“สิ่งที่เหมาะกับข้า?” แววตาของ ฟาง เจิ้งจือ สว่างขณะที่เขายกมือขวาขึ้น “ส่งมา!”
“ขอรับ สิ่งนี้จะใช้ได้ดีที่สุดเมื่อศัตรูไม่รู้ตัว ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้ ข้าเกรงว่า … “ ชายวัยกลางคนมองไปรอบๆอย่างลังเล
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและกระโดดไปข้างชายคนนั้น
“นี้คือสิ่งที่รู้จักกันในชื่อ หีบสมบัติทั้ง 7!” ชายวัยกลางคนวางกล่องลงในมือของ ฟาง เจิ้งจือ อย่างระมัดระวัง
“หีบสมบัติทั้ง 7?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่หีบสีดำในมือของเขา
“ใช่ หีบนี้ถูกสร้างขึ้นจากสมบัติที่ต่างกัน 7 ชิ้น มันถูกสร้างขึ้นจากตระกูลโม่ที่มีชื่อเสียงโดยใช้แม่พิมพ์ดารา 7 แถว ในสถานการณ์ปกติ ผู้ที่อ่อนแอกว่าระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุดนั้นจะไม่สามารถต้านทานได้ แต่ถ้าไม่ทันตั้งตัวแม้แต่ระับอภินิหารก็…! “ ชายวัยกลางคนอธิบาย
“ทรงพลังขนาดนั้น? ตอนนั้น … เจ้าจะโจมตีข้าด้วยสิ่งนี้รึ? “
“ใช่แล้ว…”
“เอาล่ะขอบคุณ”
“ด้วยความยินดีขอรับ ข้าดีใจที่มันได้พบกับผู้ครอบครองที่ดี! ข้ามั่นใจว่าท่านจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างดีที่สุด! “ ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างจริงใจ
“ฮ่าฮ่า … เจ้าช่างตาแหลมจริง!” ฟาง เจิ้งจือ หยักหน้าและหัวเราะเบาๆ
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตะลึงในเสียงหัวเราะของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือ? ฟาง เจิ้งจือ วางกับดักเขา แต่เขากลับให้ของขวัญกับ ฟาง เจิ้งจือ
เขาไม่ควรถูกลงโทษงั้นหรือ?
ถ้าเป็นคนดีจริงๆคงไม่รับของชิ้นนั้นไว้หรอก!
…
การต่อสู้จบลงภายในไม่กี่นาที
หลังจากที่ผู้คุมประกาศผล …
เขาได้ประกาศจุดเริ่มต้นของการแข่งขันครั้งสุดท้าย
การต่อสู้ระหว่าง ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว
จากผลการทดสอบด้านปัญญา การดวลในครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบระดับจักรพรรดิ
ฟาง เจิ้งจือ จะชนะ?
หรือ เหยียน ซิว กัน?
เจ้าหน้าที่จ้องมองไปที่ชายสองคนบนเวที พวกเขาต่างคาดเดาและคาดการณ์ผลการแข่งขันในรอบสุดท้ายนี้
จากสิ่งที่พวกเขาพึ่งเห็น ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้ว
จากการต่อสู้ระหว่าง เหยียน ซิว และ ซิง ฉิงซุย เขามีความสามารถที่ใกล้เคียงกัน
นี่คือการต่อสู้ระหว่าง 2 ผู้ที่อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูง นอกจากนี้พวกเขายังมีอายุต่ำกว่า 18 ปี
นอกจากการตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะของการทดสอบระดับจักรพรรดิ มันมีความหมายพิเศษอื่นอยู่อีก มันจะเป็นตัวกำหนดว่าใครจะเป็นอัจฉริยะคนต่อไปของอาณาจักรเซี่ย
บนเวที
ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ต่างมองกันและกัน
“ข้าคิดว่าเราคงต้องต่อสู้กันอีกครั้ง” ฟาง เจิ้งจือ กล่าวด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
“ใช่” เหยียน ซิว พยักหน้ารับ
“ในตอนที่เราออกจาเมืองหลวงครั้งสุดท้าย เจ้าบอกว่าเจ้าจะเอาชนะข้าเจ้ามีโอกาสนั้นแล้ว “ ฟาง เจิงจือ พยัก พวกเขาเป็นเพื่อนกัน แต่ในการต่อสู้ตัวต่อตัวพวกเขาก็ไม่คิดจะออมมือ
“ตกลง!”
“เจ้าจะใช้อาวุธหรือไม่?”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“ไม่”
“งั้นข้าเองก็ไม่” เหยียน ซิว เก็บพัดของเขาเอาไว้
เจ้าหน้าที่ต่างเริ่มกังวลในการเก็บพัดของ เหยียน ซิว จะสามารถเชื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้จริงหรือ?
การต่อสู้ครั้งก่อนหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ ก็เห็นๆกันอยู่
ปิง หยาง มองไปที่ เจ้าหน้าที่ด้วยความรังเกียจ จากนั้นนางก็หันไปมองราชาต้วน เขากำลังเฝ้าดูด้วยท่าทีที่จริงจัง
แววตาของนางเปิดกว้างขึ้นทันที
“พี่6 คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะหลอกลวง เหยียน ซิว รึ?”
ราชาต้วนดูไม่มีความสุขตั้งแต่เริ่มการดวล เมื่อเขาได้ยินเสียงของ ปิง หยาง เขาได้หันกลับไปมอง
“ไม่มีใครสามารถเชื่อคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ ได้!” ราชาต้วนตอบอย่างไม่ลังเล
“งั้นเหรอ? งั้นเรามาเดิมพันกันเสียหหน่อย? “ ปิง หยาง ตื่นเต้นอย่างมาก
“โอ้…? เจ้าต้องการเดิมพันอะไร? “ ราชาต้วนถามด้วยความสนใจ
“ข้าได้ยินมาว่าท่านพี่มีธนูที่ชื่อว่า” อาทิตย์แผงศร “… “ ปิง หยาง กล่าวด้วยความคาดหวัง
“ข้าไม่สามารถให้เจ้าได้! มันคืออาวุธส่วนตัวข้องข้า! “ ราชาต้วนขัดจังหวะ ปิง หยาง
“ท่านพี่ ท่านมีอาวุธมากมายแต่ท่านยังไม่มีม้าดีๆเลย ทำไมท่านไม่ถือโอกาสนี้หาดีๆสักตัวละ? “ ปิง หยาง คาดหวังปฏิกริยาตอบสนองของราชาต้วน นางไม่ยอมแพ้ จึงต้องล่อราชาต้วนด้วยสิ่งที่ยากจะต้านทาน
“เจ้าต้องการใช้ม้าหยกหิมะของเจ้าในการเดิมพัน?” ดวงตาของราชาต้วนเป็นประกาย ม้าหยกหิมะนั้นมีเพียงตัวเดียวในเมืองหลวง มันเป็นม้าที่เขาอยากได้มาตลอด
อย่างไรก็ตามมันเป็นของที่มีคุณค่ากับ ปิง หยาง มาก นางไม่เคยใช้มันในการเดิมพัน
“หยกหิมะอะไร? ข้าจะใช้ม้าป่าอัศนีย์ม่วงต่างหาก! “ ปิง หยาง โบกมือ
“ม้าป่าอัศนีย์ม่วง? นั่นมันของน้อง 9… “
“อย่ากังวลกับเรื่องนี้ ตอนนี้ม้าป่าอัศนีย์ม่วงอยู่ที่บ้านข้า มีตอนไหนที่ข้าไม่รักษาสัญญาด้วยงั้นรึ? “ ปิง หยาง ขัดราชาต้วนและทุบอกด้วยความมั่นใจ
เมื่อองค์ชาย9 หลิน หยุน ได้ยินเรื่องนี้ ท่าทีของเขาดูข่มขื่นทันที
ม้าป่าอัศนีย์เพลิงเป็นของเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเอามันกลับมาได้แล้ว ตอนที่ ฉือ กูเหยียน มายืม นางบอกว่า ปิง หยาง จะคืนแน่นอน เมื่อ ฉือ กูเหยียน กลับมาที่เมืองหลวง
ยังไงก็ตาม …
ฉือ กูเหยียน ตอนนี้อยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ นางไม่ได้กลับมาที่เมืองหลวง
ม้าป่าอัศนีย์เพลิงเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากของเขา แม้ว่า ฉือ กูเหยียน จะส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ แต่เมื่อเขาเอามันไปยื่นให้ ปิง หยาง นางกลับกลืนมันทิ้ง
ตอนนั้นหัวใจขององค์ชาย9 ราวกับแตกสลาย
เอามันจากนางโดยการบังคับ?
ทหารยามที่บ้านพักของ ปิง หยาง ดีกว่าที่วังเสียอีก
ใช้เหตุผลกับนาง?
หลักฐานชิ้นเดียวถูกกินโดย ปิง หยาง ไปแล้ว นอกจากนี้นางยังเป็นลูกรักขององค์จักรพรรดิ ต่อให้ ปิง หยาง พูดโกหก ก็ไม่มีใครเชื่อเพราะว่าเขาไม่มีหลักฐาน
ม้าป่าอัศนีย์ม่วงของเขาได้ตกไปอยู่ในมือปีศาจแล้ว
ตอนนี้ ปิง หยาง กำลังใช้ม้าอัศนีย์ม่วงในการเดิมพัน ยิ่งไปกว่านั้น นางทำต่อหน้าต่อตาเขา เขาทำได้เพียงรับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจ
ราชาต้วนมองไปที่องค์ชาย9
องค์ชาย9 รู้ดีว่าราชาต้วนหมายความว่าอะไร เขากัดฟันและพยักหน้า
ในเมื่อเขาไม่มีทางได้กลับมา…
ก็คิดซะว่าเป็นการทำบุญละกัน…
“เอาล่ะ ข้าเดิมพันว่า ฟาง เจิ้งจือ จะดึงดาบออกมา!” ราชาต้วนเข้าใจแล้วว่าม้าอัศนีย์ม่วงตอนนี้อยู่ในมือของ ปิง หยาง แล้ว
“ตกลง!” …ฮ่าฮ่า … “ ปิง หยาง ไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นของนางได้
ราชาต้วนก็ค่อนข้างมีความสุขเช่นกัน เขาไม่ยินดีเท่าไรกับการทดสอบต่อสู้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีคนจะมอบม้าป่าอัศนีย์ม่วงให้กับเขา เขาจึงรู้สึกดีขึ้นมา
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่า ปิง หยาง ได้พนันข้างเขา
ความสนใจของเขามุ่งไปที่ เหยียน ซิว เขารู้สึกได้ถึงความมั่นใจจาก เหยียน ซิว
“ข้าพร้อมแล้ว” เหยียน ซิว โค้งคำนับให้ ฟาง เจิ้งจือ
“ข้าเองก็พร้อมแล้วเช่นกัน” ฟาง เจิ้งจือ โค้งคำนับ
“งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ”
“ตกลง!”
ในสายตาของเหล่าเจ้าหน้าที่ ฟาง จิ้งจือ ไม่ใช่คนที่ควรให้ข้าเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาโค้งคำนับให้ เหยียน ซิว
ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่สับสน
อย่างไรก็ตามความสับสนของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยความกลัวอย่างรวดเร็ว
“เปิด!” เกิดเสียงดังขึ้นบนเวที จากนั้นเจ้าหน้าที่เกือบทุกคนได้ลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เหยียน ซิว ได้เคลื่อนไหวแล้ว
ตามปกติแล้วเจ้าหน้าที่เหล่านี้ล้วนรู้ตัวดีว่าไม่ควรยืน อย่างไรก็ตาม แม้แต่เก้าอี้ขององค์จักรพรรดิก็เคลื่อนไหวเล็กน้อย
หลังจาก เหยียน ซิว ได้พูดคำนั้นแล้ว ราวกับเขาได้รับความเจ็บปวด หยาดเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
ที่สำคัญที่สุดคือ…
มีน้ำวนสีแดงอยู่ที่ใต้เท้าเขาทั้ง 2 ข้าง
มันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากอากาศ แต่มันปรากฎขึ้นมากลางอากาศ เหยียน ซิว ดูเหมือนจะถูกดูดลงไปในน้ำวนสีแดงนั้น
“ใช่แล้ว เหยียน ซิว เคยไปที่นั่น!”
“โอ้พระเจ้า! เขาอายุแค่ 16 ปีและพึ่งเข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์ ทำไมพ่อของเขาถึงโยนเขาเข้าไปในสถานที่ที่เปื้อนเลือดแบบนั้น? “
“ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีใครจากตระกูลเหยียนที่สามารถออกมาได้ เขาอายุแค่ 16 … “
“ทำดีมาก เหยียน ซิว! ผลลัพธ์การทดสอบนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว อย่างไรก็ตามการทดสอบระดับสภาครั้งนี้น่าสนใจมาก! “
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างหวาดกลัวกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น จากนั้นก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสงสาร
“ตอนที่ข้ากลับไป ข้าไปที่นั่นมาจริงๆ” เหยียน ซิว พึมพัมกับตัวเองขณะเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก
“ที่ไหน?” ฟาง เจิ้งจือ อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย หลังจากได้เห็นท่าทีของ เหยียน ซิว เหยียน ซิว ไม่เคยพูดถึงตัวเองเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยถามเรื่องทางบ้านของเขามาก่อน
“ข้าได้ไปยังมิติพิเศษคล้ายๆกับที่หอสมบัติสวรรค์ของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ คนอื่น ๆ เรียกมันว่า “ดินแดนอสวรรค์” แต่ตระกูลเหยียนเรียกมันว่า “นรกโบราณ”! “ เหยียน ซิว พูดต่อ