บทที่ 972 เหมือนฉินซีอยู่ข้างกาย
เหตุผลของลู่เซิ่นถือว่ามีเหตุผลและหลักการ
ยิ่งไปกว่านั้นฉินซีไม่ได้อยากย้ายไปที่ห้องรับแขกจริงๆ
เพราะฉะนั้นเธอจึงไหลไปตามน้ำ พยักหน้า “ได้”
ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมามองเธอ “คุณ………. ยังมีธุระ?”
ฉินซีเห็นว่าเขาเหมือนกำลังจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานจึงลุกขึ้นมา “คุณทำงานเถอะ”
ลู่เซิ่นมองดูร่างเงาของเธอที่เดินออกไป เลียฟันหลังแบบเบาๆ
………….
ถึงแม้พูดว่าไม่ต้องรีบร้อนย้ายออกไป แต่ว่าฉินซีก็ยังกลับไปที่ห้องลับเพื่อเก็บข้าวของของตัวเองต่อไป
ห้องเก็บเสื้อผ้าให้คนรับใช้ไปเก็บ แต่ว่าข้าวของที่นี่ ฉินซีต้องทำเอง
เธอใช้เวลานิดหน่อยเพื่อเก็บเลนส์กล้อง แล้วก็ยังเก็บข้าวของจิปาถะให้เรียบร้อย ถึงหันหลังและหยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชักตั้งหลายฉบับ
——ล้วนเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหยาหมิ่น
เหยาหมิ่นได้เสียไปหนึ่งปีเต็มๆแล้ว
แต่ว่าเหมือนกับว่าการสืบหาของเธอยังวงเวียนอยู่ที่เดิม มองไม่เห็นมีอะไรที่พัฒนาขึ้นมาเลย
ฉินซีดูเอกสารบางๆที่อยู่ในมือตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง
ความจริงเอกสารพวกนี้ได้บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ของเธอตั้งนานแล้ว ปริ้นออกมา เพื่อใช้เป็นการตักเตือน
อีกอย่างเธอเอารีสอร์ทชิงหยวนมาเป็นสถานที่ที่เธอเชื่อใจ เพราะฉะนั้นถึงบันทึกข้อมูลแบบนี้อย่างวางใจ
แต่ว่าถ้าหากจะย้ายออกไป……….
ฉินซีกัดฟัน เอาข้อมูลเอกสารเป็นชุดๆโยนเข้าไปในเครื่องทำลายกระดาษ
มองดูกระดาษหายไปอย่างทีละเล็กทีละน้อย อารมณ์ที่มีความกลุ้มใจก็ได้หายไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอยังมีธุระอีกหลายอย่างต้องทำ
ฉินซึ่งเทียนและหลี่เหวยยังคงยโสโอหัง หลักฐานที่เหยาหมิ่นถูกใส่ร้ายเธอก็ยังหาไม่เจอ
ทุกอย่างผลักให้เธอต้องเดินหน้าต่อไป
ขณะที่เอกสารได้แหลกสลายไปอย่างหมดสิ้น ฉินซีถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้นมา มองดูกระเป๋าที่วางไว้ในห้องลับเรียบร้อยแล้ว หันหลังและเดินออกไป
ฉินซีเพิ่งผลักประตูห้องนอนออกไป ตาทั้งสองคู่ก็จ้องมองซึ่งกันและกันในขณะที่ลู่เซิ่นออกมาจากห้องน้ำพอดี
เวลานี้ ลู่เซิ่นควรจะจัดการเอกสารอยู่ในห้องทำงานถึงจะถูกไม่ใช่หรือ………..
ในหัวสมองของฉินซีได้ทันคิดแค่วิธีนี้วิธีเดียว สายตาก็ถูกลู่เซิ่นดึงดูดเอาไว้แล้ว
ลู่เซิ่นสวมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ แต่ว่าได้ผูกผ้าไว้ที่เอวแบบง่ายๆเท่านั้น และยังเผยกล้ามเนื้อที่แน่นปึ้กตรงหน้าอกออกมาด้วย
เส้นผมของเขายังเปียกๆอยู่เลย ถูกเขาลูบไปที่ข้างหลัง เผยหน้าผากทั้งหมดออกมา โครงหน้าทั้งหน้าก็ยิ่งคมเข้มมากขึ้น
ฉินซีมองเห็นหยดน้ำหยดนึงไหลลงมาจากโหนกแก้มของเขา และไหลลงมาที่ไหปลาร้า แล้วก็ไหลตามลงไปอีก……….
เธอบังคับสายตาตัวเองให้เคลื่อนย้ายออกไป
“เก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว?” ลู่เซิ่นถาม
ฉินซีพยักหน้า “ใกล้แล้วล่ะ ห้องเก็บเสื้อผ้าอะไรนั้น รอให้คนรับใช้มาห่อ”
ลู่เซิ่นไม่พูดอะไรมาก ฉินซีก้มหน้าเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ฝีเท้าเร็วกว่าปกติไม่น้อยเลยทีเดียว
รอประตูห้องอาบน้ำที่อยู่ข้างหลังได้ปิดลง เธอถึงจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
เมื่อก่อนลู่เซิ่น……..ก็เอาจริงเอาจังแบบนี้เลยหรือ?
…………
ฉินซีเดินเข้าไปในห้องน้ำได้ไม่นาน ประตูห้องอาบน้ำก็ถูกเคาะจนดังขึ้นมา
พ่อบ้านยืนอยู่ที่หน้าประตู มองหน้าลู่เซิ่น สีหน้าท่าทางแบบไม่เข้าใจ “คุณนายพูดว่า…… ให้เราเก็บห้องเก็บเสื้อผ้าแป๊บนึง ห่อข้าวของของเธอออกมา ประธานลู่ครับ เกิดเรื่องอะไรหรือครับ?”
ก่อนหนึ่งชั่วโมง ฉินซีเดินออกมาจากห้องหนังสือ จึงเดินตรงไปหาพ่อบ้านโดยตรง ให้เขาช่วยห่อเสื้อผ้า
ถึงแม้พ่อบ้านรับปากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังงงๆอยู่ หาคนไปเก็บจนเรียบร้อยแล้ว คิดไปคิดมาก็ยังรู้สึกผิดแบบแปลกๆ จึงตัดสินใจเองมาถามลู่เซิ่นดู
นิสัยพ่อบ้านคนนี้เฉลียวฉลาด ดูท่าทีของฉินซีแบบนี้ เหมือนจะย้ายออกจากบ้าน แต่ว่าได้ยินห้องอาบน้ำของลู่เซิ่นยังมีเสียงของน้ำ ก็รู้เลยว่าฉินซียังพักอยู่ข้างใน
เพราะฉะนั้นเธอ……… ทำไมต้องเก็บหล่ะ?
ลู่เซิ่นยักคิ้ว “เธอไม่ได้พูดกับนายว่าเพราะอะไร?”
พ่อบ้านส่ายหน้าแบบงงๆ
ใบหน้าของลู่เซิ่นมีรอยยิ้มออกมา ยกคางให้กับพ่อบ้าน”พาฉันไปดูห้องเก็บเสื้อผ้าหน่อย”
พ่อบ้านไม่ถามอะไรมาก เพียงแต่ตอบรับแบบพยักหน้า
รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เซิ่นในขณะที่เห็นห้องเก็บเสื้อผ้านั้น ค่อยๆจางหายไปแล้ว
คนรับใช้ขยันขันแข็งมาก แทบจะเก็บข้าวของของฉินซีจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระเป๋าใหญ่ๆหลายใบวางอยู่ที่ข้างๆ ในห้องเก็บเสื้อผ้าว่างเปล่า เหลือแต่ข้าวของของลู่เซิ่นเพียงผู้เดียว
พ่อบ้านช่างสังเกตที่สุด เห็นสีหน้าลู่เซิ่นผิดปกติ จึงลองเอ่ยปากถามอย่างระมัดระวังดูว่า “ท่าน……. ไม่พอใจหรือครับ?”
– คำถามนี้ถามแบบจับต้นชนปลายไม่ถูกทีเดียวแต่ว่าลู่เซิ่นกลับรู้ว่าพ่อบ้านจะถามอะไร หยุดชะงักไปหลายวินาที ส่ายหน้า “ไม่ใช่ ทำตามที่เธอพูดเถอะ”
พูดจบจึงหันหลังกลับไปที่ห้องนอน เหลือแต่พ่อบ้านคนเดียว ซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิมแบบงงๆ
…………
ขณะที่ฉินซีผลักประตูออกมา ลู่เซิ่นนั่งอยู่บนเตียง
เหตุการณ์แบบนี้เห็นไม่บ่อยนัก ลู่เซิ่นงานยุ่งเหยิงมากๆ อยู่ในห้องหนังสือจนดึกดื่นอยู่บ่อยๆถึงค่อยกลับมา น้อยมากที่จะมีเวลาแบบนี้นั่งอยู่บนเตียงเพื่อรอเธอออกมา
เส้นผมของเขาเป่าจนแห้งแล้ว ไม่ได้ใช้เจลจัดทรงผมให้ทรงตัว เพราะฉะนั้นตกลงมาที่หน้าผากอย่างนุ่มนวล ทำให้เขาแลดูอบอุ่นไม่น้อย
แต่ว่าสายตาที่มองมาของเขา กลับทำให้ฉินซีมีความรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่ากำลังถูกคนล่าสัตว์จ้องมองอยู่
“เมื่อครู่พ่อบ้านมาแล้ว” ลู่เซิ่นพูดแบบช้าๆ “เขาถามผมทำไมต้องเก็บเสื้อผ้าของคุณ”
ฉินซีอึ้งไปหลายวินาที “คุณไม่ได้พูดกับเขา?”
ลู่เซิ่นยักคิ้วให้กับเธอ “คำพูดนี้ผมควรจะถามคุณนะ? คุณไม่ได้พูดกับเขาให้เข้าใจเหรอว่าเพราะอะไร ก็ให้เขาไปเก็บเสื้อผ้าเลย?”
ฉินซีเม้มปาก เงียบไปหลายวินาที
เธอไม่ได้พูดกับพ่อบ้านจริงๆ ว่าเธอกับลู่เซิ่นจะหย่าร้างกันในเร็วๆนี้แล้ว
ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก สิ่งสำคัญเป็นเพราะว่า…….. เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองจะย้ายออกไปเมื่อไหร่
อยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนหนึ่งปี เธออยู่อย่างสุขสบายดี ได้รับการดูแลจากพ่อบ้านเยอะมากทีเดียว ก็เลยมองออกเป็นธรรมดาอยู่แล้วว่าพ่อบ้านดีกับเธอด้วยความจริงใจจริงๆ และหวังดีกับเธอและลู่เซิ่นอีกด้วยอยากให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เพราะว่าไม่ได้พูดกับเขา การสมรสของตัวเองกับลู่เซิ่นเป็นแค่ข้อตกลง ความจริงฉินซีก็ละอายแก่ใจมาก ทีนี้ต้องบอกกับเขาว่าตัวเองกับลู่เซิ่นจะหย่าร้างกันแล้ว ฉินซีรู้ดีว่าพ่อบ้านจะยิ่งไม่สบายใจ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้พูดความจริงออกมา
“ฉันกะว่ารอให้ตอนที่ย้ายออกไป ค่อยพูดกับเขา” ฉินซีพูดแบบเสียงโทนต่ำ
เธอไม่มองหน้าลู่เซิ่น จึงพลาดสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา ไม่เห็นว่าตอนที่ตัวเองพูดว่า”ย้ายออกไป” ในขณะนั้น ระหว่างคิ้วของลู่เซิ่นมีความดุร้ายเผยออกมา
ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าลู่เซิ่นก็เงียบสงบอีกครั้ง
“ผมรู้แล้ว” ลู่เซิ่นเอ่ยปาก “พักผ่อนเถอะ วันนี้ต่างเหนื่อยกันแล้ว”
ฉินซีพยักหน้า เดินไปที่ข้างเตียง
เตียงของห้องนอนความจริงใหญ่มาก ปกติตอนที่ฉินซีนอนคนเดียว ก็จะรู้สึกว่าใหญ่จนเกินไป แต่ว่าทีนี้พอลู่เซิ่นนั่งอยู่ทางโน้นของเขา พื้นที่ทั้งหมดก็เหมือนหดตัวลง การกระทำของเขาทุกท่วงท่า เหมือนอยู่ข้างกายฉินซี
ฉินซีนอนดีๆ ห่มผ้าห่มและหลับตา กลับยังรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของลู่เซิ่น
เขาปิดไฟ เดินกลับมา นอนลงไปในผ้าห่ม พิง……….เข้ามาข้างๆเธอ
ฉินซีลืมตาแรงๆ ตาจ้องตากับเขาพอดีแป๊ะ