เป็นไปได้ยังไง?!
ซิง ฉิงซุย ไม่เข้าใจว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงสามารถทำได้ ทั้งที่เขาต้องพยายามทำมันกว่า 10 ปีก็ยังไม่สามารถทำได้
ทำไมกัน?
ซิง ฉิงซุย รู้สึกว่าเขาไม่ได้เก่งกล้าน้อยไปกว่าใคร แล้ว ฟาง เจิ้งจือ มีอะไรมากไปกว่าเขากัน? จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้? ไม่มีทาง! ความตั้งใจ? นั่นยิ่งไม่ใช่
หรือว่า…
ทันใดนั้นเอง, ซิง ฉิงซุย ก็นึกอะไรออก มิตรภาพ!
มิตรภาพ?!
ซิง ฉิงซุย กำหมัดของเขาแน่น ดวงตาของเขาจ้องเขม็ง มันต้องเป็นมิตรภาพแน่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ต้องการชนะเพื่อมีชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ใด เขาต้องการที่จะชนะเพราะมิตรภาพระหว่างเขากับ เหยียน ซิว
พ่อของเขาฆ่าศัตรูของอาณาจักร แต่ไม่ได้รับรางวัลหรือสิ่งใด เขาทำเช่นนั้นเพราะมิตรภาพของเขากับจักรพรรดิ หลิน มูไป่
ความปรารถนาที่จะชนะอาจทำให้คนกล้าได้กล้าเสีย อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถทำให้ความสามารถของใครเพิ่มขึ้นได้
พลัง!
พลังเป็นสิ่งจำเป็น!
มิตรภาพที่แท้จริงคือสิ่งที่สามารถจุดชนวนให้ใครบางคนที่จะต่อสู้ มันจะทำให้คนที่จะโจมตี โจมตีอย่างไม่ลดละและไม่ต้องคิดถึงสิ่งใด…
“ท่านพ่อ ข้าว่าข้าเข้าใจแล้ว!”ซิง ฉิงซุย มองไปทางกองตรวจการความมั่นคง ไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย
“ฟาง เจิ้งจือ เรียนรู้วิชาต่อสู้ของ ซิง หยวนกัว จริงๆ!“
“นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือ?!“
“เขาเป็นคนสามัญที่ไม่เคยเข้าหอแห่งเต๋า เขาเป็นผู้ชนะของการทดสอบทุกรอบที่เขาเข้าร่วม นอกจากนี้เขายังรู้จักวิชาลับของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ และวิชาต่อสู้ของ ซิง หยวนกัว อีกด้วย … “
คำถามวนเวียนในหัวของพวกเจ้าหน้าที่
ตอนแรกพวกเขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนธรรมดาที่มีความสามารถ ตอนนี้ พวกเขาเริ่มถามตัวเอง
8 ปีก่อน ฉือ กูเหยียน ได้สร้างโรงเรียนขึ้นที่หมู่บ้านภูเขาทางใต้ ฟาง เจิ้งจือ ถูกไล่ออกจากที่นั่น เขาเรียนจบด้วยตัวเองที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ มันเป็นเรื่องบังเอิญ?
8 ปีต่อมา ฟาง เจิ้งจือ เอาชนะฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดได้แม้จะเป็นสามัญชนที่ไม่เคยเข้าเรียน
หลังจากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับ ฉือ กูเหยียน
นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่?
ถึงแม้ว่า เป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด … เขาจะถึงกับบังเอิญรู้ถึงวิชาลับของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ และวิชาต่อสู้ของ ซิง หยวนกัว เลยหรือ?
นั่นมันจะบังเอิญเกินไปหน่อยแล้ว!
นี่เป็นการวางแผน!
เป็นไปได้ว่ามันมีการวางแผนทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น
ถ้างั้น…
แรงจูงใจคืออะไร ?!
ฟาง เจิ้งจือ จะได้อะไร?
ไม่มีเจ้าหน้าที่ใดที่สามารถเข้าใจ ได้แผนการนี้ช่างลึกลับและน่ากลัว
ในทางกลับกัน จักรพรรดิรู้ดีกว่าพวกเจ้าหน้าที่คิดอะไร แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่าง ฟาง เจิ้งจือ และ ซิง หยวนกัว ใน กลืนกินโลก
เขาได้ยับยั้งการสังหารหมู่ของ ฟาง เจิ้งจือ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น
หัวใจและความภักดีของกองตรวจการความมั่นคง มีความสำคัญกว่าทหารเพียง 100 คน
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิก็กำลังคิดเช่นเดียวกัน “ฟาง เจิ้งจือ คืออัจฉริยะที่สามารถเลียนแบบวิชาต่อสู้ของ ซิง หยวนกัว ได้ เพียงแค่เห็นมัน 1 ครั้ง? ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว เด็กหนุ่มคนนี้จะมีพรสวรรค์มากแค่ไหนกัน? ข้ากลัวว่าแม้แต่ ฉือ กูเหยียน ก็ทำไม่ได้! ถ้าเขาไม่ได้มีพรสวรรค์ เขาสามารถเรียนรู้วิชาต่อสู้ของ ซิง หยวนกัว ได้ยังไงกัน? ซิง หยวนกัว ผู้ไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมือง กลับเอ่ยชื่อของ ฟาง เจิ้งจือ ทันทีที่กลับมาถึง! … ข้าพึ่งได้เห็นด้วยตาตัวเอง?“
จักรพรรดิไม่อยากจะเดาว่า กองตรวจการความมั่นคงคอยสนับสนุน ฟาง เจิ้งจือ หรือไม่
ในฐานะจักรพรรดิเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการดับไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่มันจะสายเกินไป
นั่นเป็นงานของเขา
“ข้าหวังว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ” จักรพรรดิ หลิน มูไป่ เหลือบมอง ฟาง เจิ้งจือ และนั่งลง
องค์รัชทายาท หลิน เทียนหลง ไม่ได้เหลือบมอง ฟาง เจิ้งจือ เขารีบหันไปมองราชาต้วน เขานึกถึงสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน
ฉือ เฮา แห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์อาจจะอยู่ฝ่ายราชาต้วน!
ถึงแม้ว่า ฉือ กูเหยียน จะยังคงเป็นกลางอยู่เสมอ แต่นางก็ยังภักดีต่อพ่อของนาง นางจะเป็น
กลางจริงๆหรือ?
เป็นเรื่องบังเอิญหรือ ที่ ฉือ กูเหยียน ตั้งโรงเรียนในหมู่บ้านภูเขาทางใต้ เมื่อ8 ปีก่อน? ไม่ใช้สิ่งที่วางเอาไว้แต่แรกหรือ?
ถ้าเป็นการสมรู้ร่วมคิด …
เป็นไปได้ไหมที่ ฉือ กูเหยียน เป็นคนคิด? หรือราชาต้วน…?!
ในพวกเขาต้องมีคนที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ราชาต้วนอาจจะดูเหมือนกำลังหาทางกำจัด ฟาง เจิ้งจือ แต่ความจริงอาจกำลังช่วยเขาอยู่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยตั้งแต่เข้าเมืองหลวงมา นอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ ยังเดินทางไปอย่างราบรื่น เมื่อตอนที่ราชาต้วนเป็นหัวหน้าการทดสอบ
องค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง เหลือบตามอง ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่พอควร
อย่างไรก็ตาม การพยายามจะได้เป็นคนที่มีอำนาจในดินแดน อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แผนการที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ขณะที่องค์รัชทายาทกำลังคาดเดาความภักดีของ ฟาง เจิ้งจือ
ราชาต้วนเองก็กำลังทำสิ่งเดียวกัน
เขาใช้ตรรกะเช่นเดียวกันกับองค์รัชทายาท เขาก็สงสัยว่า ฉือ กูเหยียน อยู่ฝ่ายองค์รัชทายาทหรือไม่กัน
คงจะไม่ใช่ว่ากองตรวจการความมั่นคงเองก็เอนเอียงไปทางนั้นแล้ว?
ในการต่อสู้ที่โถงบัลลังก์ แต่ละฝ่ายจะวางแผนต่อต้านอีกฝ่าย การทำผิดพลาดครั้งเดียวอาจก่อสงครามได้ การแพ้ในสงครามจะทำให้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย
การต่อสู้!
นับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจเข้าร่วมต่อสู้ก็จะไม่มีการหันหลังกลับ
โดยไม่คำนึงถึงตัวตนของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่คำนึงถึงพลังที่ซ้อนเร้นของเขา! เมื่อเขาตายทุกอย่างจะประจักษ์ …
…
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบจากการที่เขาเลียนแบบวิชาของ ซิง หยวนกัวเป้าหมายเดียวของเขาคือการเอาชนะ เหยียน ซิว
เขาต้องการเอาชนะ เหยียน ซิว ใน 15 นาที
ในใจเขามีเพียงความคิดเดียว การโจมตี การโจมตี และการโจมตี
“ตูม!“
“ตูม!“
“…”
ทั้งสองคนยังคงปะทะกันอย่างต่อเนื่องฟาง เจิ้งจือ โจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง เหมือนกับที่ ซิง ฉิงซุย คาดคิด คนเราจะมีพลังเมื่อต่อสู้เพื่อมิตรภาพ
ดังนั้นการเรียนรู้วิชาของ ซิง หยวนกัว จึงไม่ได้ใช่ปัญหา
เขาผสานวิชาต่างๆเขาด้วยกัน
ไม่มีคู่มือ
แต่เขาก็สามารถทำได้
“เขามาถึงระดับนี้ภายในเวลาไม่กี่เดือนได้ยังไงกัน?“เหยียน ซิว ตกใจ แต่เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ นั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่ออยู่ดี!
ราวกับ ฟาง เจิ้งจือ นั้นกลายเป็นอีกคน
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ฟาง เจิ้งจือ ได้ชกออกมา
เขาเลือกมุมอย่างพิถีพิถัน มันเป็นมุมบอดของ เหยียน ซิว เมื่อ เหยียน ซิว เห็นมันก็ช้าไปแล้ว
“ตูม!“
เหยียน ซิว ตัวลอยขึ้นจากพื้นชั่วคราว ขณะที่เขากระเด็นเขากัดฟัน ด้วยพลังของภูเขา ทำให้เขาถูกดึงกลับมาที่พื้นอีกครั้ง
ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง
อย่างไรก็ตาม มันทำให้ เหยียน ซิว สามารถป้องกันการโจมตีของ ฟาง เจิ้งจือ ได้
การเสียสละนั้นแลกมาด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่
…
กระแสของการต่อสู้ไม่ได้เป็นไปตามที่ ฟาง เจิ้งจือ ต้องการ เขาต้องคิดเริ่มสิ่งใหม่
“ฟาง เจิ้งจือ สามารถจัดการ เหยียน ซิว ได้?“
มีบางคนเริ่มคิดไปในทางนี้ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ยังคิดว่า เหยียน ซิว ก็ยังคงจะชนะเหมือนเดิม
วิชาการต่อสู้ของ ซิง หยวนกัว นั้นต้องใช้ ความสามารถขั้นสูงในการรักษามันไว้ ทั้งสองคนนั้นโจมตีกันอย่างไม่หยุดยั้ง
ฟาง เจิ้งจือ จะสามารถใช้มันเรื่อยๆได้ถึง 15 นาที?
ฟาง เจิ้งจือ นั้นอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์เท่านั้น แม้แต่ผู้ที่มีระดับพลังอยู่ในระดับอภนิหารยังยากที่จะรักษาสภาพนี้ไว้ 15 นาที
ผลที่ตามมาก็ยังคงเหมือนเดิม
ทันใดนั้น เหล่าเจ้าหน้าที่เริ่มสังเกตุได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัว เหยียน ซิว
แสงสีแดงจางส่องออกมาจากเท้าเขา น้ำวนทั้ง 2 ดูเหมือนจะดูดกลืนขาเขาลงไป
ดูไกลๆเหมือนเขากำลังถูกดึงลงไปในน้ำวน
“เกิดอะไรขึ้น?”เจ้าหน้าที่ทั้งหมดตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็น
บางส่วนแสดงออกราวกับพวกเขากำลังหวาดกลัวบางอย่าง
สำหรับ เหยียน ซิว ทั้งตัวเขาท่วมไปด้วยเหงื่อราวกับพึ่งถูกดึงขึ้นมากับทะเล
เขารู้ว่าตัวเองจะต้องแพ้ ถ้าเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่าง
“ไม่มีทาง ข้าต้องสู้จนนาทีสุดท้าย!“เหยียน ซิว ต้องการชนะ ความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นน่าตกตะลึง แต่เขาก็มีศักดิ์ศรี
ข้าบอกว่าข้าจะจัดการเจ้า ข้าก็จะทำ!
เหยียน ซิว เลิกป้องกัน เขามีเวลาไม่มาก นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว
“ปัง ปัง!“หมัดทั้ง 2 พุ่งเข้าใส่ร่าง เหยียน ซิว
เหยียน ซิว ไม่เคลื่อนไหว เขากัดฟันและกลืนเลือดเข้าไปในปาก เขาขยับมือ แผ่นแสงสีแดงซีด ปรากฎขึ้นตรงหน้า
ฟาง เจิ้งจือ ตัวแข็งค้าง
เขารู้ว่าไฟสีแดงนี้น่ากลัวมากแค่ไหน
…
น้ำวนตอนนี้สูงถึงเข่าแล้ว
ตอนนี้ เหยียน ซิว ใช้พลังนี้อีกครั้ง
หัวใจของ ฟาง เจิ้งจือ เองก็เต้นรัว่่่่ ถ้าระดับน้ำยังสูงขึ้นเรื่อยๆ มันจะต้องท่วมไปที่ตัว หรือแม้แต่คอ!
ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางปล่อยให้ เหยียน ซิว ทำแบบนั้น
ฟาง เจิ้งจือ ต้องการจะหยุดเขา