลู่เซิ่นพาฉินซีเดินไปที่ชั้นล่างของแผนกผู้ป่วยใน ถึงได้ปล่อยมือ
ฉินซีมองรอบๆ ถึงได้รู้ว่านี่คือโรงพยาบาลที่ลู่เซิ่นพาเธอมาครั้งล่าสุด
ตอนนี้เธอยังอยู่ในอารมณ์ล้อเล่น นั่งลงบนม้านั่งยาวข้างๆ เงยศีรษะขึ้นมองลู่เซิ่น “ครอบครัวพวกคุณมีหุ้นในโรงพยาบาลนี้เหรอคะ ทำไมชอบมาที่นี่กัน?”
ลู่เซิ่นไม่มีอารมณ์โต้ตอบการล้อเล่นของเธอ นั่งข้างๆ เธอ น้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง “รูปพวกนั้นในมือแม่ฉัน……เธอคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ฉินซีสำรวมรอยยิ้มบนใบหน้า ผลุบตาลง “แน่นอนว่าคือฉินซึ่งเทียน……”
เธอประเมินความสกปรกของฉินซึ่งเทียนน้อยไป เธอไม่คิดเลยว่า ฉินซึ่งเทียนจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้จริงๆ
ลู่เซิ่นหันศีรษะไปมองฉินซี นึกถึงฉากตอนที่ตัวเองเข้าไปในห้องผู้ป่วยได้
เขาปฏิเสธคำขอที่ยากจะเข้าใจที่สูหยิงเอ่ยออกมาว่าต้องการให้เขาและฉินซีหย่ากัน มันเหมือนที่สูหยิงคาดเดาไว้เช่นกัน
เธอไม่ได้พูดอะไรไร้สาระ แค่ให้สูหวั่นนำรูปภาพออกมาทันที
ว่ากันว่าหลังจากที่เธอเป็นลม สูหวั่นก็โทรเรียกรถพยาบาล ฉินซึ่งเทียนมองอีกครั้ง และยังมีเวลาว่างพอที่จะส่งรูปดิจิทัลให้สูหวั่น
แต่หลังจากที่สูหยิงฟื้นขึ้นมา ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอย่างเห็นได้ชัด
สูหยิงเอาโทรศัพท์วางไว้ตรงหน้าลู่เซิ่น “ลูกดูดีๆ สิ ภรรยาของลูกเป็นคนยังไง”
แต่ลู่เซิ่นกวาดตามองลวกๆ แล้ววางโทรศัพท์ลง “ในรูปนี้กับคุณนายผมเกี่ยวข้องอะไรกัน”
สูหยิงเบิกตากว้าง “ลูกอย่าบอกว่าลูกมองไม่ออก! ผู้หญิงคนนั้นมันคือแม่ของฉินซี!”
สีหน้าลู่เซิ่นยังคงเฉยเมยอย่างมาก “แล้วไงครับ? เพราะสิ่งนี้ แม่เลยอยากให้ผมกับฉินซีหย่ากันเหรอ?”
ดูเหมือนสูหยิงจะรู้สึกเหลือเชื่อมากที่เขาถามคำถามนี้ “เหยาหมิ่นมันยั่วพ่อของลูก! ลูกยังจะแต่งงานกับลูกสาวมันได้อย่างสบายใจเหรอ? ในใจลูกคิดถึงแม่คนนี้บ้างไหม!”
ลู่เซิ่นมองเธออย่างสงบ “แม่ รูปนี้มันของจริงหรือของปลอม แม่รับประกันได้ไหม?”
สูหยิงเบิกตากว้าง “ลูกยืนอยู่ฝั่งไหน? รูปนี้มันจริงหรือเปล่ายังต้องถามอีกเหรอ?”
ลู่เซิ่นขยายรูปในโทรศัพท์ให้ใหญ่ขึ้น “แม่ดูตรงนี้——”
สูหยิงไม่อยากแน่ใจข้อเท็จจริงในรูปภาพเหล่านี้อย่างเห็นได้ชัด แค่ตะโกนขึ้นมา “ได้ ลูกอยากปกป้องมันใช่ไหม? ลูกไม่เชื่อใช่ไหม? ไม่เชื่อก็เรียกฉินซีเข้ามาแย้งสิ!”
……
เห็นลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรอยู่นานมาก ฉินซีจึงหันศีรษะไปมองลู่เซิ่น “คุณคิดยังไง?”
ลู่เซิ่นหันศีรษะ สบตากับเธอ “ฉันเชื่อคุณน้า”
ฉินซีไม่คิดว่าลู่เซิ่นจะพูดอย่างเด็ดขาดแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง
ตัวฉินซีเองเชื่อใจเหยาหมิ่น เพราะเธอเป็นแม่ของตน และเรื่องสกปรกที่ฉินซึ่งเทียนทำ เธอเห็นทุกอย่างในสายตา
แต่ลู่เซิ่นไม่เคยมีประสบการณ์อะไรมาก่อนเลย แค่ฟังเธอพูดเท่านั้น ลู่เซิ่นเลือกที่จะเชื่อเธอ
ถ้าบอกว่าสิ่งที่ฉินซีเกลียดมากที่สุดคือการหักหลัง ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่หวงแหนที่สุดก็คือการได้รับความเชื่อใจ
เธอยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว จับมือลู่เซิ่นไว้ “แต่……คุณนายลู่ไม่เชื่อ”
ลู่เซิ่นนำมืออีกข้างกุมหลังมือเธอไว้ นำมือเธอไว้ในสองฝ่ามือ “วันนี้ฉันดูรูปถ่ายอย่างละเอียดแล้ว ในรูปมีจุดที่ไม่เป็นธรรมชาติ เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นรูปที่สังเคราะห์ขึ้น”
ความร้อนในฝ่ามือเหมือนไหลเข้าไปในหัวใจเธอ ฉินซีพยักหน้า ไม่ได้พูดความกังวลใจของตัวเองออกมา
เห็นสภาพจิตใจสูหยิงในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นแล้ว เป็นไปได้อย่างมากว่าไม่ฟังคำพูดของลู่เซิ่นเลยสักนิด
เธอนึกถึงสิ่งที่สูหยิงพูดกับลู่เหวยในห้องผู้ป่วยเมื่อครู่นี้อีกครั้ง
“แม่ของคุณเธอ……บอกว่าพ่อของคุณสองสามวันก่อนทำอะไรผิด? และเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามันเกี่ยวกับแม่ของฉัน” ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่แม่ฉันตายไปนานแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้เขาจะทำเรื่องอะไรได้……”
เสียงเธอค่อยๆ เบาลง จากนั้นก็ชำเลืองมองลู่เซิ่น
ทั้งคู่เห็นคำตอบในดวงตาของกันและกัน
สองสามวันก่อน ไม่ใช่วันครบรอบวันตายของเหยาหมิ่นเหรอ?