บทที่ 990 แม้เศษเสี้ยวเดียวก็ไม่ยอมเสีย
คราวนี้หลี่เหวยไม่กล้าพูดอะไรอีก เดินกลับไปยืนข้างฉินซึ่งเทียนตามเดิมด้วยความอับอาย
ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นทนายก็เคาะประตูและเดินเข้ามา
ฉินซีรู้สึกคุ้นหน้าเขา จำได้ว่าเป็นทนายความส่วนตัวที่ฉินซึ่งเทียนมักจะเรียกใช้อยู่บ่อยๆ เรื่องส่วนตัวของฉินซึ่งเทียนส่วนใหญ่แล้วเขาจะเป็นคนจัดการทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่าทนายความรีบมาที่นี่ เพราะยังคงมีเหงื่อบนหน้าผากอยู่ แต่ไม่มีเวลาซับออกพลางรีบเปิดกระเป๋าเอกสารและหยิบข้อตกลงที่เตรียมไว้ออกมา “ข้อตกลงเป็นแบบนี้ครับ คุณลองอ่านก่อน”
ฉินซีรับเอกสารพลางกวาดสายตาดู
หุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในข้อตกลงคำนวณจากราคาหุ้นเฉลี่ยของเดือนที่ผ่านมา เมื่อแปลงเป็นเงินแล้ว…กลายเป็นเหมือนเลขบนดาราศาสตร์
หากได้รับเงินก้อนนี้แล้ว ไม่เพียงแต่สามารถคืนเงินที่ลู่เซิ่นจ่ายแทนเธอเมื่อตอนนั้น ทั้งยังมีส่วนต่างที่เหลืออยู่อีก
ทนายความอธิบายอย่างรวดเร็ว “อิงตามกระแสเงินสดของท่านประธานฉินในตอนนี้ สามารถจ่ายได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกสามสิบเปอร์เซ็นต์จำเป็นต้องผ่อนชำระในภายหลัง”
ฉินซีดูตามที่เขาพูดและพลิกไปดูด้านหลัง
ข้อตกลงระบุไว้อย่างชัดเจนว่าฉินซึ่งเทียนจะจ่าย 70% ของราคาซื้อขายในครั้งเดียว
แต่ฉินซีรู้จักนิสัยของฉินซึ่งเทียนเป็นอย่างดี ถ้าเขาเขียนว่าสามารถจ่ายได้ 70 นั่นหมายความว่าเขามีความสามารถในการจ่ายเงินอย่างน้อย 80%
ฉินซีไม่คิดให้เขาเก็บเงินบำนาญมากมายขนาดนั้น
“ฉันไม่เห็นด้วย” ฉินซีชี้ไปที่เงื่อนไขพลางพูดออกมาเบาๆ “สามสิบเปอร์เซ็นต์นี้มันมากเกินไป หากประธานฉินไม่สามารถหาเงินได้ทั้งหมดในคราวเดียว ฉันสามารถแบ่งขายให้ประธานฉินได้เพียงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือมีคนซื้อแน่นอน”
ฉินซึ่งเทียนตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคาดไม่ถึงว่าฉินซีจะพูดถึงเรื่องนี้
แต่หลี่เหวยตอบกลับอย่างทันควัน “ฉินซี!เธอคิดว่าเธอเป็นใคร!ยังจะต่อรองอีกเหรอ!”
ฉินซีไม่ได้โกรธกลับแต่เพียงแค่ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่ได้คิดว่าฉันเป็นใครหรอกนะคะ แต่ว่าหุ้นนี้อยู่ในมือฉัน ตอนนี้พวกเราต่างกำลังคุยธุรกิจกันทั้งสองฝ่าย ในเมื่อคุณรับการเสนอราคาของฉันไม่ได้ แน่นอนว่าฉันก็มีวิธีหาผู้ซื้อคนอื่นๆ”
หลี่เหวยถึงกับสะอึก มองไปที่ฉินซึ่งเทียนเหมือนขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวว่าเขาจะรามือและปล่อยให้ฉินซีขายหุ้นเหล่านี้ให้กับคนอื่น
ซึ่งเธอไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นง่ายๆอย่างแน่นอน!
เหยาหมิ่นได้หุ้นไปถึง 20% เพราะฉะนั้นแม้จะเศษเสี้ยวเดียวเธอก็ไม่ยอมเสีย!
ฉินซึ่งเทียนเองก็รู้สึกอย่างที่เธอรู้สึก เขาเอื้อมมือมาลูบหลังเธอเบาๆเชิงปลอบใจ สายตาพลางมองไปที่ฉินซี “แล้วเธอต้องการเท่าไหร่”
ฉินซีพูดเรียบๆ “ฉันบอกแล้วไงคะ ฉันต้องการเป็นเงินสดทั้งหมด”
ฉินซึ่งเทียนเห็นท่าทางดื้อรั้นของเธอก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ฉินซี เธอจะเอาเงินสดมากมายขนาดนี้ไปทำอะไร”
ฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ “ประธานฉิน สำหรับเรื่องเงินแล้ว ถ้าจะให้ดีต้องอยู่ในมือตัวเองไม่ใช่เหรอคะ”
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้วเป็นปมแน่น เขาก้มหน้าพลางคิดทบทวน “อย่างนั้น เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ฉันจะจ่ายเป็นเงินสด ในส่วนที่เหลือจะรับประกันโดยหุ้นบริษัทย่อยในเครือบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป โดยจะจ่ายเต็มจำนวนภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน แบบนี้ตกลงไหม”
ฉินซีที่ยังคงนิ่งกลับส่ายหัว “ประธานฉิน เมื่อสักครู่ในระหว่างที่ประชุม คุณไม่ได้พูดเช่นนี้นี่คะ”
ฉินซึ่งเทียนกัดฟัน เขาตระหนักได้ว่าไม่สามารถใช้ไม้แข็งกับฉินซีได้ ดังนั้นเขาจึงปรับโทนเสียงและค่อยๆเจรจากับเธอ “ก็จริงอยู่ที่ฉันเพิ่งรับปากไปว่าจะจ่ายให้เธอเป็นเงินสดทั้งหมด แต่ตอนนี้เธอก็เห็นแล้วว่าหุ้นที่แปลงเป็นเงินสดนั้นเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย แม้จะแค่เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์แต่มันก็เพียงพอแล้วนี่ นอกจากฉันแล้ว มีใครคนไหนสามารถจ่ายเงินมากมายเช่นนี้ในคราวเดียวได้อีกเหรอ อีกทั้งฉันยังสามารถให้การรับประกันกับเธอได้ ไม่ปล่อยให้เธอยอมฉันฟรีๆซะหน่อย”
ดูเหมือนว่าฉินซีจะถูกคำพูดของเขาดึงดูดอยู่ไม่น้อย สายตามองต่ำ เคาะนิ้วลงบนข้อตกลงโดยไม่รู้ตัว
ฉินซึ่งเทียนเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งพูดเสริม “ไหนเธอพูดสิ ขั้นต่ำที่เธอยอมรับได้นั้นเท่าไหร่”
ฉินซีก้มหน้าลงอีกครั้งและพิจารณาก่อนจะพูดขึ้น “แปดสิบเปอร์เซ็น”
“แปดสิบ…” ฉินซึ่งเทียนถึงกับสำลัก
นี่มันคือกระแสเงินสดเกือบทั้งหมดของเขา
จำเป็นต้องใช้เงินทั้งหมดที่เขามีมาซื้อหุ้นนี้กลับไปจริงๆอย่างนั้นเหรอ
ฉินซึ่งเทียนเริ่มลังเลอีกครั้ง
เหมือนเธอจะรับรู้ได้ถึงความลังเลของเขา ฉินซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาโดยตรงและพูดซ้ำอีกครั้ง “ประธานฉินคะ เงินสดขั้นต่ำที่ฉันรับได้คือแปดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากลดอีก ฉันจะแบ่งหุ้นส่วนที่เหลือและขายให้กับผู้ที่สนใจจะซื้อค่ะ”
ในที่สุดฉินหว่านที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของฉินซึ่งเทียน
เธอไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่เมื่อได้ยินว่าฉินซีจะขายหุ้นให้แก่คนอื่น ในใจก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา
แต่การกระทำของเธอเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ไปกระตุ้นการตัดสินใจของฉินซึ่งเทียน
ในที่สุด ฉินซึ่งเทียนก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉินซี “ตกลง แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็แปดสิบเปอร์เซ็นต์”
ฉินซีพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบนริมฝีปาก หันหน้าไปทางทนายความ “ตกลง แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเงินสด ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ค้ำประกันโดยหุ้นบริษัทย่อย กำหนดจ่ายภายในหนึ่งเดือน รบกวนคุณแก้ไขให้ด้วยนะคะ”
ทนายความเหลือบมองไปที่ฉินซึ่งเทียน เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าจึงค่อยตอบรับ “ครับ ผมจะแก้ไขให้เดี๋ยวนี้”
เขาแก้ไขและพิมพ์ข้อตกลงใหม่ ฉินซีส่งสัญญาไปให้ทนายความจ้าว
ทนายความจ้าวตอบกลับอย่างรวดเร็ว ‘ทำไมเหรอ’
ฉินซีกล่าวอย่างรวบรัด: “รบกวนคุณช่วยดูให้หน่อยว่าข้อตกลงนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
ทนายความจ้าวตอบกลับภายในไม่กี่นาที “ไม่มีนะ เนื้อความในสัญญาปกติดี แต่คุณ…ขายหุ้นให้กับฉินซึ่งเทียนงั้นเหรอ”
ในข้อตกลงระบุผู้ขายและผู้ซื้อไว้อย่างชัดเจน ส่วนฉินซีเองก็ไม่คิดจะปิดบังเขาจึงตอบกลับ “ใช่ค่ะ ฉัน…ลาออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว”
ทนายความจ้าวไม่ได้ถามถึงสาเหตุ เพียงแต่ตอบกลับ “เมื่อครู่ผมได้อ่านอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร คุณเซ็นได้”
ฉินซีกล่าวขอบคุณ พอดีกลับตอนที่ทนายของฉินซึ่งเทียนนำข้อตกลงมาให้
ฉินซีตรวจสอบอย่างรอบคอบอีกครั้ง หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร ในที่สุดเธอก็เซ็นชื่อของเธอลงไป
คำว่า ฉินซี สองคำนี้ที่ลำดับขีดไม่มากมายอะไร แต่ราวกับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเขียนให้เสร็จ
ฉินซึ่งเทียนที่กำลังเฝ้าดูอยู่กลับคงคิดว่าเธอไม่เต็มใจที่จะสละหุ้นในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
อาจเป็นเพราะร่องรอยจิตวิญญาณความเป็นพ่อในตัวเขาครั้งสุดท้าย เขาจึงไม่ได้เร่งเร้าเธอด้วยความร้อนรนเพียงแค่ยืนรอด้านข้างอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นว่าฉินซีเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้วก็ยื่นมือส่งสำเนาข้อตกลงทั้งสองฉบับ
ฉินซีเซ็นชื่อลงบนสัญญาอย่างช้าๆ
เธอรู้สึกสบายใจแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก
“ความสัมพันธ์ของฉันกับฉินซื่อกรุ๊ปจบลงตรงนี้” เธอรำพันกับตัวเองออกมาเบาๆ
ฉินซึ่งเทียนเห็นว่าเธอดูจะอาลัยอาวรณ์อยู่จริงๆจึงไม่ได้พูดถากถางออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก