บทที่ 979 อาลัยอาวรณ์เขา
อานหยันก็พยักหน้าให้กับเธอ “ถูกแล้ว”
พูดจบ ยื่นมืออีกข้างออกมา
ถือเบียร์ขวดนึงไว้ในมือ
ฉินซียักคิ้ว และรับมา “ทำไมจู่ๆจะดื่มเบียร์หล่ะ?”
เธอกับอานหยันถือว่าดื่มเหล้าไม่เก่ง เพราะฉะนั้นมีโอกาสดื่มเบียร์แบบนี้น้อยมาก
อานหยันยิ้มแย้มให้กับเธอ “ฉลองที่คุณกลับมาโสดอีกครั้งไง? ถ้าหากคืนนี้ไม่มีธุระ ความจริงควรพาคุณไปสนุกที่ผับนะ”
รอยยิ้มบนหน้าฉินซีแข็งทื่อไปหนึ่งวินาที กลับถูกอานหยันจับได้ด้วยสายตาที่แหลมคม
“เป็นอะไร?” เธอมองหน้าฉินซีอย่างสงสัย “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า สำหรับการกลับมาโสดครั้งนี้ คุณไม่ได้ดีอกดีใจเลย?”
ฉินซีไม่ตอบ แค่เปิดขวดเบียร์ออกมา และดื่มไปนึงคำ
เรื่องจริงจังทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว สีหน้าที่เข้มงวดและจริงจังของอานหยันก็ได้หายไปแล้วเช่นกัน เธอสบตาให้กับฉินซี พาดบนไหล่ของเธอและพาไปที่ห้องรับแขกกดเธอนั่งลงไปที่โซฟา “พูดเถอะ? เป็นยังไง”
ฉินซีไม่สามารถพูดออกมาทั้งหมดว่าทำไมสูหยิงถึงไม่พอใจในตัวเอง ได้แต่ส่ายหน้า น้ำเสียงมีความผิดหวัง “จะหย่าร้างกัน………ฉันไม่ได้รู้สึกดีอกดีใจจริงๆแหละ
หลายเดือนก่อน เพิ่งได้รับใบจดทะเบียนสมรสกับลู่เซิ่นในวันนั้น เธอไม่ใส่ใจกับเรื่องการสมรสครั้งนี้เลยสักนิด และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากหลายเดือนต่อมา จะหย่าร้างในจุดวิกฤติแบบนี้ เธอถึงได้พบว่าตัวเอง…….มีใจให้กับลู่เซิ่นเสียแล้ว
อานหยันดื่มเบียร์ไปนึงคำ “เพราะอะไร?”
ฉินซีก็ดื่มไปนึงคำ ก้มหน้าก้มตาและเม้มปาก “ก็คือว่า….. อาลัยอาวรณ์”
อานหยันยักคิ้วให้กับเธอ “อาลัยอาวรณ์? อาลัยอาวรณ์อะไรอ่ะ?”
ฉินซีหันหน้ากลับมามองเธอ แต่ไม่ตอบ
อานหยันกลับล้อเล่นกับเธอ เข้ามาถามแบบใกล้ๆ “คุณ…… อาลัยอาวรณ์ลู่เซิ่นใช่มั้ยหล่ะ? “
ฉินซีก็ยังไม่พูดไม่จา แค่เงยหน้าขึ้นมาดื่มเบียร์จนหมดแก้ว
คราวนี้จู่ๆเธอก็ดื้อรั้นกับตัวเองซะงั้น เหมือนกับว่าถ้าพูดว่าอาลัยอาวรณ์ต่อลู่เซิ่น เธอก็จะไม่สามารถไปจากลู่เซิ่นแล้วจริงๆ
แต่ว่าท่าทางเธอแบบนี้ถือว่ายอมรับโดยปริยาย อานหยันไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือควรจะเศร้าดี ได้แต่หันกลับมาและหยิบเบียร์ให้กับเธออีกนึงขวด “ได้ ไม่ดีใจแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ งั้นก็ดื่มเบียร์เลยแล้วกัน”
ฉินซีรับมา เงยหน้าดื่มไปอีกนึงคำ
เธอดื่มเบียร์ไม่เก่ง ตอนเย็นก็แทบจะไม่ได้ทานอาหารเย็นเลยด้วยซ้ำ ดื่มเบียร์สองขวดนี้เข้าไป ที่หน้ามีรอยแดงๆเป็นแผ่นๆแล้ว
“อาลัยอาวรณ์เขาใช่มั้ยหล่ะ”
ฉินซีถอนหายใจเบาๆ
แต่ว่าไม่รู้ว่าอานหยันที่เงยหน้าดื่มเบียร์เหมือนกันได้ยินรึเปล่า
………….
ทั้งสองคนดื่มเบียร์ที่อานหยันซื้อมาจนหมดเกลี้ยง แอลกอฮอล์ขึ้นสมอง ดื่มแบบเพรียวๆแบบนี้ยิ่งเมาไปใหญ่ เพราะฉะนั้นต่างรู้สึกเมากันแล้ว จึงนอนลงไปที่โซฟาและมองดูเพดานด้วยกัน
ไม่มีใครพูดจา ฉินซีก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว อานหยันถึงลุกขึ้นมาแบบเป๋ไปเป๋มา “คุณยังจะนอนห้องนั้นของคุณเองใช่มั้ย? ฉันไปหาผ้าห่มมาให้คุณ”
ฉินซีพูดจาไม่ชัดเจน ผายมือ และลุกขึ้นตามด้วยแบบเป๋ไปเป๋มา “ไม่ต้อง ฉันกลับไปที่บ้าน”
อานหยันหันหน้าไปมองเธอ หัวเราะออกมานึงครั้ง “บ้านไหนเนี่ย?”
ฉินซีเงียบไปหลายวินาที
บ้านของเธอ…………
เธอยิ้มแย้มแบบข่มขืน
ความจริง ตอนนี้เธอไม่มีบ้านแล้ว
พิธีงานศพของเหยาหมิ่นเสร็จสิ้นไปเรียบร้อย เธอก็ย้ายเข้าไปที่รีสอร์ทชิงหยวน หนึ่งปีกว่าแล้ว จึงเห็นที่นั่นเป็นบ้านของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าตอนนี้เธอกับลู่เซิ่นหย่าร้างกันแล้ว บ้านของเธอในอนาคต อยู่ที่ไหนน้อ?
อานหยันดื่มมากไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่ากำลังทิ่มแทงใจดำของฉินซีอยู่ ยังจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆและถามว่า “ใช่แล้ว ตอนเช้าคุณยังให้ฉันหาบ้านอยู่เลยนี่น่ะ? ตอนนี้คุณพักอยู่ที่ไหนอ่ะ?”
คราวนี้ฉินซีสามารถตอบกลับแล้ว พูดทันทีว่า “รีสอร์ทชิงหยวนไง”
อานหยันขมวดคิ้วปุ๊บ “คุณหย่าขาดกับลู่เซิ่นแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังพักอยู่ที่นั่น?”
ฉินซีเงียบกริบ
สมองที่ดื่มจนเมาไม่สามารถคิดทบทวนคำถามแบบนี้ ได้แต่บ่นๆอยู่คนเดียว “ก็พักอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนไงจ้า……… “
อานหยันผายมือ” ช่างเถอะ คุณเมาแล้ว ไม่ถือสากับคุณ”
คนที่เมาถือเคล็ดที่สุดก็คือคนอื่นพูดว่าตัวเองเมา ฉินซียื่นมือออกไปจับแขนของอานหยันเอาไว้” ฉันไม่ได้เมา ฉันพักอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน”
“ได้ ได้” อานหยันตบหลังมือของเธอแบบไม่ใส่ใจ “คุณพักที่รีสอร์ทชิงหยวน ฉันรู้แล้ว”
แต่ว่าน้ำเสียงของเธอแบบนี้เชื่อถือไม่ได้ ฉินซีเอามือกลับมา ไปหากุญแจรถยนต์ตัวเองแบบเป๋ไปเป๋มา “คุณไม่เชื่อ ตามฉันไปดูที่รีสอร์ทชิงหยวนได้เลย”
อานหยันยื่นมือออกไปขวาง” ตอนนี้คุณจะกลับไปได้ยังไง? คุณเมาแล้ว ขับรถไม่ได้”
ฉินซีก็ไม่ได้เมาจนถึงขั้นเบลอลอยขนาดนั้น ถูกอานหยันเข้ามาขวางแบบนี้ จึงหยุดนิ่งไป แต่ก็ยังจับเสื้อของอานหยันเอาไว้ ไม่ให้เธอจัดเก็บห้องนอน
ทั้งสองคนกำลังโต้เถียงกันไม่ยอมเลิกลา จู่ๆมือถือของฉินซีก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ฉินซีหันหน้าไปจับถูกมือถือ คนที่โทรศัพท์มาเขียนไว้ว่า ลู่เซิ่น
อานหยันเมาแล้วชอบพูดจาตรงไปตรงมา เหลือบมอง พูดอย่างประหลาดใจ “ทำไม ดึกๆดื่นๆแบบนี้ สามีเก่าคุณยังโทรศัพท์มาอีก?”
ตอนที่เธอพูดคำนี้ ฉินซีได้เปิดลำโพงเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้นสิ่งที่อานหยันพูดออกมาเข้าไปในหูของ ลู่เซิ่นหมดทุกคำอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักคำ
“ฉินซี” เสียงของลู่เซิ่นโทนต่ำมาก มีความรู้สึกเหมือนกับรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น “คุณอยู่ไหน? “
น่าเสียดายทั้งสองคนที่อยู่ทางนี้ดื่มหนักไปหน่อย ต่างเชื่องช้ากัน ถึงกับไม่มีใครพบว่าเขากำลังจะโมโหแล้ว
ฉินซีตอบไปนึงคำแบบเรื่อยเปื่อย “ฉันอยู่ที่อานหยันทางนี้”
“รอนะ” เขาไม่พูดจาที่ไร้ประโยชน์ โยนสองคำนี้ไว้ก็วางสายไปเลย
อานหยันกับฉินซีจ้องหน้าซึ่งกันและกันอยู่ทางนี้
“เขาให้คุณรอ?” อานหยันสงสัย “รออะไร?”
ฉินซีไม่เข้าใจ ส่ายหน้า
ไม่โทษที่เธอไม่เข้าใจ
เธอกับลู่เซิ่นพักอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ ลู่เซิ่นไม่เคยโทรศัพท์มาเช็กด้วยตัวเองเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมารับ
อานหยันดื่มน้อยกว่าฉินซี จึงเมาน้อยหน่อย คราวนี้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่แน่ใจ แต่ก็พูดไม่ถูก รู้แค่ว่าไม่ต้องไปจัดเก็บที่นอนแล้ว
สมองของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความสงสัย และนั่งกลับไปที่โซฟา
ลู่เซิ่นมาถึงเร็วมาก อานหยันชงชา ทั้งสองคนดื่มเข้าไป ขณะที่สร่างเมานิดหน่อย เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นมาแล้ว
อานหยันไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
ประตูเปิดปุ๊บ คนที่ยืนอยู่ข้างนอก ก็คือเจ้าตัวลู่เซิ่นนั่นเอง
สีหน้าเขาโมโหมาก ข้ามตัวอานหยันและมองเข้าไปในห้องรอบนึง “ฉินซีหล่ะ?”
ทีนี้ฉินซีก็เดินออกมาแบบเป๋ไปเป๋มา
สมองของเธอมีความชัดเจนขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังควบคุมร่างกายที่เป๋ไปเป๋มาของตัวเองไม่ได้
“คุณมาแล้วหรอ?” ฉินซีเงยหน้าขึ้นมามองลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นมองหน้าเธอ จึงขมวดคิ้วทันที “คุณดื่มเหล้า?”
ฉินซีไม่รู้สาเหตุ พยักหน้าแบบใสซื่อ “ใช่แล้ว ฉันดื่มไปตั้งหลายขวด”
ลู่เซิ่นขมวดคิ้วหนักแน่นมากขึ้น ยื่นมือออกไปโอบเอวของเธอเอาไว้ กอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง” กลับไปกับฉัน”
อานหยันยืนอยู่ข้างๆ เห็นทั้งสองคนดึงกันไปมาแบบต่อหน้าต่อตา สร่างเมามากเลยทีเดียว ยื่นมือเข้าไปขวาง “นี่……….”
เธอจำได้ชัดเจนเป๊ะ ฉินซีพูดว่าเธอได้หย่าขาดกันแล้ว ลู่เซิ่นคนนี้ปรากฏตัวออกมาอยู่ที่นี่ และยังอุ้มฉินซีไปแบบนี้ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?