บทที่ 974 ใช่ว่าจะไม่เคยคิดต่อต้าน
ท่าทางของฉินซีรุนแรงเกินไป ลู่เหวยยิ้มแย้มเล็กน้อย “อย่าประหลาดใจ ฉันกับแม่คุณ รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว”
……….
ความจริงถ้าให้เล่านิทาน ก็ง่ายมาก
ตระกูลเหยาและตระกูลลู่ ถึงจะเป็นคู่สร้างคู่สมทั้งสองครอบครัว
ทั้งสองครอบครัวนี้ต่างมีฐานะดีและร่ำรวย บ้านหลังใหญ่โต หน้าบ้านกว้างขวาง ที่สำคัญอยู่ใกล้กันมาก
เหยาหมิ่นและลู่เหวย เป็นแฟนกันตั้งแต่เด็กๆ โตมาด้วยกัน เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กัน ต่างได้เจอหน้ากัน
ตั้งแต่เด็กเหยาหมิ่นเป็นผู้หญิงที่ถูกอบรมสั่งสอนตามมาตรฐาน ท่าทางและการกระทำอ่อนช้อย หน้าตาอ่อนโยนและเรียนด้านดนตรีและศิลปะอีกด้วย น้ำเสียงการพูดและรอยยิ้มล้วนอ่อนโยนและนุ่มนวลมาก
เพราะฉะนั้นลู่เหวยจึงถูกเหยาหมิ่นดึงดูด ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย
ถ้าหากหลังจากนั้นทั้งสองครอบครัวไม่ได้ตกอับ ทั้งสองคนต้องอยู่ด้วยกันแน่นอน
ลู่เหวยก็คิดเช่นนี้ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้รีบร้อนไปเปิดโปงความจริง แต่อยู่ข้างๆเธออย่างเงียบๆ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อเธอแล้วยังเรียนด้านดนตรีอีกด้วย ก็เพราะว่ากลัววันข้างหน้าทั้งสองคนจะพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า พวกเขาสองคนไม่มีอนาคตด้วยกัน
สวรรค์กลั่นแกล้ง เผชิญหน้ากับตระกูลใหม่ที่เกิดขึ้นมา อุตสาหกรรมของตระกูลเหยาและตระกูลลู่ที่พึ่งพาอาศัยกันนั้น ต่างค่อยๆร่อยหรอลงไป
เพื่อช่วยครอบครัวกลับมา การสมรสของลูกสาวกลายเป็นเครื่องมือที่น่าใช้ที่สุด
ลู่เหวยถูกบีบบังคับให้แต่งานกับสูหยิง ส่วนเหยาหมิ่นแต่งงานกับฉินซึ่งเทียน
…………….
ฉินซีฟังคำพูดแค่สองสามคำของลู่เหวยก็พูดจนจบเรียบร้อยแล้ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยการอ้อมค้อม อดไม่ไหวที่จะต้องเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “ท่าน……. ไม่เคยคิดจะต่อต้านเลยหรือคะ?”
ลู่เหวยยิ้มแย้มแบบขมขื่น ส่ายหน้า “ฉันกับแม่ของหนู ต่างไม่ใช่นิสัยที่แข็งข้อ”
ความจริงเขาใช่ว่าจะไม่เคยคิดต่อต้าน
ได้ยินข่าวคราวว่าตระกูลเหยาจะให้เหยาหมิ่นแต่งงาน ลู่เหวยจึงได้ไปหาเธอที่บ้านตระกูลเหยา
เขาอยากถามหลายอย่างมาก อยากบอกความรักและความรู้สึกของเขาให้กับเหยาหมิ่น และอยากถามเหยาหมิ่นดูว่าคิดเช่นเดียวกันกับเขารึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นเคยคิดว่า ถ้าหากเหยาหมิ่นยอมทิ้งทุกอย่างเพื่ออยู่กับเขา เขาก็ยอมทิ้งทรัพย์สินเงินทองของตระกูลลู่เช่นเดียวกัน
แต่ว่าเขาคิดไม่ถึง เหยาหมิ่นถึงกับปฏิเสธเพื่อพบเจอกับเขา
มือถือของเขามีแค่ข้อความนึงที่โดดเดี่ยวเดียวดาย
“เราต่างต้องแต่งงานกันทั้งคู่ พบเจอกันแล้ว กลับไม่ดี”
เขาก็เลยรู้เลยว่า เหยาหมิ่นใช่ว่าจะไม่รู้ความหมายของเขา
แต่ว่าเหยาหมิ่นเลือกที่จะยอมรับกับการจัดการของตระกูลเหยา ก็เลยหมายความว่าเธอได้ปฏิเสธตัวเองแล้ว
ความกล้าหาญของลู่เหวยมีแค่นี้แหละ ถูกเหยาหมิ่นตัดขาดจนไม่เหลือชิ้นดีแบบนี้ ก็เลยละทิ้งการต่อต้านไป ฟังการจัดการของที่บ้าน แต่งงานกับสูหยิง
แต่ว่าเรื่องราวเหล่านี้ เขาไม่เคยคิดจะพูดกับฉินซี และไม่คิดจะเอ่ยให้ใครฟังทั้งนั้น
นี่เป็นความลับของเขากับเหยาหมิ่น เขาจะเก็บไว้ในท้องของตัวเองไปชั่วชีวิต
ฉินซีมีความเสียใจและผิดหวัง
นิสัยของเหยาหมิ่น เธอรู้ดี อ่อนแอ และเอาอยู่หมัดแบบง่ายๆ ตระกูลเหยาให้เธอแต่งงานกับฉินซึ่งเทียน แค่กล่อมเกลานิดๆหน่อยๆ เธอก็รับปากทันทีทันใดแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ว่าถ้าหากลู่เหวยแข็งแกร่งกว่านี้อีกนิดเดียว หรือบอกความรักและความรู้สึกของตัวเองให้กับเธอเร็วๆหน่อย ตอนจบอวสานของเหยาหมิ่น จะแตกต่างจากตอนนี้มั้ยนะ?
แต่ว่าในโลกนี้ ไม่มีคำว่าถ้าหากเยอะแยะมากมายเช่นนั้น
ลู่เหวยมองดูสีหน้าของฉินซีที่เหมือนกับว่าคิดไม่ถึง ยังคิดว่าคำพูดของตัวเองทำให้เธอเข้าใจผิดไปแล้ว จึงหัวเราะพูดขึ้นมาว่า “พูดแบบกลางๆเลยนะ ฉันแอบชอบแม่ของหนูไม่เป็นผล แต่ว่าฉันต้องพูดกับหนูให้ชัดเจนว่า เราสองคนแค่โตมาด้วยกันเท่านั้น แม้แต่บอกความในใจฉันก็ยังไม่ทันได้บอกด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีอะไรกับเธอ หลังจากแม่หนูแต่งงานกับฉินซึ่งเทียน แม้แต่งานแต่งฉันก็ยังไม่ไปเลย หลังจากหนูกำเนิด เราถึงค่อยๆติดต่อกัน”
ฉินซีก้มหน้าดื่มกาแฟไปนึงคำ จู่ๆก็ถามขึ้นมาว่า” ท่านกับคุณนายลู่ ก็อธิบายแบบนี้หรือคะ? “
ลู่เหวยหัวเราะออกมา” เด็กโง่ ถ้าฉันพูดแบบนี้ ชั่วชีวิตนี้เธอก็จะสงสัยว่าฉันหักหลัง ฉันพูดกับเธอว่าแม่ของหนูเป็นเพื่อนเก่าแก่ของฉัน ก็ถือว่าไม่ใช่การหลอกลวงแล้วนี่น่ะ”
ฉินซีมองดูสีหน้าอันเจ้าเล่ห์ของลู่เหวยที่เผยออกมา ยิ้มแย้มตามด้วย
” เมื่อสักครู่ท่านพูดว่า รับปากกับแม่ของหนูว่าจะดูแลหนู……..เรื่องราวเป็นยังไงกันคะ? “
ฉินซีคิดออกอย่างกะทันหัน
รอยยิ้มบนหน้าของลู่เหวยค่อยๆเก็บเข้าไป
” หลังจากแม่ของหนูไปจากตระกูลฉิน เคยติดต่อกับฉัน”
ฉินซีจับกาแฟเอาไว้แบบแน่นๆ เงยหน้าขึ้นมามองเขา” หนู……. ไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงเลย”
ลู่เหวยผายมือ” เธอกำชับเป็นพิเศษ ไม่ให้ฉันพูดออกไป อาจจะคิดถึงนิสัยของสูหยิงหรอกมั้งถ้าหากได้ยิน อาจจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ”
ฉินซียังจ้องหน้าเขาไว้ “แม่ของหนู…… เคยพูดอะไรกับท่านรึเปล่าคะ?”
ลู่เหวยค่อยๆพยักหน้า
…………
ตอนที่เหยาหมิ่นติดต่อกับลู่เหวย เป็นตอนที่ข่าวเท็จของเธอนั้นแพร่หลายออกไปพอดีเป๊ะ
ลู่เหวยได้ยินข่าวนี้มาตั้งนานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เขาไม่เชื่อ แต่ว่ารูปถ่ายกลับวางอยู่ตรงนั้นแบบจริงๆจังๆ กำลังกลุ้มใจอยู่ว่าติดต่อเหยาหมิ่นไม่ได้ เธอก็โทรศัพท์มาเองเลย
ลู่เหวยไปหาเธอตามที่อยู่ที่เธอให้มา เห็นหน้าตาเธอโทรมมาก พักอยู่ในเอ็กซ์เพรสอินน์ หดหู่ใจเหลือเกิน
แต่ว่าเหยาหมิ่นกลับไม่ได้ระบายความโกรธเคืองอะไรให้กับเขา แค่เอ่ยปากแบบตรงๆว่า “คุณเห็นข่าวพวกนั้นแล้ว ใช่รึเปล่า?”
ลู่เหวยไม่มีวิธีโต้กลับ ได้แต่พยักหน้า
หน้าตาเหยาหมิ่นอยู่ในความคาดหมาย สีหน้าถือได้ว่านิ่งสงบ “คุณเชื่อรึเปล่า?”
ลู่เหวยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว ก็ส่ายหน้าทีเดียวเลย
ใบหน้าของเหยาหมิ่นเผยรอยยิ้มที่น่าสมเพชออกมา “ฉันรู้ คุณเชื่อฉัน”
ต่อมา เธอจึงพูดเรื่องราวความเป็นมา ให้กับลู่เซิ่นฟังรอบนึง
ฉินซึ่งเทียนหลอกเธอไปที่โรงแรมยังไง และเล่นตุกติกครั้งสุดท้ายยังไง
ลู่เหวยได้ยินคำพูดของเธอ ค่อยๆหดหู่ใจ
“ตอนที่คุณไปหาฉินซึ่งเทียนในโรงแรม หน้าเคาเตอร์ให้คุณดื่มน้ำ……… มีปัญหาใช่รึเปล่า? “
เหยาหมิ่นพยักหน้า และส่ายหน้า มีปัญหาแน่นอน แต่ว่า…. ฉันไม่มีหลักฐาน”
ลู่เหวยคิดๆดู” ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราไปตรวจที่โรงพยาบาลดู ถ้าหากร่างกายคุณมียา น่าจะยังขับออกไปไม่หมด”
เหยาหมิ่นกลับส่ายหน้า
“ปกติฉันนอนไม่หลับ ก็จะทานยานอนหลับเป็นประจำอยู่แล้ว ต่อให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลตอนนี้ ก็ไม่น่าจะตรวจพบอะไร”
ลู่เหวยเงียบกริบ
ตามความเจ้าเล่ห์ของฉินซึ่งเทียน ถ้าหากเขาอยากทำแบบไม่ทิ้งร่องรอย ต้องใช้ยานอนหลับของเหยาหมิ่นที่ทานอยู่เป็นประจำแน่นอน
เหยาหมิ่นกลับผายมือ “คุณยอมเชื่อฉัน ฉันก็ขอบใจคุณมากแล้ว มาหาคณครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อขอร้องให้คุณช่วยตรวจสอบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาในวันนั้น แต่อยากขอร้องคุณ……ช่วยฉันดูแลฉินซีดีๆ”
“ฉินซี?” ลู่เหวยประหลาดใจเล็กน้อย “ดูแลลูกสาวของคุณ?”
เขาเหลือแต่ถามไปแบบตรงๆ เพราะอะไรคุณถึงดูแลเองไม่ได้
เหยาหมิ่นพยักหน้า เหมือนกับรู้ว่าทำไมเขาถึงประหลาดใจเช่นนี้ อธิบายด้วยตนเองว่า” ฉัน….. เกิดเรื่องแบบนี้ อนาคตของฉินซีต้องลำบากแน่ๆ ถ้าหากมีตระกูลลู่ช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่ น่าจะไม่ลำบากขนาดนั้น”
ลู่เหวยถูกสีหน้าท่าทางที่จริงใจของเธอจนยอมจำนน จึงไม่ได้เกิดความสงสัยอะไรในชั่วขณะนั้น
เขามองดูหน้าตาที่โทรมๆของเธอ เหมือนกับสาบานอย่างหนักแน่น จึงพยักหน้าแบบแรงๆ