Gate of God – ตอนที่ 262

เส้นผมของ ฉือ กูเหยียน พลิ้วไหวตามสายลมราวกับสายน้ำตก

ฟาง เจิ้งจือ พึมพัมเล็กน้อย

เอาชนะ ฉือ กูเหยียน?

เขาเคยคิดเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องระหว่างข้อตกลงของพวกเขา ในฐานะมนุษย์เขาแค่ปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาจะไม่ยอมถูกหญิงสาวรังแก!

ครั้งแรกที่เขาได้เห็น ฉือ กูเหยียน …

เขาคิดไปเองว่าเขาเข้าใจในโลกนี้อย่างสิ้นเชิง เขาคิดว่า 8 ปีที่เขาฝึกฝนอย่างหนักสามารถปิดช่องโหว่ความสามารถของเขากับนางได้

อย่างไรก็ตามการกระทำของ ฉือ กูเหยียน ใน 2 วันมานี้…

เขาทำได้แค่อุทานกับตัวเอง

 

ทำไมนางถึงทรงพลังขนาดนี้?

ไม่น่าขันไปหน่อยหรือ?

อย่างไรก็ตาม แม้พลังของ ฉือ กูเหยียน จะมากมาย ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่คิดว่าเขาจะแพ้ เขายังมีโอกาสชนะอยู่ หลังจากที่เขาเอาชนะใครๆมาๆได้มากมาย

เขาสามารถชนะทั้ง จิตใจ วาจา และสติปัญญาของนางได้

แน่นอนว่า เขาต้องเอาชนะ ฉือ กูเหยียน ด้านการ่อสู้…

 

“ข้าขอถามว่าเจ้าอยากแต่งงานกับข้าหรือไม่” ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับด้วยคำถาม

“เจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้ารึ?”

“ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้ามากกว่า!” ฟาง เจิ้งจือ พูด เจ้าจะทำให้เตียงข้าอบอุ่น ทั้งร้องเพลง เต้นรำให้กับข้า…

“คนรับใช้” ท่าทีของ ฉือ กูเหยียน แข็งค้างไปทันที นางเป็นธิดาแห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ และเป็น 1 ในผู้ที่มีพรสวรรค์ของอาณาจักร ชายหนุ่มมากมายต่างต้องการเป็นคนรับใช้ของนาง

 

อย่างไรก็ตาม ฉือ กูเหยียน ยังนิ่งเงียบ

นางคิดเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ จากนั้นนางก็ยิ้ม “ความคิดเจ้าไม่เลว แต่เจ้าต้องเอาชนะข้าอย่างยุติธรรมให้ไดเสียก่อน!”

ฟาง เจิ้งจือ ข้องใจกับคำว่า ‘ยุติธรรม’ ความตั้งใจของนางชัดเจน

นางหมายถึงอะไร?

 

เขาต้องเอาชนะนางด้วยวิชาและการฝึกฝนของเขา

เขาไม่สามารถใช้ทริคต่างๆได้ ไม่สามารถพึ่งอาวุธหรือสมบัติใดๆได้ นี่เป็นการดวลความสามารถอย่างแท้จริง

มันไม่ใช่การต่อสู้ที่เขาชอบ

“ถ้าข้าเอาชนะเจ้าได้อย่างยุติธรรม เจ้าจะยอมมาเป็นคนใช้ข้าใช่ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ข้าจะเป็นให้ 1 เดือน” ฉือ กูเหยียน ตอบ

“เจ้าสาบานหรือไม่?”

“ไม่ใช่แค่สาบาน แต่ข้าจะประกาศให้โลกได้รับรู้!”

 

ตาของ ฟาง เจิ้งจือ เปิดกว้าง ลองจินตานาการถึงภาพของธิดาแห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดความสามารถของอาณาจักร จะมารับใช้เขาถึง 1 เดือน…

“ไม่ใช่แค่ทำอาหารหรือเครื่องดื่มเท่านั้น แต่เจ้าจ้องทำตามที่ข้าสั่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะร้องเล่นเต้นรำ เจ้าทำได้ใช่ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ท้าทาย

“ข้าทำได้” ฉือ กูเหยียน พยักหน้าจริงจัง

“งั้นตกลง!”

“ฮ่า ๆ เจ้าช่างมีจินตนาการล้ำเลิศ ถ้าเจ้าแพ้ล่ะ? “

“เจ้าต้องการอะไร?”

“ข้าต้องการให้เจ้ามารับใช้ข้าเป็นเวลา 1 เดือน  ถ้าข้านั่งเจ้าต้องยืน ถ้าข้าเอนนอนเจ้าก็ต้องยืน ถ้าข้าหลับเจ้าต้องยืนเฝ้าประตู! “ ฉือ กูเหยียน ท้าทายกลับ

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉือ กูเหยียน ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าทำไมนางเน้นคำว่า ‘ยืน’

มันต้องไม่ใช่แค่การยืนธรรมดาๆแน่?

ได้ข้าจะทำ!

 

“ตกลง!” ฟาง เจิ้งจือ กัดฟันตอบ

“นอกจากนี้เจ้าต้องเล่าเรื่องตลกให้ข้าฟังทุกวัน ถ้าวันใดที่ข้าไม่หัวเราะ เจ้าต้องถูกโบย 50 ครั้ง และนั่งคุกเข่าเพื่อสำนึกที่หน้าประตูของข้า! “ ฉือ กูเหยียน พูดต่อ

 

“เจ้าไม่จริงจังไปหน่อยรึ?”

“เจ้ากลัวงั้นรึ?”

 

“ข้ากลัวรึ? ตลกสิ้นดี! “ ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเบาๆ แล้วก็ลุกจากเก้าอี้ “ยังไงก็ตาม ข้าไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับการเดิมพันที่ไม่ยุติธรรมเท่าไรนัก!”

“ทำไมเจ้าคิดอย่างนั้น? นอกจากการร้องเพลง เต้นรำ ข้ารู้วิธีเล่นกู่เจิ้ง ทั้งตีกลอง ไขปริศนา และอีกมากมาย อย่าลืมสิว่าข้าโตมาในตระกูลนักรบ! ข้าคุ้นเคยกับสิ่งที่พวกเขาชอบ! “ ฉือ กูเหยียน ขยิบตาให้ ฟาง เจิ้งจือ

 

นี่เป็นการท้าทาย ฟาง เจิ้งจือ

เชี่ย!

 

ฟาง เจิ้งจือ ยืนนิ่ง

เขาลืมสนิทว่านางโตมาในตระกูลนักรบ เธอมีปฏิสัมพันธ์กับทหารมาโดยตลอด และตัวนางเองก็ไม่ค่อยได้เย็บปักถักร้อย

เล่นกู่เจิง ตีกลอง …

 

บ้าเอ้ย

มีแต่เรื่องที่ผู้ชายทำกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคนไหนบ้างที่จะรู้วิธีเล่นสิ่งเหล่านี้ ฉือ กูเหยียน มีพรสวรรค์จริงๆ

 

เป็นครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือรู้สึกถึงความมุ่งมั่นของตัวเอง

 

ยังไงก็ตาม …

เขาไม่ได้ติดกับง่ายๆ

 

“ถ้าเจ้าสัญญากับข้าเรื่องนึง ข้าจะลองคิดดู” ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ จริงจัง

“ว่ามา”

“ข้าขออาจารย์สัก 50 คน แบบหวัง อันฮุย”

 

“เจ้าไม่ได้ต้องการความมั่นคงหรอกหรือ?”

 

 ถ้าชาวบ้านต้องการจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง พวกเขาจะต้องทำด้วยตัวเอง ข้าทำให้หมู่บ้านเจริญรุ่งเรืองได้ แต่ข้าไม่สามารถทำให้มีประสิทธิภาพได้”

“เอาล่ะ ข้าจะพาอาจารย์ 50 คนจาก 10 โรงเรียนที่ดีที่สุดในตอนเหนือมา พวกเขาจะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 3 ปี จากนั้นพวกเขาเลือกที่จะอยู่หรือออกไปได้ ข้าจะแทนที่พวกคนที่ออกไป”

“เจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบระดับศาล…?” ฟาง เจิงจือ พยักหน้า

“ข้าเข้าร่วมไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนี้ข้ายังเข้าร่วมไม่ได้ ยังไงก็ตามผู้ที่ผ่านการทดสอบระดับสภา จะมีสิทธิ์เข้าร่วมคัดเลือกเป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าจะรับคำท้าของเจ้าที่นั่น! แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะท้าทายข้าในเร็ววันนี้? “ ฉือ กูเหยียน รู้ดีว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังทำอะไร

“ไม่ว่ายังก็ตามพวกเราก็ต้องสู้กัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องร่นเวลาไปเรื่อยๆ เราทั้งคู่ต่างพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ข้าจึงมีคำถาม ทำไมข้าต้องไปที่ศาลาเต๋าสสวรคค์ด้วย? “

“เจ้าไม่ได้บอกว่าอยากเป็นผู้ชมงั้นรึ? มีเพียงศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์เท่านั้นที่อยู่เหนือกฎหมายของอาณาจักร! “

“แล้วอะไรอีก?”

 

“สภาจักรพรรดินั้นเกี่ยวข้องกับการเมืองสวง มีทั้งเรื่องอิทธิพลและการใช้อำนาจแต่ ศาลาเต๋าสวรรค์อยู่ใกล้กับ ‘เต๋า’ มากที่สุดในอาณาจักร เจ้าสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้มากขึ้นที่นั่น “

“รับลูกศิษย์ปีละกี่คนกัน?” ฟาง เจิงจือ พยักหน้า  “1 ศาลา 4 ปราชญ์ 13 กองตรวจการ” เป็นตัวแทนของอำนาจในอาณาจักร

ศาลเต๋าสวรรค์นั้นอยู่บนจุดสูงสุด

พวกเขาเป็นสิ่งเดียวที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับอาณาจักร ในสายตาของผู้ฝึกตน ศาลาเต๋าสวรรค์ น่าสนใจยิ่งกว่าสภาจักรพรรดิ

“มีศิษย์เพียง 3 คน ในทุกๆ 2 ปี ในการคัดเลือกทั้งจากพวกคนเถื่อนทางเหนือ ภูเขาทางใต้ ที่เหลือ ศาลาเต๋าสวรรค์และอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่มีข้อตกลงว่ารับลูกศิษย์อย่างน้อย 1 คนที่มากจากอาณาจักรเซี่ย “ ฉือ กูเหยียน อธิบาย

“3?!” ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าการคัดเลือกเป็นเรื่องที่ยาก แต่ไม่คิดว่าขนาดนี้

3 คน ในทุกๆ 2 ปี?

ตอนนี้มีศิษย์กี่คนกัน?

 

“เจ้าคิดว่าศาลาเต๋าสวรรค์จะไร้ผู้สืบทอดงั้นรึ” ฉือ กูเหยียน คาดเดาความคิด ฟาง เจิ้งจือ

“ไม่ได้เป็นอย่างนั้นงั้นรึ” ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ปฏิเสธ

“ฮ่า ๆ เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ไป ศาลาเต๋าสวรรค์มีประเพณีอยู่ ณ ตอนนี้พวกเขามีลูกศิษย์ 3000 คน “

“3000 คน?” ฟาง เจิ้งจือ สับสน

 

ถ้าพวกเข้ารับลูกศิษย์ เพียง 3 คน ทุก 2 ปี งั้น 3000 คน ก็ …

นี่มันไม่ถูกต้อง !

“ทำไมพวกเขาถึงมีลูกศิษย์ 3,000 คน เมื่อเจ้าเข้าไปก็จะรูเองข้าคิดว่าเจ้าควรจะให้ความสำคัญกับการทดสอบมากกว่า! ! “

“มันเป็นเรื่องยากมากรึ?”

“งั้น ถ้าเจ้าคิดว่าการทดสอบระดับจักรพรรดิเป็นเรื่องยาก การทดสอบระดับสถาจะทำให้เจ้าเปลี่ยนความคิดว่า ระดับจักรพรรดินั้นง่ายนิดเดียว!!” ฉือ กูเหยียน อธิบาย

 

“ทำไมกัน?”

“หากผ่านการทดสอบระดับจักรพรรดิ ปกติผู้คนจะได้รับตำแหน่ง  สิ่งที่พวกเขาจะได้รับก็ขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตามการทดสอบระดับสภาเป็นการทดสอบเต๋าระดับสุดท้าย รายชื่อสุดท้ายที่ปรากฎจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด พวกเขาจะเลือกมา 9 คน และไม่มี 3 อันดับแรก”

“ไม่มี 3 อันดับแรก?”

 

“ไม่มี 3 อันดับแรก การทดสอบระดับสภาจะเป็นการจัดอันดับรายบุคคล และจะได้รับฉายาของ ‘ผู้นำ’

“ผู้นำ?” ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่ามันหมายถึงอะไร

“ใช่แล้ว ผู้นำเป็นฉายาพิเศษที่มอบให้กับผู้ที่มีคะแนนสูงที่สุดในการทดสอบระดับศาล คนธรรมดาสามัญ จะได้รับฉายา ‘สุดยอดพรสวรรค์’! “ ฉือ กูเหยียน กล่าว

“สุดยอดพรสวรรค์?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉือ กูเหยียน “เจ้าก็เป็น สุดยอดพรสวรรค์ รึ?”

 

“ใช่ แต่ทำไมเจ้าไม่ระบุเพศของข้าในฉายาเหมือนคนอื่นทำกันด้วยล่ะ?”

 

“การทดสอบระดับสภามีคนที่อยู่ในระดับอภินิหารไหม?”

“ในทุกปีมันต่างกันไป มีอยู่ 2 คนตอนที่ข่าเข้าร่วม “

 

“ระดับอภินิหาร 2 คน? ทำไมพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบระดับสภากันละ? “

“อาณาจักรเซี่ยใช้ ‘กฎแห่งเต๋า’เป็นพื้นฐานของผู้ฝึกตนอย่างเรา หลายๆอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 ปี อย่างเช่นใครจะคิดว่าเจ้าจะเป็นผู้ชนะทั้งสองทั้งในการทดสอบระดับมณฆลและระดับเมือง? “

 

ฟาง เจิงจือ พยักหน้า

เส้นทางของผู้ฝึกตนนั้นเปลี่ยนแปลงเสมอ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเข้าใจ ใครจะพูดว่าเขาไม่สามารถเข้าถึงระดับอภินิหารได้ใน 2 ปี?

 

“ข้าเข้าใจแล้ว.”

Gate of God

Gate of God

GoG, 神门
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Gate of Godเรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset