Gate of God – ตอนที่ 1006 เร็ว ช้า เร็ว ช้า

ตอนที่ 1006 เร็ว ช้า เร็ว ช้า

   ถ้าข้าไม่กินล่ะ? ในขณะที่ร่างนั้นพูดเขาก็ไปถึงด้านหน้าของฉินเซียนในทันที

   ฮ่าฮ่าฮ่า… ฉินเซียนหัวเราะแล้วยกมือขวาขึ้น

   โจมตี! 

   โจมตี! 

   … 

  เมื่อฉินเซียนยกมือขวาขึ้นอาวุธของกองทัพอสูรและปีศาจก็ถูกยกขึ้น…พร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่ว

   ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีทางเลือกอื่น? ร่างนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆและในที่สุดก็หันมองฉินเซียน

  อย่างไรก็ตามมันต่างกับก่อนหน้านี้สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เมล็ดพันธ์ในมือของฉินเซียนและดูเหมือนกับเขากำลังคิดบางอย่าง   โจวฉีเจ้าน่าจะคุ้นเคยกับความคิดที่ว่าผู้ที่มีพลังสูงสุดจะเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างดี  ฉินเซียนโบกมือทันทีก่อนที่โจวฉีจะตอบกลับ  รินชาให้กับเทพปีศาจ 

  โฮก!

  ก่อนที่ฉินเซียนจะพูดจบและก่อนที่ทหารปีศาจจะตอบรับคำสั่งร่างที่อยู่ตรงหน้าก็เคลื่อนไหว

  มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างกระทันหัน

  ในขณะที่ร่างนั้นเคลื่อนไหวฉินเซียนก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน

  ในฐานะอสูรและปีศาจที่ออกมาจากประตูเทพเจ้าทั้งโจวฉีและฉินเซียนต่างก็เป็นพวกที่แปลกเหมือนกัน

  ฉินเซียนจึงรู้ถึงความคิดของโจวฉีดีกว่าอสูรหรือปีศาจตนอื่น

  เมื่อความคิดไม่ตรงกันก็ต้องต่อสู้

  สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยโดยเฉพาะกับเทพปีศาจโจวฉีที่อยู่ตรงหน้า

  ฉินเซียนล่าถอยอย่างรวดเร็ว

  เมื่อร่างนั้นพุ่งเข้ามาเขาก็ถอยออกไปห้าก้าวและเถาวัลย์ยักษ์สองเส้นก็ปรากฎขึ้นจากพื้นดิน

  เถาวัลย์ยักษ์สีเขียวที่มีหนามและมีแสงสีฟ้าส่องประกายที่ปลายหนาม

  เห็นได้ชัดว่าพวกมันเต็มไปด้วยหนามที่มีพิษ!

   โจวฉีเจ้ากล้าโจมตีใส่ข้า เจ้ายังเด็กเกินไป… ฉินเซียนหยุดพูดกระทันหันเพราะดวงตาที่เปื้อนเลือดตรงหน้าเขา

  มันใกล้มากจนใบหน้าเกือบสัมผัสกันนอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ของวิชาสังเวยเลือดในดวงตาคู่นั้น

  สัญลักษณ์ทั้งแปดที่ต่างกันส่องสว่างอยู่ภายในดวงตาของเขา

  นอกจากนี้ยังมีแรงดึงดูดที่น่าหวาดกลัวจากดวงตาคู่นั้นอีกด้วย  มันให้ความรู้สึกราวกับฉินเซียนกำลังถูกล่ามโซ่และตรึงเอาไว้

   ผู้ที่มีพลังมากที่สุดจะได้ควบคุมทุกอย่าง! เสียงพูดที่เย็นชาดังขึ้นก่อนที่หมอกสีเทาจะปกคลุมโดยรอบฉินเซียนรวมไปถึงเถาวัลย์ยักษ์ของเขา

  ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่การโจมตีการล่าถอยของฉินเซียนรวมไปถึงการปรากฎขึ้นของหมอกสีเทา

  มันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

  ไม่มีใครในกองทัพอสูรและปีศาจสามารถตอบสนองได้ทัน

   ไม่! 

   ท่านเทพปีศาจกำลังก่อกบฎ! 

   จะ…จัดการเขา! 

  ตามปกติแล้วกองทัพอสูรและปีศาจจะไม่เข้าไปแทรกระหว่างการต่อสู้ของตัวตนระดับเทพเจ้าอย่างไรก็ตามคราวนี้มันต่างกัน

  เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของหยุนชิงวู!   ดังนั้นพวกเขาจะเฝ้ามองอยู่เฉยๆได้อย่างไร?

  แม้จะรู้ว่าอันตรายแต่กองทัพอสูรและปีศาจก็พุ่งเข้าไปในหมอกสีเทาอย่างไม่ลังเล

  อย่างไรก็ตามพวกเขาหยุดทันทีหลังจากก้าวเข้าไป

  นั่นเพราะ…

  พวกเขาตายแล้ว

  ร่างของอสูรและปีศาจล้มลงกับพื้นเช่นเดียวกับต้นไม้ใบไม้ที่กลายเป็นเหี่ยวเฉาเนื้อหนังทั้งหมดถูกกลืนกิน

  มันเป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัว

  ในเวลาเดียวกันแสงสีแดงเลือดก็ส่องประกายขึ้นภายในหมอกสีเทาราวกับดวงจันทร์สีเลือดในโลกแห่งความตาย

   ไม่!! เสียงของฉินเซียนดังขึ้นภายในหมอกสีเทาเพราะเขาไม่เคยประมาทคู่ต่อสู้เขาเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

  อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าโจวฉีจะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดราวกับกลายเป็นคนอื่นภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน

  กลืนกินความตาย!

  นี่คือพลังของโจวฉีพลังอันน่ากลัวที่ทำให้เขากลืนกินพลังอื่นๆเพื่อเสริมพลัง

  ฉินเซียนรู้ว่าโจวฉีมีพลังนี้

  อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าโจวฉีจะมีพลังสังเวยเลือดที่แข็งแกร่งจนสามารถแปรเปลี่ยนพลังประเภทอื่นได้

  กลืนกินความตายวิชาสังเวยเลือด…

  เมื่อพลังที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสองรวมอยู่ในตัวคนคนหนึ่งไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าคนคนนั้นจะทรงพลังขนาดไหน

   เมล็ดพันธุ์?เติบโตตามธรรมชาติ …ไม่เลว ข้าขอรับมันไปแล้วกัน! เสียงที่เย็นชาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือที่กดลงบนหัวของฉินเซียน

  ฉินเซียนตกตะลึงในทันที

  เขาคุกเข่าลงต่อหน้าร่างนั้นและดวงตาของเขาราวกับตายไปแล้วมือทั้งสองข้างผสานไว้ที่หน้าอกราวกับกำลังสวดภาวนาบางอย่าง

  มันเป็นฉากที่แปลก

  สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือฉินเซียนที่เงยหน้ามองข้างบน

  ร่างที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้อยู่ในสายตาของเขากลับกันมันคือต้นไม้ยักษ์ที่สูงเฉียดฟ้าและมีสีขาวโพลนราวกับหิมะ มีผลไม้สีเขียวงอกอยู่บนต้นไม้นั้น

  แครก!

  รอยแตกปรากฎขึ้นบนหน้าผากของฉินเซียนมันค่อยๆแตกร้าวไปจนถึงริมฝีปากรอยแผลบนหน้าผากของเขาเป็นสีเขียว

  ครืน!คลื่นอากาศพวยพุ่งออกมาจากร่างฉินเซียน อย่างไรก็ตามมันถูกกั้นขวางโดยหมอกสีเทา

  หลังจากนั้นคลื่นอากาศก็ย้อนกลับเข้าไปในร่างของเขาเพราะมันเป็นที่เดียวที่สามารถไปได้

  หลังจากผ่านไปนานในที่สุดเสียงการเคลื่อนที่ของลมได้หยุดลง

  ฉินเซียนล้มอยู่บนพื้นอย่างไรก็ตามร่างกายของเขาราวกับไร้เลือดเนื้อ รอยแตกปรากฎขึ้นบนร่างของเขา

  จากนั้นเมื่อสายลมพัดมากระทบร่างของเขาพลันกลายเป็นเศษฝุ่นทันที

  ร่างนั้นถอนมือออกด้วยความโล่งใจ

  แสงสว่างสีแดงค่อยๆจางลง

  หมอกสีเทาถูกดูดกลับไปที่ร่างนั้น

  มันเป็นฉากที่แปลก

  สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือสัญลักษณ์วิชาสังเวยเลือดหายไปจากดวงตาคู่นั้นแล้วเหลือเพียงต้นไม้ยักษ์ที่สูงตระหง่าน

  อย่างไรกตามหลังจากผ่านไปไม่นานต้นไม้ยักษ์ก็หายไปและดวงตาคู่นั้นกลับเป็นสีดำเช่นเดิม  มันสงบนิ่งราวกับแม่น้ำที่ไม่ถูกรบกวน

   พวกเจ้าทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องที่ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้ควบคุมทุกอย่าง! ร่างนั้นค่อยๆหันมองกองทัพอสูรและปีศาจที่กำลังตกตะลึงเมื่อเห็นร่างที่ล้มอยู่กับพื้น

   … 

   … 

   เขาตายแล้วหรือ?! 

  กองทัพอสูรและปีศาจกลืนน้ำลายในขณะที่จ้องมองด้วยความหวากลัวและตกตะลึง

   ข้ากำลังถามพวกเจ้าได้ยินกันหรือไม่? ร่างนั้นพูดอีกครั้ง

   … 

   ดะ..ได้ยิน! ไม่กี่คนในกลุ่มพวกเขาตอบกลับไปในที่สุด

   ฮึ่มฉินเซียนไม่สนใจความปลอดภัยของนายน้อยและข้าได้ฆ่าเขาแล้ว จากนี้ไปข้าจะเป็นผู้นำพวกเจ้าทุกคนในการต่อสู้กับมนุษย์  มันสงบนิ่งราวกับแม่น้ำที่ไม่ถูกรบกวน

   พวกเจ้าทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องที่ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้ควบคุมทุกอย่าง! ร่างนั้นค่อยๆหันมองกองทัพอสูรและปีศาจที่กำลังตกตะลึงเมื่อเห็นร่างที่ล้มอยู่กับพื้น

   … 

   … 

   เขาตายแล้วหรือ?! 

  กองทัพอสูรและปีศาจกลืนน้ำลายในขณะที่จ้องมองด้วยความหวากลัวและตกตะลึง

   ข้ากำลังถามพวกเจ้าได้ยินกันหรือไม่? ร่างนั้นพูดอีกครั้ง

   … 

   ดะ..ได้ยิน! ไม่กี่คนในกลุ่มพวกเขาตอบกลับไปในที่สุด

   ฮึ่มฉินเซียนไม่สนใจความปลอดภัยของนายน้อยและข้าได้ฆ่าเขาแล้ว จากนี้ไปข้าจะเป็นผู้นำพวกเจ้าทุกคนในการต่อสู้กับมนุษย์และพยายามเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตนายน้อย …เข้าใจไหม? ร่างนั้นพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

  กองทัพอสูรและปีศาจมองหน้ากันในขณะที่ฟังเรื่องนี้

   ไม่สนใจความปลอดภัยของนายน้อย… 

   ฆ่าฉินเซียน! 

   พยายามเต็มที่เพื่อช่วยนายน้อย! 

  โจวฉี!

   โจวฉีโจวฉี! 

   … 

  กองทัพอสูรและปีศาจคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล

  เสียงคำรามดังก้องท้องฟ้าเมื่อเทียบกับการอยู่ภายใต้บัญชาของฉินเซียนแล้ว ขวัญกำลังใจของกองทัพเพิ่มขึ้นอย่างมากและบางคนก็มีแววตาที่จริงจังมากขึ้นเมื่อเทียบกับการอยู่ภายใต้ยบัญชาของหยุนชิงวู  …

  ซากปราสาทสีดำ

  ฟางเจิ้งจือรู้อยู่ก่อนแล้วดังนั้นเมื่อเขาเข้าไปข้างใน จึงคิดเพียงว่ากำลังเดินผ่านซากปรักหักพัง

  อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงเขากำลังเดินผ่านเส้นทางแคบๆในขณะที่มือข้างหนึ่งแบกหยุนชิงวูและอีกข้างคือปิงหยาง

  ที่ว่าเส้นทางแคบๆเพราะมันแคบมากจริงๆ!

  อย่างน้อยทางเดินนี้ก็ไม่กว้างพอสำหรับสามคนเดินพร้อมกันยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ก็มีไม่มากเช่นกัน

  เพดานอยู่ต่ำมาก

  เขาต้องก้มหัวลงในขณะที่เดินเพราะมันเตี้ยเกินไป

  ฟางเจิ้งจือต้องก้มหัวลงและเพื่อป้องกันไม่ให้หยุนชิงวูตุกติกจึงอุ้มนางไว้ใกล้น่าอกของเขา  เขาแปลกใจที่หยุนชิงวูไม่ดิ้นแม้แต่น้อยทั้งยังขดร่างกายอย่างเต็มใจ

  อย่างไรก็ตามมือข้างหนึ่งของนางแตะที่หน้าอกของฟางเจิ้งจือ

  ฟางเจิ้งจือไม่ได้สนใจการกระทำเล็กๆน้อยๆเพราะมันเป็นสัญชาตญาณเพื่อไม่ให้ร่างกายสัมผัสกัน

  ฟางเจิ้งจือไม่ใช่คนฉวยโอกาส

  หากเขาคิดจะทำมันต้องทำให้เขาได้ประโยชน์มากกว่านี้ไม่งั้นเขาจะไม่ทำเพราะมันไม่มีอะไรน่าสนใจแม้แต่น้อย

   เจ้า…เดินช้าลงหน่อย! เสียงของปิงหยางดังขึ้นเมื่อถูกดึงโดยฟางเจิ้งจือ นางไม่สามารถมองเห็นสิ่งตรงหน้าได้และทำได้เพียงเดินตามเท่านั้น นางจึงชนบางสิ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้

  เช่นกระแทกเพดานหรือเศษหินตามพื้น

   เอาล่ะเราจะเดินช้าลง ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและชะลอความเร็วลง  จากนั้นก็รู้สึกว่ามีคนชนเขาที่ด้านหลัง

   ไม่ใช่ช้าขนาดนี้?! 

   เอาล่ะเราจะเพิ่มความเร็ว… 

   ช้าลงหน่อย! 

  พลุบ!

   เร็วกว่านี้! 

   ช้าลงอีก! 

   … 

  หลังจากเสียงกรีดร้อง เร็วขึ้น  และ  ช้าลง  นับไม่ถ้วนในที่สุดฟางเจิ้งจือก็เดินพ้นทางแคบที่แสนยาวนานและวิสัยทัศน์ของเขาก็เริ่มกว้างขึ้นอีกครั้ง

  แม้มันจะกว้างขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

  ซากปราสาทสีดำไม่ได้มีความสว่างมากนักและฟางเจิ้งจือรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

   อื้อ..เจ้าไร้ยาง ..ผู้อาวุโสเมิ่งเทียน …ทะ ..ท่าน ..เหนื่อยบ้างไหม… เสียงของปิงหยางดังขึ้น   เหนื่อยรึ? ฟางเจิ้งจือตะหนัก

  ถ้าไม่ใช่เพราะปิงหยางเตือนเขาก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยอย่างไรก็ตามเพราะคำพูดของปิงหยางทำให้เขาคิดได้ทันที

  มันเป็นความรู้สึกที่เหนื่อยล้า!

  ความรู้สึกเหนื่อยล้าแปลกๆ

  แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะการใช้แรงไปกับการเดินผ่านทางแคบๆก่อนหน้านี้

  ความจริงแล้วเป็นเพราะเขารู้สึกถึงความหนักอึ้งในแต่ละฝีเท้าที่ก้าวเดิน

  แรงโน้มถ่วง?

  ฟางเจิ้งจือปฏิเสธเรื่องนี้อย่างรวดเร็วเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะรู้สึกได้ทันทีหลังจากก้าวเข้ามาที่นี่

  มีบางอย่างผิดปกติ!

  ฟางเจิ้งจือสับสนแต่เขาไม่ได้คิดมากเพราะมีแสงสลัวๆส่องประกายมาจากด้านหน้า

  แสง?   มันคือความแปลกประหลาดเมื่อเขาอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

  ฟางเจิ้งจือไม่แปลกใจนักแต่เมื่อเห็นแสงสว่างเขาก็รู้ว่าได้มาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางที่ทั้งแคบและยาวนานนั้นแล้ว

   ปิง..เอ้ย แค่กๆ…ตอนนี้เส้นทางกว้างขึ้นแล้ว มาเดินข้างๆข้าแล้วเราจะรีบไปกัน! ฟางเจิ้งจือกำลังจะเรียกชื่อปิงหยางตามสัญชาตญาณแต่ก็รู้สึกตัวได้ทัน

   อืมได้เลย! ปิงหยางพยักหน้าและเดินไปด้านข้างหน้าฟางเจิ้งจือ นางตื่นเต้นเมื่อเห็นแสงสว่างด้านหน้า  แสง มีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า ต้องเป็นทางออกแน่ๆ! 

  เห็นได้ชัดว่าปิงหยางลืมเรื่องความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ไปแล้ว

   เยี่ยมมากไปกันเถอะ! ฟางเจิ้งจือเอ่ยชมและเริ่มวิ่ง

  เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที..

  แสงสว่างได้หายวับไป  ฉากที่ไม่สามารถลืมได้ปรากฎขึ้นตรงหน้าของพวกเขามันเป็นฉากที่ไม่สมควรมีอยู่จริงบนโลก

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

GoG, 神门
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Gate of Godเรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset