ตอนที่ 252 สวรรค์กำลังเฝ้าดู
“ข้ากำลังจะทำลายซิลาเซียน?” ฟาง เจิ้งจือ ตอบเรียบๆ
“ล…แล้วเจ้าจะถอดชุดทำไม?” ปิง หยาง มองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่ถอดเสื้อทิ้งไว้ที่พื้น ใบหน้าของนางพลันขึ้นสี
“เจ้าไม่ต้องถอชุดงั้นเราะเวลาอาบน้ำ?” ฟาง เจิ้งจือ เมิน ปิง หยาง และยังคงถอดชุดต่อไป
ตอนนี้เขาสวมเพียงชั้นในสีดำเท่านั้น
“อ… อาบน้ำ!” ปิง หยาง สติแตกอย่างสมบูรณ์ แต่ก่อนที่นางจะว่าอะไร ฟาง เจิ้งจือ นางก็เห็นกระจกป้องกันใจที่ถูกเหน็บไว้ที่หน้าอก ฟาง เจิ้งจือ
มันส่องแสงออกมาจางๆ
“กระจกป้องกันใจอันนี้ทำไมดูคุ้นๆ … ทำไมมันดูคล้ายกับกระจกกันน้ำของหี่เหยียนเลย ? หรือมันอาจจะเป็น…”
ปิง ยหยาง คิดอะไรบางอย่าง แต่ก็เอามันออกจากหัวอย่างรวดเร็ว กระจกกันน้ำเป็น 1 ใน 7 สมับิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ ทำไมมันถึงจะมาอยู่ในมือของเจ้าโรคจิตนี้ได้
“ตูม!”
ก่อนที่ ปิง หยาง จะนึกอะไรอีก ฟาง เจิ้งจือ ก็กระโดดลงไปในทะเลสาบ เขาว่ายไปมาราวกับปลาตัวหนึ่ง
เหวิน เต๋าเปา เบิกตากว้าง ด้วยความตกใจ “ฑูตแห่งดาบ ท่านช่างเป็นผู้กล้าหาญจริงๆ ท่านกล้าอาบน้ำในศิลาเซียนต่อหน้าองค์หญิง ปิง หยาง?ไม่มีใครในโลกกล้าหาญมากกว่าไปกว่าท่านอีกแล้ว! “
ฟาง เจิ้งจือ พบว่าน้ำในทะเลสาบมีอุณภูมิที่พอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
บรรยากาศค่อนข้างสงบและเป็นใจ
เขาตะโกนเรียก เหวิน เต๋าเปา ให้ลงมาเล่นน้ำกับเขา
เมื่อ เหวิน เต๋าเปา ได้ยิน เขาหน้าซีดทันที การแก้ผ้าออกต่อหน้า ปิง หยาง เป็นสิ่งที่เขานึกไม่ออกแม้แต่น้อย นอกจากนี้เขาไม่ได้มีหน้าที่ทำลายศิลาเซียน
เขาจึงปฏิเสธที่จะลงไปในทะเลสาบ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางเลือก จงชวน ปิง หยาง แทน
“อี๋! โรคจิต!” ปิง หยาง เลิกมอง ฟาง เจิ้งจือ และวิ่งเข้าไปดูวิวอันน่าสนใจใจป่าแทน
หลังจากถูกปฏิเสธโดยทั้งสองคน ฟาง เจิ้งจือ ก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาเท่านั้นน้ำที่ใสสะอาดช่างสบายเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะสนุกไปกับมันอย่างไรดี
“ข้าล้างพวกคราบสกปรกออกหน่อยดีกว่า!” หลังจากว่ายน้ำรอบ ๆ อย่างมีความสุข เขาก็เริ่มขัดถูหลังของเขาพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย
มันเป็นเพลงเดียวกับที่เขาร้องตอนเจอกับ ฉือ กูเหยียน ในป่า
เสียงของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ
ดังไปทั่วศิลาเซียน
ปิง หยาง พึมพัมกับตัวเอง “โรคจิต โรคจิต โรคจิต … “
ดงตาของ เหวิน เต๋าเปา ด้วยตาเป็นประกาย เขาอยากจะคุกเข่าก้มหัวให้ ฟาง เจิ้งจือ เขาเคยคิดว่าตัวเองนั้นเป็นพวกชอบแหกกฎ แต่เมื่อเจอกับ ฟาง เจิ้งจือ เขาได้รู้ว่าเขายังอ่อนด้อยกว่า ฟาง เจิ้งจือ นัก
ชายหนุ่มคนนี้ช่างไร้ยางอายอย่างสิ้นเชิง
มีคนเคยพูดว่า พวกไร้ยางอายจะถูกลงโทษโดยสวรรค์!
ฟาง เจิ้งจือ ฮัมเพลงอย่างมีความสุก ขณะว่ายน้ำไปมาในทะเลสาบ มันทำให้เกิดระลอกคลื่นในทะเลสาบที่นิ่งสงบ…
แต่เขาลืม …
เขาลืมไปว่าที่นี่คือศิลาเซียน มันเป็นตัวแทนของเต๋าสวรรค์ที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ สวรรค์จะอยู่ใกล้มนุษย์มากที่สุดที่นี่
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยเชื่อสิ่งเหล่านี้
เขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าหรือภูติผี อย่างไรก็ตามในวันนี้ … ในตอนนี้! เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ
เขารู้สึกว่าน้ำรอบๆเริ่มแปลกไป
มันไม่ใช่เพราะเขา มันเกิดขึ้นเอง ไม่ช้าคลื่นเล็กๆบนผิวน้ำ ก็กลายเป็นน้ำวนอันน่ากลัว
มันค่อยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเข้ามาใกล้ ฟาง เจิ้งจือ
“ตูมมม!”
ฟาง เจิ้งจือตกใจ เขาไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้
เขาไม่เคยคิดว่าศิลาเซียนที่นิ่งสงบ จะกลายเป็นบ้าคลังในชั่วพริบตาราวกับมันจะเอาชีวิตเขา!
ฟ้าผ่า!
โดยปกติฟ้าผ่าเป็นเพียงการปล่อยสายฟ้าอย่างไร้ทิศทาง แต่ครั้งนี้ สายฟ้าสีดำกลับเหมือนรอยแตกที่พุ่งตรงใส่หัว ฟาง เจิ้งจือ
“อะไรอีกวะ เชี่ยเอ้ย?!”
ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาได้แค่นี้ ก่อนจะถูกพลังอันยิ่งใหญ่ดูดไป
“หรือข้าจะไขปริศนาศิลาเซียนได้?”
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย แต่ถ้าเขามองในแง่ร้ายตอนนี้ การที่เขาถูกดึงไปในพื้นที่อื่นมีความหมายเดียวคือ…ความตาย
ทางเลือกเดียวของเขาก็คือการมองโลกในแง่ดี
“ข้าจะได้เป็นเซียนแล้ว!”
…
เหวิน เต๋าเปา ที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบเห็น ฟาง เจิ้งจือ ถูกรอยแตกสีดำดูดเข้าไปอย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เคลื่อนไหว
อย่างแรกเขาอยู่ไกลเกินไป
อย่างที่สอง เขาไม่อยากตาย
“ฑูตแห่งดาบ ข้าจะจดจำความดีของท่าน!” เหวิน เต๋าเปา คุกเข่ากับพื้น น้ำตาไหลรินออกมาจาดวงตา
ปิง หยาง ที่กำลังเพลิดเพลินกับการพึมพัมของตัวเองนั้น ก็ตกใจกับฉากที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ดวงตาอันสดใสของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าไร้ยางอาย … จ..เจ้าสารเลว… อย่า…อย่าตายนะ!”
…
ภายในโถงบัลลังก์ การต่อสู้ดูเหมือนจะดุเดือดขึ้น
ซิง หยวนกัว ได้หยุดการโจมตีอย่างดุเดือด อย่างไรก็ตามแสงสีม่วงยังคงสั่นไหวอยู่รอบๆตัวเขา
หน้าของ ไป่ ซิง ซีดขาว ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาใช้ด้ายสีเงินเพื่อป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลาเขาควรจะเสียชีวิตไปแล้ว
กองตรวจการรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆด้วยจิตวิญญานแห่งการต่อสู้ คนของพวกเขามีจิตวิญญาณการต่อสู้ไม่มีสิ้นสุดและ ซิง หยวนกัว เป็นศูนย์กลางของมัน
ซิง หยวนกัว นั้นทรงพลังมากที่สุดใน 13 กองตรวจการ
แม้แต่ ฉือ เฮ่า ของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
แม้ว่าตอนนี้ ซิง หยวนกัว จะถอยไป แต่คลื่นพลังจากจิตวิญญานแห่งการต่อสู้ ยังคงโจมตีใส่เขาอย่างต่อนเนื่อง ทำให้ ไป่ ซิง ถึงกับเหงื่อตก แขนของเขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 5 จุด แต่ละแห่งนั้นเป็นรอยลึก
แผลที่เลวร้ายที่สุดอยู่ที่หลังเอวของเขา
แผลลึกจนถึงอวัยวะภายในของเขา มันลึกและรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
ชายเสื้อดำทั้ง9 คนก็หมดแรง
พวกเขาทั้งหมดมีระดับพลังอภินิหาร สามารถรักษาตัวเองได้เรื่อยๆ แต่แน่นอนว่าต้องใช้พลังงานมหาศาลเช่นกัน
แผลลึกต้องใช้ทั้งความพยายามและเวลาในการรักษา
ทั้ง 9 คนตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์ ดวงตาปีศาจของแต่ละคนแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทันที
พวกเขาดูดกลืนพลังงานทั้งหมดจากดวงตาปีศาจ ตัดสินใจที่จะสู้ด้วยพลังทั้งหมด
ตั้งแต่ที่พวกเขาปรากฎตัวขึ้นมาที่นี่ พวกเขาก็ได้เตรียมใจเรียบร้อยแล้ว
โถงบัลลังก์เป็นทางลี้ภัยสุดท้ายจากกลืนกินโลก ตราบใดที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากกลืนกินโลก พวกเขาก็สามารถหลบหนีได้
แผนการแรกของพวกเขาคือใช้กองทัพสัตว์ร้ายเข้าทำลายกองตรวจการความมั่นคง ถ้าพวกนั้นสามารถเข้ามาในโถงบัลลงก์ได้
เมื่อ ไป่ ซิง ดูดลืนพลังของกลืนกินโลกมาที่โถงบัลลังก์ ชายชุดดำสวมหน้ากากก็จะปรากฎตัวขึ้นมา เป็นตัวแทนของปีศาจที่ได้สังหารหมู่กองทัพทลายภูผาและหน่วยปีกสีชาดไป
นอกจากนี้พวกเขาจะปิดเส้นทางหลบหนี
ทุกคนจะต้องตาย
ในเมื่อพวกเขาไม่มีทางออกไป จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาพลังในดวงตาปีศาจไว้ พวกเขาจะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด!
“ท่านลุงซิง!” ร่างหนึ่งปรากฎตัวข้างๆ ซิง หยวนกัว พร้อมกับเสียงที่ตะโกนออกมา
“ฉือ กูเหยียน เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ความหวังเดียวของเราก็คือเจ้าไขปริศนาของศิลาเซียนได้!เจ้าควรจะไปหามัน เร็วๆ! “
“ท่านลุงซิง ข้าเข้าใจว่าท่านคิดอะไร ท่านต้องการฆ่าพวกมันมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อถ่วงเวลาให้พวกเราตามหาศิลาเซียน” ฉือ กูเหยียน มองไปที่ ซิง หยวนกัว
เมื่อ เปรียบเทียบกับ ไป่ ซิง แล้วนั้น สถาพของ ซิง หยวนกัว ดูดีกว่ามาก อย่างไรก็ตามเขายังคงได้รับบาดเจ็บอยู่หลายแห่ง วิชาดาบของ ไป่ ซิง นั้นแปลกและคาดเดาไม่ได้
เป็นไม่ได้ที่ ซิง หยวนกัว จะหลบทั้งหมด เขามีบาดแผลเล็กน้อยบนร่างกาย มันเป็นบาดแผลบางๆ แต่มันก็ตัดไปถึงกระดูก
“…” ซิง หยวนกัวไม่ได้พูด แต่ความเงียบคือการยอมรับของเขา
“แต่ข้าจะเห็นท่านสู้จนตัวเองตายได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ใช่ว่าข้าจะไขปริศนาได้! “
“อนาคตของอาณาจักรเซี่ยจะมาจบที่นี่ไม่ได้!”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ใช่ข้า?”
“ฉือ กูเหยียน อย่าโง่น่า! ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดแบบนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าเลือกเองไม่ได้ สวรรค์จะเป็นคนตัดสินใจเอง เจ้าไม่อาจขัดเจตจำนงของสวรรค์ได้! “
“ท่านลุงซิง!”
“พอแล้ว ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ศาลาเต๋าสวรรค์ ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำอะไรหลังลงมาจากภูเขา นอกจากนี้ข้ายังรู้ว่าเจ้าเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ ทำไมเจ้าไม่แสดงพลังที่แท้จริงของเจ้าให้ข้าเห็นหน่อยล่ะ? “
“หลานสาวของท่าน … จะทำความปรารถนาของท่านเอง!” ฉือ กูเหยียน ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป นางพยักหน้าเบาๆ กองตรวจการความมั่นคงและกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดระหว่าง 13 กองตรวจการ
เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะสนิทสนมกัน แต่ไม่เคยมีการแต่งงานระหว่างทั้งสองฝ่าย
ไม่มีใครรู้ว่าทำไม
ความจริงก็คือแม้จะไม่มีการแต่งงาน แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ใกล้ชิดกันและไม่เคยต่อสู้กันแม้แต่ครั้งเดียว
…
บนลานกลางหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ
ชายทั้งสี่คนขี่ม้าเข้ามาในหมู่บ้านอย่างสบาย ๆ ฝุ่นกระจายไปทั่ว ชายที่หน้าดำเหมือนถ่านจ้องมองมายังพวกชาวบ้าน
“ท่านแม่ทัพดูเหมือนพวกชาวบ้านจะรอพวกเราอยู่” รองแม่ทัพคนหนึ่งตกใจเมื่อเห็นชาวบ้านรวมตัวกันอยู่
“อืมข้าคิดว่าภารกิจของเราจะเสร็จสิ้นลงอย่างง่ายดาย!” ผู้นำวัยกลางคนพยักหน้าด้วยท่าทีอันเยือกเย็น
“ท่านพูดว่าภารกิจ หมายถึงอะไรกัน?” รองแม่ทัพสับสนเล็กน้อย
“เจ้าคิดว่าการฆ่าทหารสองคนนั้นเป็นความผิดร้ายแรงหรือ?”
“เรื่องนั้น…”
“บอกมาตามความจริง!”
“ฆ่าทหารสองนายอาจจะเป็นการกระทำที่โหดร้าย แต่ถ้าตามที่ข้าคาดการณ์ทหารคงเอาเงินมาจากชาวบ้าน รวมถึงข่มขู่ชาวบ้านเพื่อแลกกับอาหารและเครื่องดื่ม แต่ ฟาง เจิ้งจือ นั้นไม่ได้อยู่ในกองทัพ การกระทำของเขา…” Prev Next