บทที่ 989 จู่ๆก็กลับคำ
“ก็ได้”
คำพูดง่ายๆสองคำของฉินซึ่งเทียนกลับทำให้ทุกคนเงียบเสียงลง
สายตาของฉินซีเองก็ดูจะประหลาดใจ
ฉินซึ่งเทียนรู้สึกภูมิใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ
คิดไม่ถึงสินะ!ฉันเห็นเล่ห์เหลี่ยมของเธอหมดแล้ว!
แต่ทว่าฉินซีรีบกำจัดสีหน้าแปลกใจของตนเองพลางลดตามองต่ำ “ประธานฉินคะ หุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในมือของดิฉันเมื่อแปลงเป็นเงินแล้วต้องใช้เงินหลายร้อยล้าน คุณ…จ่ายไหวจริงๆเหรอคะ”
ฉินซึ่งเทียนมั่นใจว่าฉินซีกำลังใช้กลอุบาย ยิ่งปล่อยไปไม่ได้ เขาเชิดคางขึ้น “เรื่องเงินสดเป็นเรื่องของฉัน เธอไม่จำเป็นต้องกังวล”
ฉินซีไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงแต่พยักหน้ารับ “ตกลงค่ะ อย่างนั้นแล้วดิฉันจะรีบหาทนายเพื่อทำข้อตกลงโดยเร็วที่สุด ดิฉัน…”
เธอยังพูดไม่จบก็ถูกใครบางคนพูดแทรก
“ฉินซี ประธานฉิน ถ้าผมจำไม่ผิด ทุกคนใน ณ ที่นี้ล้วนมีสิทธิ์โดยชอบธรรมต่อการแข่งขันซื้อหุ้นในครั้งนี้ใช่ไหมครับ”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองโดยบังเอิญ กลับพบว่าผู้พูดไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเธอ
เป็นกรรมการสมาชิกที่ช่วยเธอพูดในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุด
เขาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ทำไมเขาถึงคอยพูดช่วยเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินซีครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง นอกจากการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดแล้ว ก็ไม่สามารถนึกได้ว่าเขาและตนเองนั้นมีจุดเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ฉินซีไม่ได้โง เธอรู้โดยอัตโนมัติ เพราะจากการคาดการณ์แล้ว บุคคลนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับลู่เซิ่น
แม้ว่าเธอจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเองแต่ในเมื่อเขามาช่วยในเวลาคับขันเช่นนี้ ฉินซีก็ไม่ปฏิเสธ
และตอนนี้ สิ่งที่เขาพูดดูเหมือนจะเป็นการเติมฟืนใส่ไฟตามแผนของฉินซี
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้วทันที
เขามองไปรอบๆ “ทุกท่านครับ หากอิงตามความรู้สึกแล้ว ฉินซีคือลูกสาวของผม หุ้นนี้คือหุ้นที่พ่อของผมได้ให้แก่แม่ของเธอ และตอนนี้มันกลับมาอยู่ในมือของผมก็เหมาะสมแล้วนี่ครับ หากอิงตามธุรกิจล่ะก็ จำเป็นต้องมีกำลังทางธุรกิจเพียงพอถึงจะซื้อหุ้นด้วยเงินสด เกรงว่าท่านทั้งหลายจะสามารถประมูลในราคาที่สูงได้ แต่อาจจะเก็บเงินเพียงพอในเวลาที่กำหนดไม่ได้”
น้ำเสียงของเขาค่อนข้างสง่าผ่าเผย ทุกคนในห้องต่างเงียบสงบ
ฉินซึ่งเทียนหันไปมองฉินซี “พูดได้ว่า ไม่ว่าใครจะให้ราคาเท่าไหร่ก็ตาม ฉันสามารถจ่ายในราคาที่สูงกว่าได้ แต่ไม่มีใครซื้อหุ้นทั้งหมดได้โดยตรงเหมือนกับฉัน ฉันเองก็ไม่คิดว่าเธอจะเต็มใจขายหุ้นเป็นส่วนๆแบบนี้หรอกนะ เซ็นสัญญามากมายมันน่ารำคาญ ว่าไหม”
ฉินซีนิ่งเงียบพลางพยักหน้า
สิ่งที่สมาชิกกรรมการพูด…เป็นประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง
ฉินซึ่งเทียนได้รับการยินยอมจากฉินซี เขาโบกมือราวกับกลัวว่าเธอจะเสียใจ “เธอไม่จำเป็นต้องไปหาทนายความเพื่อรีบร่างข้อตกลงหรอก ฉินซื่อกรุ๊ปมีทนายความมากมาย ฉันจะให้พวกเขาทำข้อตกลงให้เธอตอนนี้เลย เธอรอที่นี่ก่อน เซ็นข้อตกลงเสร็จค่อยไป”
ฉินซีตาเบิกกว้างด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “แต่เงินสด… ”
ฉินซึ่งเทียนสีหน้าไม่เต็มใจนัก“เรื่องเงินสดฉันจัดการเองเธอไม่ต้องกังวล”
ทั้งสองคนตัดสินเรื่องนี้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
กรรมการคนอื่นๆต่างรู้ดีว่าถึงแม้ตนเองจะต้องการซื้อ แต่ก็ไม่มีกำลังมากพอ เมื่อไม่มีวิธีนำหุ้นของฉินซีมาได้จึงไม่ได้สนใจอีกต่อไป
ฉินซึ่งเทียนสังเกตเห็นท่าทางของคนอื่นๆแล้วก็หันไปพยักหน้าให้กับ เลขาต่ง
เลขาต่งเปิดไมโครโฟนกล่าวปิดท้าย “ขอขอบพระคุณทุกท่าน การประชุมสมาชิกผู้ถือหุ้นในวันนี้ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอเชิญทุกท่านเดินออกอย่างเป็นระเบียบ…”
คณะกรรมการต่างมองหน้ากันพลางเริ่มลุกขึ้นกันเป็นกลุ่มๆ
มีเพียงฉินซีที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
เมื่อผู้ถือหุ้นออกไปจนหมด ฉินซึ่งเทียนส่งสัญญาณให้หซู่หนานเดินไปปิดประตูห้องประชุม ส่วนหลี่เหวยและฉินหว่านก็แทบรอไม่ไหวที่จะเดินออกจากห้องรับรอง
“ฉินซี” นัยน์ตาฉินหว่านแฝงไปด้วยความหยิ่งผยอง“นี่แกจะเล่นสกปรกก่อนไปใช่ไหม”
ฉินซีมองเธออย่างสงบนิ่งโดยไม่ตอบอะไรออกไป
ฉินซึ่งเทียนเดินไปที่ด้านข้างของฉินซี
จริงๆแล้วเขาเองก็กังวลใจอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของเขากับฉินซีก็ไม่สามารถตัดขาดกันได้ในคราวเดียวเหมือนกับการซื้อขายหุ้น แม้ว่าตอนนี้ฉินซีจะออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว แต่หากภายภาคหน้าฉินซีต้องการแก้แค้น ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าลู่เซิ่นจะไม่หมายหัวและกลับมาทำร้ายฉินซื่อกรุ๊ปอีก
“ฉินซี” เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ในเมื่อออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว ก็กลับไปบอกลู่เซิ่นด้วยว่าให้การความร่วมมือและสนับสนุนหน่อย อย่าทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนอีก”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ฉินซีไม่ได้แสดงแสดงท่าทีเหยียดหยามเมื่อแต่ก่อน เธอเพียงแค่ตอบรับเฉยๆเท่านั้น
“คุณไม่ต้องกังวล ลู่เซิ่นจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของฉันอีกต่อไป”
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนหลี่เหวยที่พยายามคิดทบทวน มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “ฉินซี นี่เธอ…”
ฉินซียิ้มมุมปาก แต่ในตาของเธอกลับไม่มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ “ฉันกับลู่เซิ่น เป็นไปอย่างที่พวกคุณต้องการแล้ว”
เมื่อเธอพูดเช่นนี้ ราวกับว่าหินก้อนสุดท้ายในใจของฉินซึ่งเทียนก็ค่อยๆผ่อนคลายลง จนเผยให้เห็นรอยยิ้ม
มิน่าล่ะฉินซีถึงดูอ่อนแอ!มิน่าล่ะเธอถึงลาออกจากตำแหน่ง!
เพราะไม่มีคนคอยหนุนหลังเหมือนอย่างเคย เธอจึงกลัวว่าตัวเองจะไปไม่รอด ถึงได้ทำแบบนี้สินะ!
ความเคลือบแคลงใจสุดท้ายของฉินซึ่งเทียนได้ไขกระจ่างแล้ว เขารู้สึกขอบคุณตนเองที่ตัดสินใจซื้อหุ้น
ต่อไปนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าฉินซีจะต่อต้านในคณะกรรมการบริหารอีกทั้งยังไม่ต้องกลัวว่าบริษัทลู่ซื่อจะแอบวางแผนอะไรไว้เบื้องหลัง
ในอนาคตฉินซื่อกรุ๊ปจะกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ดังเดิมได้อย่างแน่นอน!
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น สีหน้าของหลี่เหวยและฉินหว่านเองก็มีความสุขจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่
หรือแม้แต่ในแววตาของหซู่หนานก็ดูจะยินดีอยู่ไม่น้อย
แต่ฉินซีไม่คิดมัวเสียเวลาอยู่กับพวกเขา เธอหันไปพูดกับฉินซึ่งเทียน “ทนายจะเอาสัญญามาเมื่อไหร่”
ฉินซึ่งเทียนก้มดูโทรศัพท์ “ทนายบอกว่า…ใกล้จะถึงแล้ว”
ฉินซีพยักหน้าและกลับไปนิ่งเงียบตามเดิม
ตอนนี้หลี่เหวยกำลังมีความสุขจนเอ่อล้นแทบอัดอั้นเอาไว้ไม่ไหวจนในที่สุดก็อดที่จะพูดกับฉินซี ไม่ได้ “ฉินซี ตอนนี้เธอก็ขายหุ้นแล้วได้เงินไปไม่ใช่น้อยๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีตระกูลลู่คอยดูแลแล้ว แต่ก็อย่าลืมนะว่าเธอเป็นคนของตระกูลฉินถ้าเกิดเธอไม่มีที่ไป จำไว้นะพวกเราทุกคนต้อนรับเธอเสมอ”
สิ่งที่เธอพูดดูเหมือนจะเป็นการปลอบประโลม แต่กลับเต็มไปด้วยการประชดประชัน
ไม่มีที่ไป…
แบบนี้หมายถึงกำลังถากถางว่าเธอไม่เหลือใครแล้วไม่ใช่หรือไง
โชคดีที่ฉินซีเห็นธาตุแท้ของหลี่เหวยมาเนิ่นนานแล้วจึงไม่ถูกยั่วยุได้ง่ายๆ เธอเพียงแค่หันไปยิ้มให้ “งั้นคงต้องรบกวนคุณช่วยจัดหาห้องให้ฉันด้วยแล้วสิ”
สายตาของหลี่เหวยแข็งกร้าว
โดยปกติเมื่อเธอพูดอะไรเช่นนี้ออกไป ตามนิสัยของฉินซีแล้วเธอจะไม่ตอบโต้กลับ แล้วทำไมจู่ๆเธอถึง…กลับคำล่ะ
เมื่อเห็นท่าทีเลิ่กลั่กของของเธอ ฉินซีก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เต็มใจให้ฉันกลับไปด้วยจริงๆ งั้นฉันก็ไม่อยากทำให้ใครต้องรังเกียจ”