บทที่ 991 ปล่อยวาง
ฉินซีไม่ปล่อยให้ตนหวนคำนึงนานไปมากกว่านี้
เธอลุกขึ้นยืน หลังจบการพึมพำ
ขณะที่เธอกวาดสายตาจ้องมองไปยังพวกฉินซึ่งเทียน ใบหน้าของเธอนั้นเรียบเฉย ราวผู้ที่กล่าวประโยคเมื่อครู่นั้นไม่ใช่เธอ
“ลาก่อน” เธอโค้งคำนับให้กับทุกคน ก่อนยันตัวลุกขึ้นเดินจากไป
บางทีอาจเพราะเธอได้หุ้นส่วนที่ใฝ่ฝันรอคอยแล้ว หลี่เหวยและฉินหว่านจึงยินดีอย่างยิ่ง พร้อมตอบรับเธออย่างเบิกบาน : “ลาก่อน”
ทนายความของฉินซึ่งเทียนไม่ได้ออกไปพร้อมกับเธอ ฉินซีรู้ดีอยู่แล้ว เขาต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการเอกสารการโอนหุ้น
คราแรกเมื่อถึงแก่เวลาที่ฉินซีต้องสืบทอดหุ้นต่อ ฉินซึ่งเทียนกลับกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเป็นเวลาหนึ่งปีด้วยกัน
ฉินซึ่งเทียนเอาหุ้นไปจากฉินซี ชั่วพริบตากลับมอบให้แก่หลี่เหวยและฉินหว่าน
สถานการณ์ชัดเจนนัก ฉินซีกลับไม่รู้สึกโกรธหรือน้อยใจแต่อย่างใด
บางทีอาจเพราะเธอไร้ความหวังใดๆในตัวฉินซึ่งเทียนแล้ว จึงไร้ความรู้สึกผิดหวัง
มีเพียงแค่หซู่หนานที่ลุกขึ้นยืนเงียบๆ มุ่งไปทางประตูก่อนเธอ พร้อมช่วยเธอเปิดประตูออก : “ฉันจะไปส่ง”
การถ่ายโอนหุ้นเป็นเรื่องของตระกูลฉิน แม้ในตอนนี้หซู่หนานเป็นคู่หมั้นของฉินหว่าน แต่เขากลับไม่เข้าไปข้องเกี่ยวแต่อย่างใด
ฉินซีจึงไม่ปฏิเสธความหวังดีของเขา เพียงแค่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง : “ขอบคุณ”
หลี่เหวยและฉินหว่านต่างยินดีกับหุ้นที่กำลังจะตกเป็นของเธอ กระทั่งไม่มีใครสังเกตเห็นหซู่หนานที่เดินออกไปพร้อมกับฉินซี
เหล่าคณะกรรมการจากไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงห้องที่ว่างเปล่า
หซู่หนานช่วยฉินซีกดลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง เขายืนอยู่ข้างเธอ รอลิฟต์ที่เลื่อนขึ้นทีละชั้น
“เธอ…..หย่ากับลู่เซิ่นแล้วจริงหรือ?” ท้ายที่สุดเขาอดไม่ไหว เอ่ยถามประโยคนี้ออกไป
ฉินซีจับจ้องไปยังตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนพยักหน้าหลังผ่านไปหลายวินาที : “อืม”
ดวงตาของหซู่หนานลุกวาว : “เพราะอะไร? ลู่เซิ่นไม่ดีกับเธอหรือ?”
ฉินซีนึกย้อนไปยังตอนที่เธอขอหย่า ใบหน้าลู่เซิ่นที่ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนพยักหน้าเบาๆ
บัญชีของเธอและเขา…..ควรคิดอย่างไรดี ใครกันแน่ที่ไม่ดี
หซู่หนานทีท่ามีบางอย่างต้องการเอ่ยถามต่อ หากแต่ประตูลิฟต์เปิดออก
“ผู้จัดการหซู่” ฉินซีก้าวเข้าไปในลิฟต์ ตัดประโยคของหซู่หนาน “ในเมื่อคุณหมั้นกับฉินหว่านแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็จงรักษาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดี กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง สุดท้ายคุณจะไม่เหลืออะไรเลย”
เธอเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า หซู่หนานนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนเผยรอยยิ้มขมขื่น
เขาพยักหน้าเบาๆ
“อันที่จริงผม …..ปล่อยวางเธอได้แล้ว” เขาจับจ้องตัวเลขที่เปลี่ยนไป “อาจจะ…..แค่ไม่อยากยอมรับเท่านั้น”
อันที่จริงผ่านความคลั่งในช่วงนั้นมาแล้ว เมื่อหซู่หนานสงบลง เขารู้ได้ทันที ตนกับฉินซี เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าท้ายที่สุดฉินซีจะเลือกใคร ตำแหน่งนั้นก็มิอาจเป็นเขาอย่างแน่นอน
เขาลงเรือลำเดียวกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปและฉินซึ่งเทียนแล้ว ถอนตัวไม่ได้อีกแล้ว
หากอนาคตสามารถถอนตัวออกมาได้ ก็ไม่สามารถหวังว่าฉินซีจะยอมรับเขา
ฉินซีหัวเราะออกมา อย่างยากที่จะคาดเดา : “ในเมื่อเลือกแล้ว ก็จงอดทนต่อไป”
จบคำ ลิฟต์หยุดจอดลงที่ชั้นล่างสุด ฉินซีไม่รอคำตอบจากหซู่หนาน เพียงเดินออกจากลิฟต์ไปโดยไม่สนใจเขา
หซู่หนานหวังไล่ตามไป โทรศัพท์เจ้ากรรมกลับส่งเสียงดังขึ้น
“ฮัลโหล คุณไปอยู่ไหน?” เสียงของฉินหว่านเล็ดลอดออกมา “คุณพ่อบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณกลับมาเร็วเข้า!”
หซู่หนานตอบรับ เมื่อเขาแหงนหน้าขึ้น กลับไม่พบเงาร่างฉินซีเสียแล้ว
เขาลูบไล้สันจมูกพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น ก่อนเอื้อมมือกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบน
ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ เสมือนใครบางคนกำลังตัดความสัมพันธ์ของเขาและฉินซีลงเป็นครั้งสุดท้าย
บางทีนี่อาจเป็นจุดจบของพวกเขา?
พลาดกันเสมอ พลาดกันตลอดไป
……
ฉินซีเดินออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ป ก่อนหันกลับไปมอง
ตลกนัก เธอเป็นคณะกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปได้นับเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ กระทั่งคีย์การ์ดเธอยังไม่ได้รับ
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปไม่เคยยอมรับเธอ เป็นพวกเดียวกันสักครั้ง
สถานการณ์ที่เธอเลือกที่จะจากไป เสมือนว่าอยู่ในการคาดเดา
เธอจ้องไปยังห้องโถงใหญ่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหันหลังกลับอย่างเด็ดขาด ไม่ละสายตากลับไปมองอีก
อานหยันรอเธอที่ริมถนนอยู่ก่อนแล้ว
“เสร็จแล้ว?” อานหยันเห็นความเหนื่อยล้าของเธอ จึงเอ่ยขึ้น
ฉินซีพยักหน้ารับ พร้อมยกมือขึ้นนวดขมับ
อานหยันเห็นว่าเธออ่อนล้า จึงเลื่อนหน้าต่างขึ้นอย่างเอาใจใส่ : “เธอพักผ่อนสักหน่อย ฉันจองร้านอาหารเอาไว้แล้ว ถึงแล้วฉันจะปลุกเธอเอง!”
ฉินซีไร้ความเกรงใจกับเธอ เธอพยักหน้า ก่อนหลับตาลงอย่างช้าๆ
อันหยันปิดวิทยุ ฉินซีสะลึมสะลือพักหนึ่ง ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรา
ในความฝันเธอเป็นเพียงเด็กน้อย คุณปู่จูงเธอเดินเล่นภายในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ป พร้อมบอกกับเธอว่าอีกหน่อยต้องช่วยคุณพ่อดูแลที่นี่ให้ดี
หากแต่เดินผ่านทางเลี้ยว คุณปู่หายไป กลับเป็นลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ข้างหน้า เขาถือเอกสารบางอย่างไว้ในมือ พร้อมเอ่ยถามเธออย่างนิ่งสงบ ทำไมเธอไม่เลือกที่จะทำลายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปทิ้งซะ?
ฉินซีคิดที่จะโต้กลับ แต่คนตรงหน้ากลับกลายเป็นเหยาหมิ่น
เธอยิ้มอยู่แท้ๆ แต่กลับถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนกระโดดลงไปอย่างเย็นชา
“เห้ย!”
ฉินซีตื่นขึ้นด้วยความตระหนก ต่อหน้าอานหยัน
“ฝันร้ายหรือ? คิ้วขมวดแน่นเป็นปมเลย?” อานหยันเอ่ยถามขึ้น
ฉินซีไม่คิดที่จะเล่าเรื่องราวในฝัน จึงเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “ถึงแล้วหรือ?”
อานหยันพยักหน้าก่อนปลดเข็มขัดนิรภัย : “ฉันปลุกเธอตอนมาถึงนี่ เห็นว่าเธอไม่ได้หลับสบายอย่างที่คิด”
ฉินซีปลดเข็มขัดนิรภัยออก เดินตามเธอลงจากรถ
ถึงหน้าประตู ฉินซีพบว่าอานหยันเลือกร้านหม้อไฟที่ขึ้นชื่อแถวนี้
“รสชาติที่นี่ไม่เลว” อานหยันหันกลับไปมองเธอ “หากไม่จองล่วงหน้า แย่งโต๊ะไม่ได้เลย! มาเร็วเข้า!”
ฉินซีพยักหน้า เดินตามเธอเข้าไป
อานหยันไม่ได้หลอกลวงเธอ หม้อไฟร้านนี้กิจการดีมากเลยทีเดียว เมื่อกวาดสายตาไปรอบห้อง พบเพียงหัวสีดำเต็มไปหมด
หม้อไฟผสมผสานด้วยรสชาติทรงเสน่ห์ของมนุษย์โลก เสียงแก้วเหล้าที่กระทบกันอย่างบ้าคลั่ง ไอน้ำที่ถ่ายเทกลางอากาศรสเผ็ดร้อนที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว ช่วยดึงผู้คนให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อานหยันจองห้องส่วนตัวเล็กๆเอาไว้ เมื่อประตูเลื่อนปิดลง เสียงโหวกเหวกนิ่งเงียบหายไป เหลือเพียงความคึกคักที่ลอยเข้ามาอย่างแผ่วเบาเท่านั้น
เหมาะกับอารมณ์ฉินซีในตอนนี้เสียยิ่ง
“การประชุมคณะกรรมการเป็นอย่างไรบ้าง?” อานหยันสั่งอาหาร ในขณะที่รอพนักงานเสิร์ฟอาหาร เธอจึงได้โอกาสเอ่ยถามขึ้น
ฉินซีนิ่งไปสักพัก ก่อนส่ายหน้า
“ไม่ถือว่าไม่ราบรื่น เพียงแต่…..”
เธอแข็งทื่อชั่วขณะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับอานหยันอย่างไรดี
การเสียสละอะไรบางอย่าง ต้องใช้ความกล้ามากกว่าที่เธอคาดเอาไว้
ยังดี ที่ฉินซีไม่วิ่งหนี เธอก้าวข้ามผ่านมันมาแล้ว และจะไม่หันหลังกลับไปอีก