บทที่ 978 ราบรื่นไปด้วยดี
อาจเป็นเพราะว่าได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเหยาหมิ่น อานหยันถึงกับไม่ให้ฉินซีรอนานแม้แต่นิดเดียว ไม่นานนักก็ได้ส่งข้อความตอบกลับมาแล้ว
แต่ว่าเนื้อหาของข่าวสารทำให้ฉินซีสงสัยเล็กน้อย
“สถานการณ์ซับซ้อนนิดหน่อย ตอนนี้คุณไปที่บ้านฉัน เรากลับไปคุยกัน”
ฉินซีไม่เสียเวลา หยิบกุญแจรถยนต์ก็ออกไปจากบ้านทันที
สถานการณ์ซับซ้อน?
สถานการณ์แบบไหนกันแน่นะ ถึงถูกอานหยันพูดว่าซับซ้อน?
ฉินซีไม่อยากคิดมาก เพียงแค่เหยียบคันเร่งใต้ขาให้เร็วขึ้นอีกนิด
เหยียบคันเร่งด้วยความเร็วสูงไปถึงบ้านของอานหยัน อานหยันได้รอที่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว
“เข้ามาเถอะ” ตอนที่อานหยันเปลี่ยนหน้าตาที่เข้มงวดในขณะที่พูดเรื่องจริงจังอยู่นั้น กวักมือให้กับฉินซี
ฉินซีตามขึ้นไป “คุณพูดว่าสถานการณ์คับขัน……. เป็นยังไงกันแน่?”
อานหยันเดินไปตรงหน้าคอมพิวเตอร์ และเปิดคอมพิวเตอร์ออกมา
“ทีแรกฉันตามข้อมูลประชากรธรรมดาค้นหา แต่ว่าค้นหาไม่พบ” เธอย้ายหน้าจอคอมพิวเตอร์มาตรงหน้าฉินซี “เพราะฉะนั้นฉันจึงขยายขอบเขตในการค้นหา ได้ผลสรุปสามข้อนี้มา”
ฉินซีตั้งหน้าตั้งตาดู
เพศชายเห้อเสียงอายุ42ปีคนในประเทศ มีอยู่สามคนที่ชื่อว่าเห้อเสียง
คนนึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์สลบอยู่ คนนึงได้ตายไปแล้ว และยังมีอีกคนกำลังรับโทษอยู่ในเรือนจำ
ฉินซีหดหู่ใจ
น้ำเสียงของอานหยันก็เศร้าเช่นกัน” เพราะฉะนั้นฉันรู้สึกว่าน่าจะพูดกับคุณต่อหน้า”
รูปถ่ายในข้อมูลประชากรมันล้าสมัยไปแล้ว ส่วนรูปถ่ายในมือของฉินซีก็เบลอเกินไป ไม่มีวิธีผ่านการแยกแยะหน้าตาคนที่แม่นยำ ได้แค่ติดตามการเคลื่อนไหวของคนอย่างละเอียดเพื่อมาวิเคราะห์ และยืนยันว่าเป็นคนไหนกันแน่
แต่ว่า……..ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ตาม เหมือนจะไม่ใช่คนที่สมสถานะ
สองคนหน้าไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่สามารถให้ข่าวสารที่มีประโยชน์อะไรเลย คนหลัง…… ต่อให้มีหลักฐาน สำหรับคนส่วนใหญ่ ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ
แต่ว่าฉินซีหายใจเข้าลึกๆ หันหน้าไปดูอานหยัน “ฉันจะตรวจสอบดู”
ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้แค่น้อยนิด เธอก็ไม่ล้มเลิกเด็ดขาด
อานหยันเหมือนจะคาดการณ์ไว้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ พยักหน้า ถอยออกมาจากคอมพิวเตอร์ “อืม ฉันได้ล็อกอินบัญชีของฉันเรียบร้อยแล้ว คุณค่อยๆตรวจสอบดูก็แล้วกัน”
ฉินซีพยักหน้าให้กับเธออย่างซาบซึ้งใจ แต่ว่าก็ไม่ได้พูดคำพูดที่ไร้ประโยชน์ นั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์
เปรียบเทียบกับข้อมูลประชากรที่เคลื่อนไหวเป็นการไร้ประโยชน์แล้วละก็ จะทำการค้นหาระหว่างคลังข้อมูล ยังมีข้อมูลซ้ำๆที่ไร้ประโยชน์เป็นจำนวนมาก
แต่ว่าฉินซีกลับไม่มีความรำคาญใดๆ กลับตั้งสมาธิดีๆ และค่อยๆทำไป
ความรู้สึกที่คุ้นเคยมาอีกแล้ว
เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคุ้นเคยกับงานแบบนี้มาก เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ยิ่งไปกว่านั้นมีท่าทีที่ราบรื่นด้วยซ้ำ
แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ตาม รอให้เธอยืนยันข้อมูลของสองคนหน้าเรียบร้อย ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นตั้งนานแล้ว
อานหยันเคาะประตู “ฉันสั่งข้าวคลุกแบบเกาหลีมา คุณออกมาทานหน่อยน่ะ?”
ฉินซีตอบรับ บันทึกข้อมูลที่ตรวจสอบให้เรียบร้อย ลุกขึ้นมาเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร
อานหยันวางตะเกียบเรียบร้อยแล้ว ฉินซียิ้มแย้ม เดินตรงไปและนั่งลง “สวัสดิการดีขนาดนี้เลยเหรอ?”
อานหยันมองหน้าเธอ สีหน้ายังคงจริงจังมาก” เป็นยังไง? ตรวจสอบอะไรพบรึเปล่า?”
ฉินซีส่ายหน้า
คนแรกที่เธอตรวจสอบ เป็นเห้อเสียงที่ตายไปแล้วคนนั้น
เธอตัดออกไปเร็วมาก เพราะว่าอาชีพของเห้อเสียงคนนี้เป็นพ่อครัว เป็นการตายที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนน ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปซ้ำกับเห้อเสียงที่ปรากฏตัวออกมาในที่ประชุมทางธุรกิจคนนั้น
ส่วนเห้อเสียงคนที่สองซึ่งยังสลบอยู่และนอนอยู่ในโรงพยาบาลคนนั้น เสียเวลาของเธอไปตั้งมากมายทีเดียว
เพราะว่าเห้อเสียงคนนี้ก็เป็นนักธุรกิจคนนึง ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ก็เคยลงทุนเปิดโรงแรม เป็นไปได้สูงมากอาจจะเป็นเพื่อนของลู่เหวยที่เจอกันในที่ประชุมคนนั้น
เพราะฉะนั้นฉินซีจึงได้แต่เอาข้อมูล มาวิเคราะห์อย่างละเอียดกับการเคลื่อนไหวของเขาตอนที่เริ่มประชุม
ยืนยันตั้งครึ่งค่อนวัน กลับพบว่าช่วงเวลานั้นตัวเขาอยู่ที่ต่างประเทศ และไม่มีเวลาร่วมการประชุม
ความหวังทั้งหมด ล้วนอยู่ในตัวคนที่สามแล้ว
ฉินซีนึกถึงคำพูดที่ลู่เหวยพูดออกมา
“ฉันลองตรวจสอบเจ้าของคนนี้ดูแล้ว แต่ว่าเหมือนการเคลื่อนไหวของเขาได้หายไปนานมากแล้ว และนานมากแล้วที่ไม่มีคนได้ยินข่าวคราวของเขาเลย”
คำพูดของเธอคำนี้ สำหรับสถานการณ์ของคนสามคนนี้ ล้วนเหมาะสม
ยิ่งไปกว่านั้นสามารถพูดได้ว่า ถ้าหากเห้อเสียงคนนี้ กำลังอยู่ในเรือนจำ ถ้าอย่างนั้นกลับเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด——อย่างน้อยเขาสามารถเอ่ยปากพูด
อานหยันยื่นมือ ปลอบใจด้วยการตบไหล่ของเธอเบาๆ” ไม่เป็นไร ไม่แน่อาจจะเป็นคนสุดท้ายคนนี้ก็ได้ ต่อให้ไม่ใช่ก็อย่าท้อแท้ เราค่อยขยายขอบเขตในการค้นหา ต้องหาเจอแน่นอน”
ฉินซีหันหน้า ยิ้มแย้มให้กับอานหยันอย่างซาบซึ้งใจ “ดีนะที่มีคุณ”
อานหยันผายมือ “อย่าเกรงใจสิ”
ฉินซีทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เก็บข้าวกล่อง และกลับไปที่ห้องหนังสือต่อ
อานหยันดูข้าวกล่องของเธอที่ทานไปได้แค่ไม่กี่คำเท่านั้น จึงส่ายหน้า
ตรวจสอบคนที่สาม ฉินซีคุ้นเคยกว่าก่อนหน้านี้มากขึ้น
ยืนยันฐานะก่อน หลังจากพบว่าเขาก็เคยเป็นนักธุรกิจที่ลงทุนโรงแรมคนนึง ฉินซีไม่เสียเวลา ตรวจสอบการเคลื่อนไหวที่บันทึกของเขาโดยตรง
แต่ว่าเห้อเสียงคนที่สามคนนี้ กลับเซอร์ไพรส์ฉินซีมาก
——ฉินซีดูจากบันทึกของเขา ตรวจสอบบัตรผ่านทางที่ร่วมประชุมครั้งนั้นจนพบ
ฉินซีแทบจะตัดสินใจได้ว่า เป็นคนคนนี้แหละ
ใบหน้าของเธอเพิ่งเผยรอยยิ้มออกมา ก็ค่อยๆจางหายอีกแล้ว
เห้อเสียงคนนี้……กำลังรับโทษอยู่ที่เรือนจำ
ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่กระทำความผิดของเขาไม่พบ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เข้าไปในเรือนจำกันแน่ และไม่รู้ว่าเยี่ยมเยือนได้รึไม่?
ฉินซีนั่งคิดอยู่ตั้งหลายวินาที ยื่นมือโทรศัพท์ให้กับทนายจ้าว
ตอนที่ทนายจ้าวรับสายขึ้นมา ประหลาดใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด “ฉินซี?”
ฉินซีเข้าเรื่องโดยตรง พยายามพูดเรื่องราวให้สั้นๆและง่ายๆรอบนึง
ทนายจ้าวบ่นคนเดียวเงียบๆอยู่ทางโน้นสักพัก “คุณพูดว่าลู่เหวยตรวจสอบเจ้าของโรงแรมในขณะนั้นจนพบ แต่ว่าเจ้าของโรงแรมเข้าคุกไปแล้ว อยากคิดวิธีเพื่อให้ได้เจอเขา และเกลี้ยกล่อมเขา?”
ฉินซีพยักหน้า “ถูกต้อง”
เรื่องที่จะตรวจสอบด้านคดี หาทนายจ้าวอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าอานหยัน
จริงๆซะด้วย ทนายความไม่ลังเล ก็รับปากไปเรียบร้อยแล้ว” ฉันจะไปถามดู มีข่าวคราวเมื่อไหร่ ฉันจะแจ้งให้คุณทราบทันที”
ฉินซีตอบรับ จึงวางสายไป
“ตรวจสอบพบแล้ว?”
ฉินซีหันหน้า เห็นอานหยันพิงที่ข้างๆประตู
น่าจะได้ยินการเคลื่อนไหวที่เธอโทรศัพท์ จึงเข้ามาดู
ฉินซีพยักหน้า “คือคนที่สามนั่นเอง”
ใบหน้าอานหยันปรากฏความดีอกดีใจออกมา” ถ้างั้นก็คือมีความหวังแล้วละสิ?”
ฉินซีกลับใจเย็นกว่าเธอ “ตอนนี้ต้องการคิดวิธีเยี่ยมเยือนเขา อีกอย่างต่อให้สามารถเยี่ยมเยือนได้อย่างราบรื่นก็ตาม ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับคุณแม่ฉัน”
อานหยันถูกเธอพูดซะจน มุมปากค่อยๆคว่ำลงไป “แบบนี้หรือ………”
ฉินซีเม้มปากยิ้มแย้ม และลุกขึ้นมา
“แต่ว่าฉันจะไม่ล้มเลิกหรอก มีความเป็นไปได้แค่นิดเดียว ฉันก็จะไปลองดู”
เป็นไปไม่ได้ฉินซึ่งเทียนเขาจะสามารถหุบปากคนทั้งโลกได้
แค่เธอไปหา เป็นไปไม่ได้ที่จะหาช่องโหว่ที่เขาทิ้งไว้ไม่พบตลอดไป