บทที่ 973 ไม่ยอมรับ
ลู่เซิ่นเหมือนคาดการณ์ล่วงหน้าว่าเธอจะลืมตา พูดแบบนิ่งๆ “นอนไม่หลับ?”
ฉินซีส่ายหน้า “ไม่ใช่…………”
จู่ๆลู่เซิ่นกลับเข้ามาใกล้ชิดอีกนิด “แต่ว่าผมนอนไม่หลับ”
ฉินซีไม่พูดจา แค่ฟังเขาพูด
“เรายังมีความสัมพันธ์ในการสมรสเป็นคืนสุดท้ายแล้ว คุณกะจะสิ้นเปลืองไปแบบนี้หรือ?”
คำพูดสุดท้ายของลู่เซิ่นแทบจะเป็นคำพูดที่ชิดข้างหู
ริมฝีปากของเขาติดที่ข้างหูฉินซี แก๊สลมหายใจของเขาตีอยู่บนผิวพรรณหลังหูของเธอ
ฉินซีรู้สึกว่าอุณหภูมิช่วงบนของร่างกายตัวเองเริ่มพุ่งสูงขึ้นปรี๊ดมา
” ไม่………..เสียดายบ้างเลยเหรอ? “
ริมฝีปากของลู่เซิ่นค่อยๆย้ายมาตรงหน้า
ฉินซีหลับตาลง
คืนสุดท้ายแล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจครั้งสุดท้ายเถอะ
…………
“คุณต้องการหาบ้านพัก?” เสียงของอานหยันไม่เบา ทำให้คนรอบข้างต่างหันหน้ามามอง
ฉินซีมาส่งฉบับร่างที่โรงพิมพ์นิตยสาร พบปะกับอานหยันพอดี จึงถามไปคำนึง แถวๆบ้านละแวกเธอมีให้เช่ารึเปล่า
ฉินซีชอบสิ่งแวดล้อมละแวกบ้านอานหยัน การเดินทางถือว่าสะดวกสบาย ยังสามารถไปหาเธอได้ทุกเวลา เพราะฉะนั้นจึงถามเธอดู
คิดไม่ถึงอานหยันเหมือนกับจุดประทัด
รู้สึกถึงสายตาคนรอบข้างรวมอยู่ในตัวของพวกเธอ อานหยันรู้ตัวว่าพูดพลั้งปากไปแล้ว รีบดึงตัวฉินซีไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ปิดประตู ถามอย่างขมวดคิ้ว “เรื่องเป็นยังไง? ลู่เซิ่นไล่คุณออกมา?”
ฉินซีหัวเราะโดยไม่รู้ตัว ส่ายหน้า “ไม่ใช่……….”
“ถ้างั้นเรื่องมันยังไงกันหล่ะ?” สีหน้าอานหยันก็ยังเข้มงวดอยู่ดี “ถึงแม้เขาเป็นคนของบริษัทลู่ แต่ว่าถ้าหากเขารังแกคุณ ฉันก็มีวิธีออกหน้าแทนคุณนะ”
ฉินซีรีบผายมือ “ไม่มีจริงๆ คือว่าเราแค่หย่าร้างกันเท่านั้นเอง”
“หย่าร้าง?” คราวนี้เสียงของอานหยันยิ่งดังมากขึ้น ฉินซีสงสัยว่าประตูกั้นอยู่ก็เถอะยังได้ยินอยู่ดี
แต่ว่าชัดเจนมากอานหยันไม่มีท่าทีห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องนี้เลย ดึงเสื้อของฉินซีถามว่า “คุณพูดว่าลู่เซิ่นจะหย่ากับคุณ? “
ฉินซีถูกเธอดึงจนไม่สบายตัว ปัดมือเธอออกไป ค่อยพยักหน้า “เราจะหย่าร้างกันต่างหาก”
พูดแบบเข้มงวดเลยนะ การหย่าร้างเธอเสนอออกมาเองด้วยซ้ำ
“เพราะอะไร?” อานหยันเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันดูๆไปแล้วช่วงนี้พวกคุณก็อยู่สุขสบายดีนิไม่ใช่หรือ?”
ฉินซีไม่รู้จะอธิบายยังไง ยังไงซะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลู่เหวยด้วย ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ต่อให้อานหยันเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอก็ตาม ฉินซีก็ไม่สะดวกพูดอะไรมาก
เพราะฉะนั้นเธอแค่พูดแบบลวกๆ” ไม่มีสาเหตุอะไรหรอก ก็แค่……….แม่เขาไม่ค่อยยอมรับ ความจริงความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ใช่การสมรสที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นจึงหย่าร้างแบบพายเรือให้ไหลตามน้ำ
หางตาของอานหยันตกลงมา” แบบนี้เหรอ……. “
ความเก่งกาจที่ป่าวประกาศของสูหยิงกว้างขวางมาก แม้แต่อานหยันยังรู้เรื่องรู้ราวบ้าง
“แบบนี้ ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ” อานหยันตบไหล่ของฉินซี “ยังมีคนที่ดีกว่า ไม่เป็นไรนะ”
ฉินซีหัวเราะโดยไม่รู้ตัว” ขอร้องหล่ะ ความจริงการสมรสของฉันกับลู่เซิ่นเป็นแค่ข้อตกลง คุณอย่าพูดเหมือนกับว่าฉันหย่าร้างกับสามีตัวเองทั้งที่มีความรักจริงๆจังๆแบบนั้นสิ”
อานหยันมองเธอแบบเอียงหัว “ต่างกันตรงไหน? ฉันดูออกว่าคุณอาลัยอาวรณ์ชัดจนมาก”
ฉินซีขมวดคิ้ว ปฏิเสธ ” ไม่มี……..”
อานหยันเบะปาก” หน้าคุณเขียนไว้ ฉันจึงดูออกเป็นธรรมดา”
ฉินซีรู้ดีว่าเธอล้อเล่นกับตัวเอง ยื่นมือไปหยิกเธอ” แก้มฉันเป็นกระดาษดำรึไง สามารถเขียนตัวหนังสือได้ด้วย? “
ทั้งสองคนหยอกล้อกันอยู่ไม่กี่คำ อานหยันรับปากจะช่วยเธอคอยสังเกตบ้านพัก ฉินซีจึงออกไปจากโรงพิมพ์นิตยสาร
ปิดประตูห้อง รอยยิ้มที่มุมปากของฉินซีก็ค่อยๆจางหายไป
ชั่วขณะของเมื่อสักครู่ เธอคิดจริงๆว่าอานหยันมองความในใจของเธอออกแล้ว
ถ้าหากเธออยากย้ายบ้านเร็วๆ ให้อานหยันคอยสังเกตให้เป็นวิธีที่ไร้ผลที่สุด
ไม่ว่าจะให้ลู่เซิ่นไปจัดการ หรือว่าเธอไปหานายหน้าเอง ล้วนสามารถหาบ้านได้เร็วๆและย้ายออกไป
แต่ว่าเธอไม่ได้ทำแบบนี้
ไม่ว่าจะไม่ยอมรับกับพ่อบ้านว่าจะหย่าร้างกัน แต่ก็ยังกระทำเรื่องเมื่อคืนอย่างตามใจ หรือทำท่าทางล่าช้ากับการย้ายบ้าน
ทุกๆการกระทำของเธอล้วนพูดปัญหานั้นออกมาได้อย่างชัดเจนแล้ว
——เธอมีใจให้กับลู่เซิ่นเสียแล้ว
แต่ว่าเธอไม่ยอมรับ
ช่างเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี พบเจอกันหนึ่งปี แต่งงานกันไม่กี่เดือน ขณะที่เธอจะหย่าร้าง ถึงได้รู้ใจตัวเองอย่างกระจ่างชัด
ที่ฉินซีสามารถทำได้ แค่กดความรักความผูกพันครั้งนี้ลงไปชั่วคราว
เหมือนกับว่าตัวเองยอมรับในใจแล้ว เธอก็จะไม่มีทางไปจากลู่เซิ่นแล้ว
แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น การจากกันสำหรับพวกเขาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
มีแต่รอให้มลทินของเหยาหมิ่นลบล้างจนหมดสิ้น เธอถึงจะพูดให้สูหยิงทำตาม และถึงจะอยู่ข้างกายของลู่เซิ่น อย่างย่างเปิดเผยได้
ฉินซีหายใจเข้าลึกๆ ยกขาเดินออกไปจากโรงพิมพ์นิตยสาร แต่ว่าเธอไม่ได้กลับไปที่รีสอร์ทชิงหยวน แต่ตามเวลานัด ไปที่ร้านกาแฟร้านนึง
หัวมุมในร้านกาแฟ ลู่เหวยนั่งอยู่
หน้าตาลู่เหวยยังคงเป็นหน้าตาที่สง่าผ่าเผยและอย่างมีมารยาท สีหน้าดูดีกว่าเมื่อหลายวันก่อนเล็กน้อย รอยฝ่ามือของสูหยิงที่ทิ้งไว้บนใบหน้าของเขาก็หายไปจนหมดสิ้นแล้ว เพราะฉะนั้น จึงไม่ซมซานเหมือนกับเมื่อหลายวันก่อน
“ฉันมาสายแล้ว ขอโทษด้วยนะ” ฉินซีเดินไปหน้าโต๊ะก้มหน้าขอโทษให้กับเขา
ลู่เหวยผายมือ “ฉันมาก่อนเอง นั่งเถอะ ดื่มอะไรดี?”
ฉินซีสั่งอเมริกาโน่ หลังจากพนักงานออกไป ข้างโต๊ะเงียบสงบไปชั่วคราว
“คุณนายเธอ……….สบายดีไหม?”สุดท้ายฉินซีเป็นคนทำลายความเงียบด้วยตัวเอง
ลู่เหวยพยักหน้า “ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว วันนี้อาจจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว กลับบ้านนอนพักฟื้น”
พูดจบ เขาหยุดชะงักไปสักพัก ก็ยังเอ่ยปากถามอยู่ดี “คุณกับลู่เซิ่น….. จะหย่าร้างกันจริงๆหรือ? “
ฉินซีเงียบกริบ กดแก้วกาแฟอยู่หลายครั้ง พยักหน้า ได้เซ็นใบหย่าเรียบร้อยแล้ว”
ลู่เหวยถอนหายใจเบาๆ หลังที่ตั้งตรงก็ก้มลงไป “ปัญหาของฉันเอง ทำให้คุณต้องเข้ามาเกี่ยวข้องไปด้วย สูหวั่นทางโน้น ผมสั่งคนไปสืบแล้ว ผมจะลงโทษเธอเองให้สาสม”
ฉินซีส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
เธอรู้ตั้งนานแล้ว สูหยิงไม่พอใจกับการสมรสของตัวเองและลู่เซิ่นแค่ไหน ครั้งนี้ฉินซึ่งเทียนกับสูหวั่นร่วมมือกัน เสนอหลักฐานการพูดให้กับเธอ ต่อให้หลบหนีครั้งนี้ไปได้ สูหยิงก็มีวิธีอื่นบีบบังคับเธอออกไป
ทั้งสองคนเงียบกริบอีกครั้ง
ลู่เหวยมีคำพูดเต็มปาก หน้าตาท่าทางกลับไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี
ฉินซีรู้ดีแก่ใจ ลู่เหวยนัดตัวเองออกมา สิ่งที่อยากพูดต้องเป็นเรื่องของเหยาหมิ่นแน่นอน
แต่ว่าหน้าตาเขาลังเล เหมือนกับว่ามีอะไรที่พูดออกมาไม่ได้
รอไปสักพัก ในที่สุดฉินซีก็อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้ “ประธานลู่ คุณหาฉัน มีอะไรจะพูดหรือ?”
ลู่เหวยกลับเงยหน้าขึ้นมามองเธอ “คุณอย่าเรียกผมว่าประธานลู่ เรียกผมว่าลุงก็พอแล้ว”
ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
……… ทำไมลู่เหวยถึงใส่ใจเรื่องเล็กแบบนี้
แต่ว่าเธอก็ยังเปลี่ยนคำพูดด้วยการยอมรับโดยดี เรียกไปคำนึง “คุณลุง”
แต่ว่าการเรียกนามของเธอแบบนี้อารมณ์ของลู่เหวยยิ่งแย่ลง เขาก้มหน้า จ้องโต๊ะอยู่สักพัก ในที่สุดก็เอ่ยปาก” เรียกผมแบบนี้สมควรแล้ว ยังไงซะ……. ผมเคยรับปากกับเธอ จะดูแลคุณดีๆ”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมาแรงๆ