ตอนที่ 1005 ออกไม่ได้ก็ต้องเข้า
ฝ่าออกไปพร้อมกับกลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ที่เหลือ?
ฟางเจิ้งจือเคยคิดเรื่องนี้แต่เขาก็รีบปฏิเสธมันไปทันทีหลังจากเห็นอสูร ปีศาจ สัตว์ร้ายจำนวนมากกำลังล้อมพวกเขาเอาไว้อยู่ มันเป็นไปได้ที่เขาจะพาทุกคนออกไปได้อย่างปลอดภัย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่สามารถจากไปตอนนี้ได้ มีมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งยังอยู่ในซากปรากสาทสีดำรวมไปถึง วู่จวี้เอ๋อ มู่ฉิงเฟิงและเหยียนซิว…
”เหยียนซิว…ตอนนี้เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”ฟางเจิ้งจือพลันสงบใจลงในทันที ความโกรธเกรี้ยวหายไปจากสายตาของเขา
เขารู้ว่ามนุษย์ไม่มีทางอยู่ในปราสาทสีดำไปได้ตลอด
ถ้าเขาจากไปตอนนี้พวกที่อยู่ด้านในนั้นจะทำเช่นไร?
วู่จวี้เอ๋อและเหยียนซิวจะเป็นยังไง?
เขาจะหนีไปไม่ได้!
ถ้าเขาออกไปไม่ได้งั้นก็ต้องเข้าไป!
มีทางเลือกเหลือไม่มากแล้ว
ถ้าไม่เข้าไปในปราสาทสีดำก็ตาย!
ฟางเจิ้งจือไม่คิดอะไรอีกและลงมือทันที
”เดี๋ยวก่อนข้ามีบางอย่างจะพูด! ขณะที่ฟางเจิ้งจือพูด เขาวางหยุนชิงวูไว้ด้านหน้า
”หืม?!”
”เจ้าต้องการจะพูดอะไร?”
ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามหยุดโจมตีเมื่อเห็นหยุนชิงวูถูกใช้เป็นเกราะป้องกัน
ในทำนองเดียวกันกองทัพปีศาจและอสูรต่างหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของฟางเจิ้งจือ
สำหรับพวกเขาหยุนชิงวูคือนายน้อยที่แท้จริงของพวกเขา พวกเขาต้องการฟังสิ่งที่ฟางเจิ้งจือจะพูดออกมาแน่นอน สำหรับฉินเซียน…
เขาไม่ต้องการให้ฟางเจิ้งจือพูดอะไร
แต่ตัวตนระดับเทพเจ้าคนอื่นและกองทัพทั้งหมดต่างหยุดนิ่งโดยไม่ฟังคำสั่งจากเขามันสายเกินไปที่เขาจะสั่งให้โจมตีอีกครั้ง
ฟางเจิ้งจือรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์นี้ท้ายที่สุดหยุนชิงวูก็คือหยุนชิงวู นางยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
”ข้าจะพูดอะไรบางอย่างทุกคนจงฟัง! ฟางเจิ้งจือกล่าวอีกครั้งพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ
”รีบพูดได้แล้ว!”
”เขาพยายามจะถ่วงเวลางั้นหรือ?”
ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามขมวดคิ้วแต่ยังให้เวลากับฟางเจิ้งจือเพราะหยุนชิงวู
”งั้นก็ฟังให้ดี…ข้าตั้งใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของข้าให้พวกเจ้าได้เห็น!”ฟางเจิ้งจือหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะตะโกนออกมาอีกครั้ง
”ตัวตนที่แท้จริง?! ”เมิ่งเทียนจะเปิดเผยใบหน้าให้พวกเราเห็นงั้นหรือ?”
”ทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น?”
ทุกคนต่างสับสนเพราะเมิ่งเทียนไม่จำเป็นต้องเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้พวกเขารู้แม้แต่น้อย
แต่ทุกคนก็มีความอยากรู้
อยากรู้ว่าเมิ่งเทียนผู้ที่หลายร้อยปีก่อนเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกมีหน้าตาเป็นเช่นไร
แม้แต่ฉินเซียนก็กลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมา
”อืมม…”เสียงอู้อี้ของหยุนชิงวูดังขึ้นเบาๆ
แม้นางต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เพราะฟางเจิ้งจือกำลังจับคอนางไว้อยู่ทำให้ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ฟางเจิ้งจือหัวเราะ
มืออีกข้างหนึ่งค่อยๆเลือนไปที่หน้ากากสีดำช้าๆ เวลาดูเหมือนจะไหลช้าลงมาก
ดวงตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่มือของฟางเจิ้งจือพวกเขาแทบไม่กระพริบตา
จากนั้น…
หน้ากากผ้าสีดำชิ้นหนึ่งลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
”เขาเปิดเผยตัวตนให้พวกเราเห็นจริงๆงั้นรึ!”ทุกคนต่างไม่เชื่อเมื่อเห็นเศษผ้าสีดำลอยอยู่บนท้องฟ้า
พวกเขาต้องการเห็นว่าเมิ่งเทียนหน้าตาเป็นเช่นไร
อย่างไรก็ตามไม่นานพวกเขาก็รับรู็ว่าเมิ่งเทียนที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาได้หายไป?
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
”เจ้าพวกโง่!รออะไรกันอยู่?! วิ่งเข้าไปในซากปราสาทสีดำ! พร้อมกับร่างหนึ่งที่วิ่งไปยังซากปราสาทหินสีดำ
ที่แปลกที่สุดคือปิงหยาง นางถูกล้อมด้วยราชาอสูรถึงสองคนนางยังไม่ทันได้สติแต่กลับถูกมือหนึ่งผลักไปที่ซากปราสาทสีดำอย่างแรง
”…”ปิงหยางกระพริบตาด้วยความสับสน
นอกจากนางแล้วทุกคนที่อยู่ในสนามรบก็ไม่มีใครตอบสนองได้ทัน
เมื่อพวกเขาได้สติ…
ฟางเจิ้งจือก็พุ่งเข้าไปในปราสาทสีดำพร้อมกับปิงหยางและหยุนชิงวูแล้ว
”…”
”เข้าไปในซากปราสาทสีดำ?”
”วิ่ง?!”
แม้พวกเขาจะไม่ได้โง่จนไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูดแต่พวกเขารู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ
ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดต้องเป็นคนปกป้องควบคุมสถานการณ์งั้นหรือ?
แต่เขากลับวิ่งหนีคนแรก?
เรื่องบ้าอะไรกัน?! เทียบกับฝ่ายมนุษย์ที่พูดไม่ออกตัวตนระดับเทพเจ้าและกองทัพปีศาจและอสูรกลับรู้สึกเดือดดาลราวกับหม้อที่ต้มน้ำกำลังเดือด
ใครจะไร้ยางอายก็ได้!
แต่มันต้องมีขีดจำกัด!
”ผู้อาวุโสเมิ่งเทียน…ท่านวิ่งเร็วมาก…”โม่ฉานฉือกลืนน้ำลายและกล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันซีดขาว
”ท่านอาจารย์โม่เร็วเข้า!”
”รองผู้นำโม่พวกเราจะช่วยท่านเอง!”
เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์ไม่สามารถทิ้งโม่ฉานฉือไว้เบื้องหลังได้แน่นอนคนจำนวนหนึ่งพยุงเขาขึ้นและวิ่งไปทางซากปราสาทสีดำ
โชคดีที่…
ตำแหน่งที่ฝ่ายมนุษย์อยู่นั้นค่อนข้างดี
ตอนแรกเหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์ปกป้องประตูทางเข้าของซากปราสาทสีดำยิ่งในปัจจุบันกองทัพปีศาจและอสูรบีบวงเข้ามาทำให้พวกเขาอยู่ใกล้ทางเข้ายิ่งกว่าเดิม พวกเขาต่างหลั่งไหลเข้าไปด้านไหนราวกับมดวิ่งเข้ารัง
”วิ่ง!”
”เร็วเข้าวิ่ง!”
”…”
จะมีใครจะยอมโง่รอความตายอยู่ที่นี่หรือไม่?
แน่นอนไม่มีทาง!
”ขัดขวางพวกมันเร็วเข้า!อย่าให้พวกมันเข้าไปได้แม้แต่คนเดียว! ฉินเซียนตะโกนออกมาด้วยดวงตาอันแดงก่ำ
”รับทราบ!”กองทัพอสูรและปีศาจไม่ลังเลพุ่งตามกลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ไปในทันที อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
มนุษย์อยู่ใกล้กับประตูทางเข้ามาเกินไปจากห้าร้อยคนเหลือรอดเพียงครึ่งหนึ่งซึ่งตอนนี้ได้เข้าไปด้านในซากปราสาทสีดำเกือบหมดแล้ว
”บุกเข้าไป!”ฉินเซียนตะโกนออกมาด้วยความบ้าคลั่งเมื่อเห็นศพมากมายนอนอยู่บนพื้น
”ไม่ฉินเซียน! ตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสามคนมองดูกองทัพปีศาจอสูรและรีบหยุดพวกเขาทันที
”หืม?พวกเราเจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ? ท่าทีของฉินเซียนกลายเป็นเย็นชาทันที
”ผู้บัญชาการ…”ตัวตนระดับเทพเจ้ามองหน้ากันพวกเขากัดฟันแน่นก่อนที่จะพูดออกมา
”หืมผู้บัญชาการงั้นรึ?พวกเจ้าควรเรียกข้าว่า’ฝ่าบาท’มากกว่า เข้าใจไหม? ช่วยบอกข้าหน่อยว่าทำไมพวกเจ้าต้องขัดคำสั่งของข้า? ถ้าพวกเจ้าตอบไม่ได้ก็ตายซะ! ฉินเซียนกล่าวด้วยความหงุดหงิด
ใบหน้าของตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามดำทมึนแต่พวกเขาก็พยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นมู่ซิงก็เดินไปข้างๆฉินเซียน
”ถ้าข้าเดาไม่ผิดกลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์จงใจทิ้งคนไว้เฝ้าด้านนอกเพราะปราสาทสีดำมีทางออกเพียงแค่ทางเดียว ถ้าพวกเขาต้องการจะออกมาก็ต้องผ่านทางนี้ พวกเราควรเก็บแรงไว้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ มู่ซิงแนะนำ
เพี๊ยะ!มู่ซิงถูกตบหน้นา
”หึเก็บแรงไว้สำหรับการต่อสู้งั้นหรือ? เจ้าโง่หรือไง? หรือเพราะรับใช้หยุนชิงวูมานานเกินไป? ขุมกำลังของพวกเรานั้นไม่มีใครเทียบได้แล้ว ตัวเลือกที่ดีคือโจมตีต่อไป ฆ่าพวกมันให้หมดเพียงครั้งเดียว! ฉินเซียนดูถูกมู่ซิงหลังจากที่พึ่งตบเขา
”เจ้า…”ลายไฟสีน้ำเงินปรากฎขึ้นบนร่างของมู่ซิงในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก
เขาเองก็เป็นตัวตนระดับเทพเจ้าเช่นกัน
เขาจะทนให้คนอื่นมาตบหน้าได้ยังไง?
”พี่มู่ฉิน…ที่เขาพูดก็ไม่ผิดนัก หนึ่งในตัวตนระดับเทพเจ้ารีบวางมือลงบนไหล่ของมู่ซิงทันที จากนั้นเขาก็หรี่ตามองกองทัพ “อย่างไรก็ตามมีปัญหาอยู่เล็กน้อย…”
”ปัญหาอะไร?”ฉินเซียนเริ่มหมดความอดทน
”พวกเราไม่มั่นใจว่ามีอะไรอยู่ด้านในยิ่งไปกว่านั้นกองทัพมีขนาดใหญ่เกินไป พวกเราควรเลือกแค่ทหารชั้นยอดเข้าไปเท่านั้น”
”หืมม…”ฉินเซียนหรี่ตามองกองทัพขนาดมหึมาและพยักหน้า”ได้ งั้นพวกเจ้าทั้งสามคนนำกองทัพชั้นยอดเข้าไปด้านใน ข้าจะคอยป้องกันอยู่ด้านนอก!”
”เจ้าจะป้องกันอยู่ด้านนอกงั้นรึ?”มู่ซิงดูไม่พอใจเท่าไรนัก
”ฮ่าฮ่า…ดูเหมือนเจ้าคิดจะก่อกบฏกับข้างั้นรึ?ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็ไม่ใส่ใจอะไรมากหรอกนะ ฉินเซียนเหยียดยิ้ม
”เจ้า…”
”พี่มู่รีบจัดทัพเข้าไปด้านในกันเถอะ!”
”หึ!”มู่ซิงไม่พูดอะไรอีก เขาเดินไปยังทางเข้าซากปราสาทสีดำทันที ด้านตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสองคนพวกเขารีบเลือกทหารชั้นยอดจากกองทัพทั้งหมดทันที
เมื่อเลือกเสร็จพวกเขาก็นำทัพเข้าไปด้านในซากปราสาทสีดำ
”หึ!ข้าเป็นผู้บัญชาการกองทัพปีศาจและอสูร ทำไมข้าต้องเป็นคนที่ต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายเองด้วย? ฉินเซียนมองตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามที่เข้าไปในซากปราสาทสีดำด้วยความดูถูก จากนั้นเขาก็หันไปมองกองทัพที่เหลือ “เตรียมชาสิ! ข้าต้องการพักผ่อนเป็นการส่วนตัว!”
”รับทราบ!”ทหารปีศาจตอบรับทันที
ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินออกไปพวกเขาเห็นร่างหนึ่งที่ตั้งแต่หัวจรดเท้าปกคลุมด้วยชุดสีดำเดินเข้ามา
”หยุดอยู่ตรงนั้นเจ้าเป็นใคร?!”
”ฮ่าฮ่า…เจ้าไม่คิดจะแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขกับตัวตนระดับเทพเจ้าเช่นข้าหน่อยรึ?”ร่างนั้นหัวเราะออกมาโดยไม่สนใจสิ่งที่ทหารปีศาจพูด
”ตัวตนระดับเทพเจ้า?!”
”หรือว่า?”
ถ้ามีอสูรหรือปีศาจที่กล้าเรียกตัวเองว่าตัวตนระดับเทพเจ้าอีกก็เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากโจวฉีที่รออยู่ในศาลาเต๋าสวรรค์
เขาเป็นคนมีนิสัยแปลกๆเหมือนฉินเซียน
”โจวฉี?”ฉินเซียนหรี่ตามองด้วยความสงสัย เขามีความเข้าใจในตัวโจวฉีมากกว่าคนอื่นๆ
ฉินเซียนนับได้ว่าเป็นคนแปลกประหลาดส่วนโจวฉีนนั้นนับได้ว่าเป็นคนแปลกประหลาดท่ามกลางหมู่คนแปลกประหลาดอีกที เขาชื่นชอบการเข่นฆ่า
แน่นอนว่าโจวฉีไม่สามารถเทียบพลังกับฉินเซียนได้
ฉินเซียนจึงไม่ได้กังวลอะไรมากนักในฐานะผู้บัญชาการกองทัพอสูรและปีศาจ เขาไม่กลัวโจวฉี
”นายน้อยไปอยู่ที่ไหน?ข้ามีบางอย่างจะบอกนางเกี่ยวกับสามสิบหกแผนที่สู่สวรรค์ แทนที่จะตอบคำถามฉินเซียน เขากลับพูดเรื่องอื่น
”แผนที่สู่สวรรค์?”ฉินเซียนยิ้มอย่างสดใส “ข้าได้ยินว่าเจ้ามีมันอยู่กับตัวสองชิ้น?”
”สาม”ร่างนั้นตอบ
”โอ้?เจ้าได้เพิ่มมาแล้วงั้นรึ? ฮ่าฮ่า…ดีมาก บอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา ข้ามีมันอยู่กับตัวชิ้นหนึ่งเช่นกัน ข้าสามารถมอบมันให้เจ้าได้ แต่เจ้าต้องกินเมล็ดพันธ์ุนี้เข้าไปก่อน ฉินเซียนหยิบเมล็ดพันธุ์สีเขียวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ
……………………………………..