บทที่ 996 รั้งสุดความสามารถ
แต่ลู่เซิ่นไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉินซีคิดอย่างชัดเจน
เขาในตอนนี้เต็มไปด้วยไฟโทสะ ใบหน้าหม่นหมองดำคล้ำ
ความเงียบของฉินซีคือคำตอบ เขาใช้แรงบีบคางเธอแน่น: “ฉินซี เธอคงอยากไปจากที่นี่ใจจะขาดสินะ?”
ฉินซีรู้สึกถึงความเจ็บที่แล่นเข้ามา เธอขมวดคิ้วเป็นปม : “ลู่เซิ่น คุณปล่อยมือก่อน”
เหมือนว่าลู่เซิ่นถูกจี้จุดเข้า เขาหดมือที่บีบคางเธอออก มืออีกข้างกลับกระชากฉินซีเข้ามาในอ้อมกอด : “คุณอย่าคิดว่าผมจะปล่อยคุณไป”
ฉินซีไม่ทันได้ตั้งตัว จมูกเธอชนเข้ากับอกกว้างอย่างจัง น้ำตาพลันเริ่มเอ่อ พร้อมกับอารมณ์ที่แล่นสูง : “ลู่เซิ่น!”
ลู่เซิ่นกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ไม่ให้โอกาสเธอได้ขยับแม้แต่น้อย
ฉินซีขมวดคิ้วเบาๆ
ฉินซีก่นด่าอานหยันในใจ
อะไรกันไหนบอกว่าบอกลู่เซิ่นตามตรงแล้วจะได้คำตอบ สถานการณ์เช่นนี้ หาคำตอบได้ไปที่ไหน?
แต่ไม่ว่าจะก่นด่าอานหยันอย่างไร ฉินซีก็ต้องคิดหาวิธีออกไป ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกลู่เซิ่นรัดจนขาดอากาศหายใจเป็นแน่
ลู่เซิ่นโมโหเพราะเธอบอกว่าจะย้ายออก คงต้องพูดเรื่องนี้กับเขาถึงจะได้ผล
เพียงแต่ใบหน้าของฉินซีซบอยู่ในอกของลู่เซิ่น เขาทำได้เพียงพยายามเปล่งเสียงออกมา : “แม้เซ็นสัญญาแล้ว แต่ว่า…..ฉันไม่คิดจะย้ายออกไปตอนนี้ ฉันจะไม่ไปกะทันหันหลอก”
จบประโยค เสมือนว่าลู่เซิ่นไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอเอ่ย เขายังคงกอดรัดเธอแน่นดั่งเก่า
ฉินซีถอนหายใจในใจ
“ลู่เซิ่น” เธอแหงนหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ต้องการจ้องเข้าไปในดวงตาคมลึกของเขา “พวกเรา…..หย่ากันแล้วไม่ใช่หรือ?”
เธอเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับว่าเกรงลู่เซิ่นตระหนก
หากแต่ลู่เซิ่นเหมือนว่าถูกอะไรบางอย่างสะกิด
“หย่า…..”
คำนี้ล่องไปลอยมาในหัวเขา ฉินซีได้ยิน เธอกลับหดหู่ขึ้นมา
“ใช่ เราหย่ากันแล้ว” ลู่เซิ่นกลับมามีสีหน้าที่เย็นชาเช่นเดิม เขาถอยหลังหนึ่งก้าว
ฉินซีกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง แต่กลับรู้สึกไม่เป็นตัวเอง เธอก้าวไปข้างหน้า : “ลู่เซิ่น…..”
“ใช่ ไม่ผิดหลอก เราหย่ากันแล้ว” ราวกับว่าบุคคลที่กอดรัดเธอแน่น เสมือนกลัวเธอหายไปไม่ใช่เขา
“ลู่เซิ่น ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ได้จะย้ายเดี๋ยวนี้” ฉินซีหยุดยืนอยู่ที่เดิม แหงนหน้าขึ้นมองลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นก้มหน้า สบสายตาเธอ : “เธอ…..ไม่ได้จะย้ายออกเดี๋ยวนี้หลอกหรือ?”
ฉินซีพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล
เธอไม่ได้หลอกลู่เซิ่น เมื่อตอนที่เธอเลือกดูบ้าน เธอมีคำตอบอยู่แล้ว ตัวเธอเองไม่อยากย้ายไปไหน
ไม่เช่นนั้น เธอคงไม่นำบ้านทุกหลัง เปรียบเทียบกับรีสอร์ทชิงหยวน
หากแต่ลู่เซิ่นยังคงเผยรอยยิ้ม : “แต่ว่า เราได้หย่ากันแล้ว ยังไงเธอก็ต้องไป ใช่ไหม?”
ฉินซีไม่รู้ตอบยังไงกับคำถามนี้ เธอปริปาก แต่กลับเอ่ยไม่เป็นประโยคอยู่นาน : “ฉัน…..”
“พอได้แล้ว” ราวกับว่าลู่เซิ่นไร้ความอดทน ขัดประโยคเธอ “ผมรู้แล้ว”
ฉินซีขมวดคิ้วเบาๆ
คุณรู้แล้ว?
ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย คุณจะรู้อะไร?
ลู่เซิ่นถอยหลังไปอีกก้าว จับจ้องไปที่ใบหน้าของฉินซี ฉินซีกลับไม่รู้ความหมาย
“ฉันรู้ เราหย่ากันแล้ว เธอรู้สึกว่าอยู่กับฉันต่อไป ไม่ดีต่อตัวเธอ” ลู่เซิ่นเอ่ยอย่างมั่นคง “แต่เธอไม่ต้องรีบย้ายหลอก ฉันจะออกไปข้างนอกเร็วๆนี้ เธอ….อยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนต่อไปได้”
ฉินซีอ้าปากเล็กน้อย
ลู่เซิ่น…..จะไปไหน?
ลู่เซิ่นในตอนนี้ไม่ฟังคำใครทั้งนั้น : “ระยะเวลาที่ฉันไม่อยู่ เธอก็อยู่ที่นี่ต่อไป ไม่เกิดปัญหาอะไรหลอก สำหรับหลังจากฉันกลับมา เราค่อยว่ากัน”
ฉินซีขมวดคิ้ว ต้องการอธิบาย แต่กลับถูกลู่เซิ่นขัดขึ้น : “ฉันหวังว่าคุณจะไม่ย้ายออกไปเองในช่วงเวลานี้ ยังไงซะ…..เราเคยเป็นสามีภรรยากันหลายเดือน รอฉันกลับมา ฉันจะไปส่งเธอเองได้ไหม?”
ตัวเขาเองยังสับสนในสิ่งที่ตนได้เอ่ยไป เพียงแต่ทั้งที่ไม่มีใครที่ได้สติดี ฉินซีจึงรับข้อตกลง
ฉินซีพินิจเข้าไปในดวงตาที่คมลึก พร้อมพยักหน้า
ลู่เซิ่นที่เห็นเธอพยักหน้า ถือว่าเธอได้ตกลงแล้ว เขาจึงควักโทรศัพท์ออกมา ก่อนเดินออกไป
ฉินซีไม่ไล่ตามไปแต่อย่างใด
เธอรู้ดี ไล่ตามไปก็ไร้ประโยชน์
คนรับใช้ในห้องอาหารต่างหลบออกไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงห้องที่ว่างเปล่า ที่มีเพียงฉินซี
เธอจะดูไม่ออกได้อย่างไร ไปต่างจังหวัดของลู่เซิ่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น?
เขา…..รั้งเธอเอาไว้สุดความสามารถ
เพราะเหตุใด
ฉินซีมองไปรอบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก
เธอมีคำว่าทำไมมากมายเหลือเกินที่อยากได้คำตอบจากลู่เซิ่น แต่เธอกลับไม่แน่ใจ คำตอบของลู่เซิ่น เป็นคำตอบที่ตนอยากรู้
เธอยังคงตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ปลายสายไม่ใช่ใครอื่น เป็นอานหยันเจ้าของแผนการนี้
“เป็นไงบ้าง?” เธอเข้าตรงประเด็น มั่นใจว่าฉินซีต้องบอกลู่เซิ่นเรื่องย้ายออก
ฉินซีที่นิ่งไปหลายวินาที เอ่ยเสียงดังลั่นกะทันหัน : “คำแนะนำบ้าอะไรของเธอ!”
อานหยันถูกเอ็ด เวลาอันสั้นเธอตั้งสติไม่ทัน “เอ๊ะ มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ฉินซีมุ่งไปยังหน้าต่าง จับจ้องลู่เซิ่นที่กำลังคุยโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ : “มีคำตอบอะไรที่ไหนกัน?”
อานหยันนิ่งไปชั่วขณะ : “เป็นไปได้ยังไง ? เขาไม่รั้งเธอหรือ? เขาต้องไม่อยากให้เธอไปสิ?”
ฉินซีพยักหน้า : “เขา…..ไม่อยากให้ฉันไปจริงๆนั่นแหละ”
อานหยันเสียงสูงขึ้นมา : “ก็ดีแล้วนี่! เขาไม่ได้ว่าอะไรอื่นอีกหรือ?”
ฉินซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “เขารั้งฉันไว้ แต่เขาไปเอง”
อานหยันพูดอะไรไม่ออก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น “เอ่อ” อยู่ครึ่งค่อนวัน พูดไม่ออกแม้สักประโยคเดียว
“อานหยัน” ฉินซีเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ แต่อานหยันกลับรู้สึกถึงความสงบก่อนลมฝนกระหน่ำ “คืนวันนั้น เขาพูดอะไรกันแน่?”
อานหยันจับจ้องมือถือของตน ข้อความที่ลู่เซิ่นส่งให้เธอ ด้วยความลังเล
เนื้อความว่า : “ผมหวังว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ผมไปรับฉินซี คุณจะไม่เปิดเผยให้ฉินซีได้รับรู้ นี่เป็นเรื่องของเราสองคน ให้พวกเราแก้ปัญหากันเอง”
แต่ปลายสาย น้ำเสียงที่เป็นกังวลของฉินซี
อานหยันไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจะแก้ปัญหาอย่างไร ไม่รู้ว่าเขาจะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่ ทำให้ฉินซีรู้สึกครึ่งๆกลางๆระหว่างความหวังและสิ้นหวัง แต่เธอเองไม่แน่ใจ ตน…..สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่