ตอนที่ 247 ฉาง เจีย
ฉือ กูเหยียน นางฉลาดเหมือนเคย นางรู้ดีว่า ซิง หยวนกัว ต้องการจะบอกอะไร อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาอ้างนามขององค์จักรพรรดิ นั่นหมายความว่า ซิง หยวนกัว ได้ตัดสินใจแล้ว
ปิง หยาง รู้ดีว่า ซิง หยวนกัว ต้องการให้นาง ไปหลบซ่อนตัว ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ดี นางชอบรังแกคนอื่น แต่ไม่ชอบถูกรังแก
ดังนั้น …
หากนางไปกับ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่ต้องต่อสู้
“ฆ่า!” เหล่าทหารร้องตะโกนพร้อมยกอาวุธขึ้นสูงด้วยกำลังใจที่เอ่อล้น
“เจ้าจะเอาชนะด้วยจำนวนงั้นรึ?” ไป่ ซิง มองไปที่ทหารนับพันก่อนที่จะเหลือบมองไปทางพรรคพวกทั้ง 9 คน แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงความเยาะเย้ย
ต้องพบกับความอัปยศเพราะเด็กอายุแค่ 15 ปี มันทำให้เขาโกรธอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเจอกับศัตรูที่ทรงพลัง เขาเองก็ไม่สามารถคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ทหารก็มีกำลังใจอย่างเอ่อล้น เขาต้องหาวิธีระงับอารมณ์ไว้ให้ได้เสียก่อน
“ทั้งช่วงเวลาและสถานที่ต่างเป็นใจให้กับเจ้า สิ่งเดียวที่ข้ามีคือคน “ ซิง หยวนกัว ตอบอย่างเย็นชา
“คน? ฮ่าฮ่า … ช่างน่าขัน ข้าไม่กล้าพูดว่าจะชนะคนอื่นหรอกนะถ้าเป็นคนของเจ้าข้ามั่นใจมาก!” ไป่ ซิง หัวเราะเบา ๆ
ท่าทีของ ซิง หยวนกัว มืดมนลงไปอีก เขาเคยต่อสู้ ไป่ ซิง หลายครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขารู้ดีว่ามันรับมือยากแค่ไหน ไป่ ซิง ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
หรือจะมีการซุ่มโจมตี?
ขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ เสียงเพลงก็ดังออกมาจากประตูหิน ให้ความรู้สึกเหมือนกับฝนตกกลางทะเลทราย ช่วยให้ผ่อนคลายอย่างมาก
เมื่อ ซิง หยวนกัว ได้ยินท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“หรือจริงๆแล้วพวกเจ้าทั้งหมด … “ แม้การสู้รบจะลำบากแค่ไหน ซิง หยวนกัว ก็จะยังคงใจเย็น
แสดงว่าตอนแรกพวกปีศาจวางแผนโจมตีหน่วยเกราะมังกรและใช้พวกเขาเป็นคนส่งข่าวเพื่อหลอกล่อพวกเขาออกมา
เขารู้ว่าทำไมปีศาจจึงเลือกภูเขาคังหลิง เพราะพวกปีศาจจะสามารถติดตั้งกับดักบนภูเขาลูกนี้ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ซิง เฮา ให้การต้อนรับกับสหายปีศาจของข้า’ฉาง เจีย’ หน่อย ” ไป่ ซิง ชี้ไปทางประตูหินขณะพูด
ซิง หยวนกัว ไม่สน ไป่ ซิง
สายตาของเขาจ้องแต่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ชายคนนั้นถูกปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยหวายสีเขียว เขามีเคราหนาและไม่สวมชุดเกราะ มีขลุ่ยสีเขียวอยู่ในมือ
ดูเหมือนพวกคนป่า
อย่างไรก็ตาม ซิง หยวนกัว ยังคงเยือกเย็นด้วยความไม่ประมาท
ชายคนนั้นดูเหมือนจะมองมาที่ ซิง หยวนกัว เช่นกัน แต่เป็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
ทหารทั้งหมดไม่อยากเชื่อเมื่อได้เห็นชายคนนั้น
“นะ … นามสกุลฉาง!”
“ฉาง เจีย!”
“มีแค่คนจากพื้นที่นั้นเท่านั้นถึงสวมชุดหวายแบบนั้นได้…แต่ทำไมเขาถึงนามสกุล ฉาน?! “
ทหารหลายพันคนต่างไม่เชื่อเมื่อพวกเขาตระหนักถึงตัวตนของชายคนนั้น สิ่งที่เห็นตรงหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างรวดเร็ว
“นับตั้งแต่อาณาจักรเซี่ยก่อตั้งมา พวกเราได้ให้การปกป้องคุ้มกันภูเขาทางใต้ ในฐานะคนตระกูลฉาง เจ้าควรจะรู้ดีกว่าคนอื่น! ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นพันธมิตรกับพวกปีศาจ?! “ เสียงของ ซิง หยวนกัว สั่นเล็กน้อย
ฉาง เจีย เงียบ อย่างไรก็ตามเมื่อ ซิง หยวนกัว กล่าวว่า “ในฐานะคนตระกูลฉาง” เหมือนในดวงตาของเขาเผยความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย
“ฉาง เจีย เจ้าทำอะไรอยู่ รู้ตัวหรือไม่?เจ้ารู้ความหมายของการเป็นคนของดินแดนภูเขาทางใต้หรือไม่? “ ซิง หยวนกัว ยังคงพูดต่อ
ฉาง เจีย ไม่ได้พูดอะไรออกมา ราวกับเขาไม่ได้ยินที่ ซิง หยวนกัว พูด
“เข้ามาสิ ฉาง เจีย เจ้าใช้เวลาไปกว่า 20 ปี ในภูเขาแห่งนี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้าควรแสดงความสามารถออกมาแล้ว!” ไป่ ซิง เหลือบมองไปที่ ฉาง เจีย
ฉาง เจีย พยักหน้า แต่ยังคงนิ่งเงียบ
เขาไม่ได้ยกย่องใครเหมือนพรรคพวกทั้ง 9 ของ ไป่ ซิง เขาเพียงแค่พยักหน้า และเริ่มเป่าขลุ่ยทันใดนั้นเสียงอันไพเราะก็ดังก้องไปทั่ว
แต่คราวนี้เสียงนั้นคมชัดมาก เหมือนกับว่าธรรมชาติได้ถูกสะกดจิตอย่างรุนแรง
“ตูม!”
มีเสียงดังออกมาจากประตูหิน
“โฮก!”
เสียงคำรามของสัตว์ร้าย ดังสะท้อนไปทั่วโถงบัลลังก์
ที่ประตูหิน สัตว์ร้ายที่มีขนเหมือนเหล็กสีฟ้าคราม มีกรงเล็บสีดำที่แหลมคม ยิ่งไปกว่านั้น ขนอานสีแดงสดยาวตั้งแต่หัวจรดปลายหาง
“หมาป่าเพลิงฟ้า!”
“ไม่ มันคือราชาหมาป่าเพลิงฟ้า!”
ก่อนที่ทหารจะทันทำอะไร…
ภายในไม่กี่นาทีหมาป่าเพลิงฟ้านับพันตัวก็เข้ามาในโถงบัลลังก์
นอกเหนือจากหมาป่าเพลิงฟ้า ก็มีสัตว์ร้ายอื่น ๆ อีกมาก ทั้งวานรกรามเหล็ก, แรดเผือกสามเขา และสิงโตเขี้ยวอัศนีย์ …
พวกมันกรูกันเข้ามาด้านใน
ยังไงก็ตาม พวกมันกลับเชื่อฟัง ราวกับได้รับการฝึกมา มีหมาป่าเพลิงฟ้ากว่า 1000 ตัว แรดเผือกสามเขาอีกกว่า 500 ตัวได้ วานรกรามเหล็กขี่ม้าทั้งฝูง และสิงโตเขี้ยวอัสนีคอยเฝ้าระวังด้านหลัง
ซิง หยวนกัว เริ่มขมวดคิ้ว
ตั้งแต่ ฉาง เจียง เดินพ้นประตูออกมา เขาก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ยังไงก็ตามเขาไม่คิดว่า ฉาง เจียง จะฝึกพวกมันได้ขนาดนี้
พวกมันเป็นสัตว์ร้ายต่างเผ่าพันธ์ุ
ที่สำคัญพวกมันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ทั้งหมด!
พวกมันให้ความสำคัญกับการร่วมมือมากกว่าสิ่งอื่นใดในโลก
ยังไงก็ตามมันจะร่วมมือกับเผ่าของตัวเองเท่านั้น แต่ ฉาง เจีย ทำให้พวกมันร่วมมือกันได้ เขาถึงกับพูดไม่ออก
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นสำนักอันดับต้นๆของดินแดนภูเขาทางใต้!” ซิง หยวนกัว ตวัดดาบ 2 ครั้ง
ดาบของเขามีสีดำบริสุทธิ์และดูเก่าแก่ ใบมีดอันคมกริบกับอักขระที่ถูกตีตราลงบนผิว เริ่มส่องแสงประกาย
“ฆ่า! เพื่อความภาคภูมิใจของพวกเรา! “
“ฆ่า!”
ทั้งกองทัพนำโดย ซิง หยวนกัว ไม่มีใครก้าวหนี ต่างเข้าเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย
พวกเขาเป็นทหารยอดเยี่ยมแห่งอาณาจักรเซี่ย
“เพื่อความภาคภูมิใจและเกียรติยศ!”
…
ที่ด้านหลัง ปิง หยาง เกาะแขนของ ฉือ กูเหยียน เอาไว้แน่นนางรู้สึกไม่ค่อยดีขณะที่มองดูกองทัพเข้าปะทะกับสัตว์ร้าย
“ฟาง เจิ้งจือ เจ้าบอกว่าพบ ศิลาเซียน แล้ว มันอยู่ที่ไหนกัน?” ปิง หยาง โกรธ
นางไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เข้ามาในโถงบัลลังก์ นางรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำไปเพื่อหาข้ออ้างลากทั้งสองคนออกไป นางไม่มีเหตุผลที่จะโกรธเขา
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่แม้แต่จะได้ยินในสิ่งที่ ปิง หยาง พูด สายตาของเขาเอาแต่จ้องไปที่ หมาป่าเพลิงฟ้า
“ถูกใช้งานมา 20 ปี?!”
“20 ปีมาแล้ว … “
เมื่อ 8 ปีก่อน ตอนเขาอายุได้ 7 ขวบ เขาได้ฆ่าหมาป่าเพลิงฟ้าบนภูเขาคังหลิง มันเป็นหมาป่าที่โดดเดี่ยว แต่ตัวมันใหญ่กว่าที่เขาเห็นในตอนนี้
ตอนที่มันกำลังจะตายมันเหลือบมองเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาคังหลิง ดวงตาของมันดูเหมือนโล่งใจ แต่ก็ไม่เต็มใจ
มันใช้ชีวิตตลอด 3-4 ปีที่ตีนเขาคังหลิง
ไม่มีใครรู้ว่าทำไม หมาป่าเพลิงฟ้าตัวนั้นถึงอยู่อย่างโดดเดี่ยว บนภูเขา แม้จะเหงามันไม่เคยก้าวเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาคังหลิงเลย มันกลับเลือกที่จะวนเวียนอยู่ที่ตีนเขา
12 ปี…
ฟาง เจิ้งจือ กำหมัดแน่น
หมาป่าเพลิงฟ้าตัวนั้นคือราชาของหมาป่านับพันเหล่านี้ มันคือราชา!
จนถึงตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ยังคงจำใบหน้าของมันตอนที่กำลังจะตายได้ดี ทั้งเหงาและโดดเดี่ยว
“บรู๋วววว…!”
ฟาง เจิ้งจือ ทำเสียงเหมือนที่เคยได้ยินตอนนั้น
เสียงร้องของหมาป่าที่โดดเดี่ยวกึกก้องดังไปทั่วโถงบัลลงก์
มันขัดจังหวะเพลงขลุ่ยสะกดจิต
หมาป่าเพลิงฟ้าทั้งหมดต่างหยุดเคลื่อนไหวในทันที ดวงตากว่า 1000 คู่ จ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความไม่เชื่อ
นี่คือจิตสำนึกของสัตว์ร้าย
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่า สัตว์พวกนี้ฉลาดแค่ไหน เขามีความชำนาญในการเลียนเสียงของพวกมัน
เขาก็ตะโกนอีกครั้ง “บรู๋วววว!”
ในตอนนั้นหมาป่าเพลิงฟ้านับพันตัวเริ่มเคลื่อนไหว
ไม่ใช่แค่หมาป่าเพลิงฟ้าแม้แต่สัตว์ตัวอื่น ๆ ก็มองไปยังเด็กหนุ่มอายุ 15 ปี
“12 ปีก่อนเขาขับไล่ราชาของพวกเจ้าออกจากภูเขาคังหลิง!”
“ตอนนั้นเขาสัญญาว่าจะให้อิสระกับราชาผู้นั้น เขาสัญญาว่าจะปล่อยราชาของพวกเจ้าไป!”
“แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่!”
“เขาฆ่าราชาของพวกเจ้าและทอดทิ้งศพเอาไว้บนภูเขาคังหลิง เขาถลกหนังราชาของพวกเจ้าออกมา! “
ฟาง เจิ้งจือ ยืนอยู่ที่เดิมของเขา และเริ่มเล่าเรื่องราว การกระทำของเขาอาจดูตลกไปเสียหน่อย
แต่สัตว์ทุกตัวกลับอยู่จดจ้องอยู่กับท่าทางอันตลกของเขา
“เจ้าขยะ! ข้า, ฉาง เจีย, สืบเชื้อสายมาจากตระกูลชั้นนำของภูเขาทางใต้ ข้ากินมังสวิรัติทั้งชีวิต ข้าไม่เคยสวมเสื้อขนสัตว์เลย ข้าดื่มน้ำแค่ในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น! ข้าเป็นเพื่อนกับต้นไม้และเป็นสหายของเหล่าสัตว์! เจ้ากล้ากล่าวหาข้าได้ยังไง? “ ท่าทีของ ฉาง เจีย เปลี่ยนไป เมื่อได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ
ในฐานะคนตระกูลชั้นนำของภูเขาทางใต้ เขามีวิธีการฝึกฝนอยู่ พวกเขาเชื่อในเต๋าแห่งการสรรค์สร้าง อย่างไรก็ตามพวกเขาเน้นการใช้ร่างกายเพื่อเชื่อมต่อกับธรรมชาติ
พวกเขาอาศัยอยู่ในป่า หลีกหนีจากเมือง เหมือนกันกับตระกูลฉาง พวกเขาเคารพธรรมชาติ
พวกเขาเป็นเพื่อนกับเหล่าสัตว์ร้าย พวกเขาใช้พลังของสัตว์เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน ในทางกลับกันพวกเขาไม่เคยกินเนื้อสัตว์หรือสวมหนังของพวกมันเลย!
ฉาง เจีย โกรธมาก ฟาง เจิ้งจือ ดูหมิ่นเขา
ราวกับพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่าแอบมีหญิงสาว
ตอนที่ ซิง หยวนกัว พูดด้วยและขู่เรื่องของทางใต้ ฉาง เจีย กลับไม่ตอบ
แต่กลับกัน ฟาง เจิ้งจือ แค่พูดเรื่อไร้สาระเพียงนิดเดียว ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างสิ้นเชิง
สิ่งนี้ทำให้ทหารหลาย 1000 คนตะลึง
แม้แต่สหายทั้ง 9 ตนของ ไป่ ซิง เองก็ตะลึงหลังจากรู้จัก ฉาง เจีย มาหลายปี พวกเขารู้ว่า ฉาง เจีย เป็นคนพูดน้อยมาก
การตอบรับของเขามีเพียงแค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าเท่านั้น
แต่ตอนนี้ …
คนเก็บตัวคนนี้กำลังพูดไม่หยุด?!
ฉือ