บทที่ 994 ดื่มด่ำเล็กน้อยเพียงพอแล้ว
อานหยันได้ยินเช่นนั้น เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย : “ไม่เล็กแล้วหรือ?”
ฉินซีถลึงตาใส่เธอ : “เธอไม่เหนื่อยหรือไง? ฉันเหนื่อยแล้ว”
อานหยันหัวเราะลั่น : “ฉันเหนื่อยหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกัน บ้านเป็นเธอที่อยู่ไม่ใช่ฉัน”
ฉินซีกวาดมองไปทั่วบริเวณ
อันที่จริงหลังนี้ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่เธอนำไปเปรียบเทียบกับรีสอร์ทชิงหยวนเท่านั้น
นำรีสอร์ทชิงหยวนออก ไม่ใช้เป็นมาตรฐาน บ้านหลังนี้ถือได้ว่าดีมากสำหรับอยู่คนเดียว
เธอพยักหน้าเบาๆ : “ที่นี่แหละ”
นายหน้าพาเดินแนะนำอยู่นาน ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์เสียที เขาไปหยิบสัญญาด้วยความขอบคุณ ห้องรับแขกมีเพียงฉินซีและอานหยันสองคน
อพาร์ทเม้นตกแต่งอย่างดี เพียงแค่ฉินซีนำเสื้อผ้าเข้ามาก็เข้าอยู่ได้เลย เธอเดินวนรอบห้องรับแขก ก่อนหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟา
อานหยันปวดเมื่อยไปทั่วร่าง เธอนอนแผ่บนโซฟาอย่างหมดสภาพ เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวของเธอ เธอถลึงตาใส่เธออย่างเกียจคร้าน : “เป็นไง บ้านใหม่ไม่เลวเลยใช่ไหม? เห็นไหมฉันไม่ได้โกหกเธอ?”
ฉินซียิ้มร่า : “ใช่แล้ว ต้องขอบคุณเธอ”
อานหยันโบกไม้โบกมือ : “ไม่ต้องเกรงใจหลอก เธอจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่ ฉันช่วยไหม?”
ฉินซีลังเลครู่หนึ่ง : “ฉันจะกลับไปบอกลู่เซิ่นก่อน ได้เวลาที่แน่ชัดเมื่อไหร่…..ฉันจะบอกเธอ”
อานหยันเผยสีหน้าหยอกล้อ หากแต่ฉินซีไม่ทันได้สังเกต เธอบิดขี้เกียจ : “ได้สิ ฉันจะรอเธอไปบอกกับลู่เซิ่น”
ฉินซีไม่ทันได้รู้ตัวถึงน้ำเสียงที่เน้นหนักตรง “บอกกับลู่เซิ่น” เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น ก่อนเริ่มเดินวนรอบห้องอีกครั้ง
นายหน้าเข้ามาพร้อมกับสัญญา
ฉินซีรับสัญญามาไว้ ทันใดนั้นอะไรบางอย่างแล่นเข้าสู่หัวเธอ “ที่นี่ต้องเช่านานเท่าไหร่?”
นายหน้าเกรงว่าธุรกิจจะหลุดลอย จึงรีบอธิบาย : “ปกติแล้วเริ่มที่ครึ่งปีขึ้นไป แต่หากคุณลังเล จะเซ็นสามเดือนก่อนก็ได้”
ฉินซีกำปากกา ก่อนเอ่ย : “ถ้าอย่างนั้นขอเช่าสามเดือนก่อนแล้วกัน”
อานหยันที่อยู่ข้างๆ จ้องมองเธอเซ็นสัญญา หลังส่งนายหน้าเป็นที่เรียบร้อย จึงขมวดคิ้วใส่เธอ : “ทำไมเช่าแค่สามเดือนล่ะ?”
ฉินซียิ้มอ่อน : “ตอนนี้ฉัน…..ใช่ว่าไม่มีปัญญาซื้อบ้านสักหน่อย”
ได้ยินเช่นนั้น อานหยันนึกขึ้นได้
ฉินซีในตอนนี้ มีเงินอยู่ไม่ใช่น้อย
“เอ้อ เธอ…..ต้องคืนเงินลู่เซิ่นไหม” อานหยันถามขึ้นกะทันหัน
ฉินซีรู้สึกขำกับคำถาม: “ทำไมจะไม่ต้อง? เธอลืมไปแล้วหรือไง ทีแรกฉันย้ายเข้ารีสอร์ทชิงหยวนเพราะอะไร”
อานหยันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเริ่มกังวลอีกครั้ง : “งั้นเธอคืนเงินแล้ว ยังเหลือเท่าไหร่?”
ฉินซียกยิ้มมุมปาก : “ฉินซึ่งเทียนให้ฉันมาไม่น้อย”
ในตอนที่ตัดสินใจหย่ากับลู่เซิ่น ฉินซีคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องตัดขาดกับตระกูลฉิน เธอจึงทำการวางแผนเอาไว้แล้วตั้งแต่เนิ่นๆ เพียงแต่เธอไม่คาดคิด ฉินซึ่งเทียนจะไร้ความอดทนเช่นนี้ รีบร้อนแลกหุ้นเป็นเงินสดให้กับเธอ
อานหยันเห็นทีท่าไม่เดือดไม่ร้อนของเธอ จึงวางใจ
แต่เธอกลับพึมพำในใจ
เธอออกมาจากรีสอร์ทชิงหยวนให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน
…..
ทั้งคู่นอนเล่นอยู่สักพัก กระทั่งท้องฟ้าค่อยๆหม่นลง ฉินซีบิดขี้เกียจ ก่อนลุกขึ้นยืน : “ไปกันเถอะ กลับบ้านกินข้าว”
อานหยันเผยสายตาเย้าแหย่ : “กลับรีสอร์ทชิงหยวนหรือ?”
ฉินซีเพ่งสายตาอย่างอึดอัด : “ฉันก็อยู่นั่นไม่ได้กี่วันหลอก วันหลังก็ไม่มีโอกาสทานอาหารของเชฟที่รีสอร์ทชิงหยวนแล้ว ตอนนี้ยังมีโอกาส ได้มื้อนึงคือมื้อนึง”
อานหยันไม่เฉลยความหมายของคำถาม เธอลุกขึ้นจากโซฟา เพื่อไว้หน้าให้กับฉินซี : “รู้แล้ว! ฝีมือเชฟที่รีสอร์ทชิงหยวนดีมากเลย”
“ฉันไปส่งที่บ้าน” อานหยันลุกขึ้นเดินไปยังประตู “เดี๋ยวกลับดึก แล้วจะไม่ทันมื้อค่ำของรีสอร์ทชิงหยวนเอานะ”
ประโยคเย้าแหย่อย่างชัดเจน ฉินซีไล่ตามไป ราวถูกลงโทษ พร้อมตบหลังเธอหนึ่งที
อานหยันไร้โทสะแต่อย่างใด เพียงหันหน้ายิ้มเยาะใส่เธอ
…..
อานหยันส่งฉินซีที่หน้าบ้าน เธอไม่ยอมเข้าไปข้างใน
“ฉันกับอดีตสามีเธอไม่ถูกกัน น่ากลัว”
ฉินซีจ้องมองเธอพร่ำอย่างไร้วิธี เธอส่ายหน้าพร้อมเอ่ย : “ได้ ฉันจะเข้าไปเอง”
อานหยันโบกมือให้กับเธอ ราวเห็นผีกะทันหัน เธอเหยียบคันเร่งหนีหายลับตาไป
ฉันซีหันไปยังสายตาของเธอ ซึ่งมีลู่เซิ่นที่กำลังจอดรถอยู่ พร้อมหน้าต่างที่ลดครึ่ง เห็นใบหน้าซีกหนึ่งของเขา
เธอก้าวเดินเข้าไป : “กลับมาแล้วหรือ?”
ลู่เซิ่นตอบเสียงแผ่ว “อืม” ก่อนหันไปทิศทางที่อานหยันจากไป “อานหยัน? ทำไมไม่เข้ามา?”
ฉันซีไม่มีทางทบทวนประโยคของอานหยันอีกครั้งอยู่แล้ว เธอเพียงหาข้ออ้าง : “เธอมีธุระต่อ ไปแล้ว”
ลู่เซิ่นไม่เอ่ยถามใดๆอีก เพียงแค่หยักหน้าเบาๆ : “เธอขึ้นมาสิ”
ประตูหน้าบ้านรีสอร์ทชิงหยวนห่างจากตัวบ้านอยู่ไม่น้อย ฉินซีไม่เล่นตัวแต่อย่างใด เธอดึงประตูรถเข้าไปนั่ง
ไม่ทันที่เธอได้ปิดประตูรถสนิทดี ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเป็นปม : “เธอทานหม้อไฟเมื่อเที่ยง?”
ฉินซีตระหนกเล็กน้อย
เธอทานหม้อไฟเมื่อเที่ยง แถมยังเดินนานอยู่พอสมควร เธอคิดว่าจะไร้กลิ่นแล้วเสียอีก
แต่ลู่เซิ่นถามขนาดนี้แล้ว เธอได้แต่พยักหน้ารับ
เพียงแต่เมื่อตอบคำเขา เธอถึงนึกขึ้นได้ ตนและลู่เซิ่นไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันแล้ว ทำไมเขายังถามคำถามได้อย่างปกติไร้สิ่งใดเกิดขึ้นอยู่อีก ราวกับว่า…..ระหว่างเขาทั้งคู่ไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ?
เพียงแค่ฉินซีเท่านั้นที่ยังลังเล ลู่เซิ่นไม่เอ่ยใดๆอีก กระทั่งลงจากรถ
เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องอาหาร ฉินซีตาลุกวาว
แม้เมื่อเที่ยงเธอจะทานไปมาก แต่เดินไปเดินมาอยู่นาน ร่างกายเผาผลาญหมดไปตั้งนานแล้ว
แถมเมื่อเที่ยงทานรสจัด เมื่อได้เห็นอาหารเบาๆของเชฟนั้น ดึงดูดมากเข้าไปอีก
ลู่เซิ่นกลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตนถึงกล่าวขึ้นกะทันหัน : “เธอชอบอาหารรสจัดนี่? อาหารที่บ้าน เธอคงไม่ชินตั้งนานแล้วสินะ?”
ฉินซีนิ่งไปหลายวิ ก่อนหันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย : “ไม่นี่ อาหารที่บ้าน ฉันว่ามันอร่อยดี…..”
“ถ้าอย่างนั้นเธอไม่ชอบอาหารรสจัด?” ลู่เซิ่นแหงนหน้าจ้องเธอ
ฉินซีไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร
เธอไม่อยากหลอกตนเองว่าไม่ชอบ แถมยังถูกลู่เซิ่นพบเข้าตั้งหลายครั้ง เธอและอานหยันทานหม้อไฟด้วยกัน
แต่ต่อให้ชอบอาหารรสจัด ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทานทุกวันนี่นา
นานๆครั้งให้หายอยากเพียงพอแล้ว
เธอพอใจอาหารที่บ้าน ไม่ขัดแย้งกันสักหน่อย
เพียงแต่รอให้ฉินซีอธิบายเหตุผลเข้าใจยากเช่นนี้ ลู่เซิ่นเดินไปที่โต๊ะอาหาร นั่งลงที่ตำแหน่งตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาปล่อยวางคำถามกะทันหัน เพียงแค่แหงนหน้าไปทางฉินซี : “ทานเถอะ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ อาหารที่นี่ก็เป็นเช่นนี้”
ฉินซีไร้คำพูดกับคำเสียดสีของเขา ได้แต่นิ่งไม่อธิบายใดๆต่อ ก่อนนั่งลงอย่างสงบ เริ่มรับประทานอาหาร