กองทัพม้านับร้อยพุ่งไปข้างหน้าทันที ม้าที่อยู่ข้างหน้านั้นเร็วราวกับลูกธนู
พวกมันสร้างระยะห่างจากด้านหลังกว่า 50 เมตร ภายในวินาทีเดียวเท่านั้น
แม้ ปิง หยาง จะไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษ แต้าม้าหยกหิมะ ก็พานางมาเป็นที่สามได้อย่างง่ายดาย
องค์ชาย9 นั้นหล่นไปอยู่อันดับ7
ฟาง เจิ้งจือ นั้นอยู่ไกลจากพวกเขามาก
ม้าริ้วโคลนยกคอขึ้นมองไปที่การแข่งขัน มันวิ่งเรวที่สุดแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก
หลังจากผ่านไปนาน ฟาง เจิ้งจือ นั้นอยู่ห่างกว่า 100 เมตรจากอันดับสอง
แน่นอนว่า…
เป็นอันดับสองจากท้ายสุด
“ฮ่าฮ่าฮ่า … สงสัย ฟาง เจิ้งจือ แค่มาขี่ม้าเล่นเท่านั้นละมั้ง!“
“แม้ว่าเขาจะขี่ม้าริ้วโคลนที่ดีที่สุด ข้าสงสัยว่าเขาจะทำอะไรได้มาก?“
ทุกคนหัวเราะเมื่อมองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ความสนใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่การแข่งขัน แต่พวกเขาต้องการแค่หัวเราะเยาะ ฟาง เจิ้งจือ
พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความกล้าที่จะเข้าร่วมแข่งขัน แต่พวกเขาก็พร้อมจะเยาะเย้ย ฟาง เจิ้งจือ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจเสียงรอบๆ เขายังควบม้าไปเรื่อยๆ
ม้าริ้วโคลนร้องขึ้น ก่อนมันจะหันเดินออกจากทาง และวิ่งเข้าไปในป่า
“โอ้…? ทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงออกจากเส้นทางละ?“
“เขาพยายามที่จะใช้ทางลัดหรือไม่?“
“เขาบ้าไปแล้วหรือ? ตามกฎการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องสลักชื่อลงบนแผ่นหินทั้งสี่มุมของสนามแข่ง แล้วเขาจะขี่ม้าไปที่เส้นชัยทำไมตอนนี้?“
“เขากำลังพยายามล่าก่อน?“
“มีคนเคยลองมาก่อนมากมายแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขาตระหนักว่ามันช้ากว่า จุดล่าสัตว์ทุกจุดนั้นอยู่ใกล้แผ่นหิน
” ผู้ชมทั้งหมดไม่เข้าใจว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขามั่นใจว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีโอกาสชนะ
จักรพรรดิเห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ ออกจากเส้นทางไป ดวงตาของเข้าเป็นประกายด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตาม สุดท้าย เขาก็ส่ายหัว
การแข่งขันนี้จัดขึ้นเป็นประจำ กฎนั้นเป็นมาตรฐานและทุกคนนั้นเข้าใจดี
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องลองทำสิ่งต่างๆ เพราะนี้เป็นครั้งแรกของเขา
อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะสำเร็จนั้นแทบไม่มี
ตามกฎ ต้องฆ่าสัตว์ 4 ชนิด และเอาเลือดของมัน เขียนชื่อลงบนแผ่นหินในแต่ละมุม
สัตว์เหล่านี้ทั้งหมดล้วนอยู่บริเวณแผ่นหิน
ดังนั้น…
วิธีที่ง่ายที่สุดคือวิ่งไปตามแต่ละแผ่นหินเป็นวงกลม
มีหลายคนที่พยายามจะวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาดีเท่าไรนัก
แม้การวิ่งไปในทางตรงข้าม จะไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น แต่ถ้าเทียบกับการที่เผชิญกับสัตว์ป่าคนเดียว กับเป็นกลุ่ม มันชัดเจนว่าแบบไหนง่ายกว่ากัน
ยิ่งไปกว่านั้นระยะทางก็ไม่ต่างกัน หลังจากผ่านแผ่นหินทิศเหนือ ใต้ ออก ตก แล้วก็ต้องไปที่เส้นชัย
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอะไรอยู๋ เขาหายตัวไปในป่า จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ หยิบหินเล็กๆตามทาง
…
เวลาผ่านไป อันดับยังคงมีความมั่นคง
ผู้เข้าแข่งขัน 20 คน ได้จัดการสัตว์และลงชื่อบนแผ่นหินเรียบร้อย
ส่วน ฟาง เจิ้งจือ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ลานล่าสัตว์ตะวันออก เป็นลานล่าสัตว์หลวงมีสัตว์ระดับมากมายอยู่ในนั้น
แม้ว่าจะมีสัตว์หลายชนิด แต่ก็แข็งแกร่งเพียงปานกลาง ส่วนใหญ่ป็นสัตว์กินพืช หรือ สัตว์กินเนื้อ
พวกมันไม่ได้ดุร้ายหรืออันตรายเกินไป
ดังนั้นต่อให้ ฟาง เจิ้งจือ เดินลัดเข้าไปในป่า เขาก็ไม่พบปัญหาอะไร
การแข่งขันยังคงเข้มข้นขึ้น ไม่นานทุกคนก็ไปให้ความสำคัญกับผู้ที่นำอยู่ ไม่มีใครคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำอะไรอยู่
“ข้าไม่เคยคิดว่า ปิง หยาง นั้นจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ นางต้องอยู่ใน 3 อันดับแรกแน่นอน “
“แน่นอน นางกำลังขี่ม้าหยกหิมะ ถือเป็นม้าที่ดีที่สุดในรอบๆนี้เลย ดูนางสิทิ้งระยะห่างจากคนอื่นไปไกลเลย”
“องค์ชาย9 ก็ทำได้ดีเหมือนกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาถูกเรียกว่ามังกรดำตัวน้อย เขาขึ้นไปเป็นอันดับ5 แล้ว จาการระเบิดพลังของม้าอัศนีย์ม่วง เขามีโอกาสขึ้นไปเป็นสามอันดับแรก “
“ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ข้าได้ยินว่า 10 อันดับแรกบนทำเนียบมังกรดาวรุ่งก็อยู่ที่นี่ น่าเสียดายที่มีเพียง เจียง เทียนหยิง และ ถัง จงหมิง เท่านั้นที่แข่งขัน ข้าได้ยินม่าว่า วู่ เฟิง เองก็เข้าร่วมการทดสอบระดับสถา เขาอยู่ในเมือง ข้าเองก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่มาวันนี้”
“วู่ เฟิง นั้นเป็นอันดับ 4 บนทำเนียบ ถ้าเขามาที่นี่ ข้าเกรงว่า เจียง เทียนหยิง และ ถัง จงหมิง คงไม่ได้อันดับ1 หรือ 2 ในวันนี้”
ผู้คนทุกคนกำลังถกเถียงกันขณะชมการแข่งขัน
ระหว่างจุดที่หนึ่งและสองนั้น…
ฝุ่นควันนั้นลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ
ปิง หยาง แขวน หัวสัตว์ร้าย ไว้บนหลังม้า นางถือหอกในมือ ขณะที่พยายามแทงคู่แข่งที่อยู่ข้างหน้านาง
“ได้โปรด เมตตาข้าด้วย!” จาง เฟยหยู่ เขาเองก็เป็นอันดับ 12 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง และตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งที่แย่ที่สุดในการแข่งขัน
ปิง หยาง นั้นอยู่ข้างหน้าเขา
ข้างหลังเขาเป็นองค์ชาย9 หลิน หยุน
เขาอยู่ภายใต้ความกดดันอันยิ่งใหญ่
แซง?
เขาอยากจะแซง ปิง หยาง อย่างไรก็ตาม มันแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะนางขี่ม้าหยกหิมะอยู่
หากผ่านไปไม่เร็วพอ คงได้รับความเสียหายจากหอกฉีหลินบ้าง
ถ้าไม่ใช่ว่าเขาแข็งแกร่งกว่านาง ป่านนี้เขาคงตกหลังม้าไปแล้ว
“อยู่อันดับ 4 ต่อไปเถอะ ถ้าเจ้ากล้าแซงข้า ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ!” ปิง หยาง ยกหอกขึ้นและแทงไปที่ จาง เฟยหยู่ อีกครั้ง พร้อมกับที่มีเพลิงพุ่งไปบนท้องฟ้าขณะที่นางแทง
ร่างกายของ จาง เฟยหยู่ เรืองแสงสีฟ้าออกมา เกิดเป็นแสงสีฟ้าซ้อนๆกัน ตรงกลางนั้นราวกลับมีกลีบดอกไม้สีเขียวอยู่
เมื่อ เปลวเพลิงพุ่งไปทางเขา กลีบดอกไม้เหล่านั้น ก็กลายเป็นเกราะป้องกันเปลวเพลิง….น้ำชนะไฟ
แม้จะเป็นอย่างนั้น …
ความเร็วของเขาต้องสะดุดเล็กน้อย
เพลิงดันเขาออกไป ระยะทาง 10 เมตร เกิดขึ้นระหว่าง ปิง หยาง และเขา
ไม่น่าแปลกที่หอกฉีหลิน นั้นเป็น 1 ในสมบัติที่ยิงใหญ่ที่สุดของอาณาจักร
นอกจากนี้มันยังเป็นอาวุธที่ใช้โจมตีได้ดีที่สุด ต่อให้อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูง ก็ยากจะต้านทาน
“องค์หญิง นี่มันผิดกฎ!” จาง เฟยหยู่ มองไปที่ ปิง หยาง แม้ว่าเขาจะถูกโจมตี แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงความโมโหออกมา
“ผิดกฎ? ในเมืองนี้ข้าคือกฎ เจ้าจะลองไปร้องเรียนต่อองค์จักรพรรดิหลังการแข่งขันก็ได้ ถ้าเจ้าต้องการ!” ปิง หยาง ตอบอย่างหยาบคาย
องค์ชาย9 เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่ส่ายหัว
เหตุผลหลักที่ทำให้เขาอยู่ในอันดับที่ 5 เป็นเพราะ ปิง หยาง นั้นเป็นอันดับ 3
มันเป็นเหตุผลที่อันดับ 4 เป็นตำแหน่งที่แย่
อย่างไรก็ตามสถานะของ จาง เฟยหยู่ นั้นต่างออกไป เขาเป็น 1 ใน 10 ทายาทของกองตรวจการ น้องสาวเขาก็เป็นนางสนม ทำให้เขานั้นมีฐานะเป็นลุงของ ปิง หยาง
เขากล้าคิดที่จะแซง ปิง หยาง หรือไม่?
ถ้าเสือสองตัวสู้กัน การบาดเจ็บก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
องค์ชาย9 ตัดสินใจปล่อยให้ทั้งสองคนสู้กัน
จาง เฟยหยู่ เร่งความเร็วไล่ตาม ปิง หยาง
“องค์หญิง ทำไมเราไม่ร่วมมือกันล้ม ถัง จงหมิง? จากนั้นท่านก็จะเป็นที่2 ข้าก็เป็นที่3!“แม้ว่าเขาจะเป็นลุงของ ปิง หยาง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้
ปิง หยาง ไม่ใช่แค่องค์หญิง แต่เป็นองค์หญิงที่องค์จักรพรรดิรักมากที่สุด
“เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการงั้นรึ?” ปิง หยาง ถอนหายใจ ขณะมองไปที่ ถัง จงหมิง ที่อยู่ห่างเกือบ 100 เมตรข้างหน้า
“ทำไมท่านไปม่ปล่อยให้ข้าผ่านไป ข้าจะลากเขากลับมาเอง จากนั้นท่านค่อนแซงข้าไป!” จาง เฟยหยู่ พยายามโน้มน้าว
“เจ้าคิดว่าข้าโง่? อยู่ตรงนั้นแหละ!” ปิง หยาง มองไปที่ จาง เฟยหยู่ ด้วยความดูถูก
“.. ” จาง เฟยหยู่ พูดไม่ออกเขาหันไปมอง องค์ชาย9 พร้อมกับส่ายหัว
เขาต้องการร่วมงานกับองค์ชาย9 อย่างไรก็เขาโชคดีมากที่ ปิง หยาง และองค์ชาย9 ไม่คิดจะร่วมมือกันกำจัดเขา
…
การแข่งขันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เจียง เทียนหยิง กำลังจะเขียนชื่อลงบนแผ่นหิน ถัง จงหมิง อยู่ไม่ไกลนัก
จากนั้นไม่นานชื่อของ ปิง หยาง, จาง เฟยหยู่, หลิน หยน ก็ปรากฎขึ้นมา
ตอนนี้การแข่งขันก็ผ่านไปครึ่งทางแล้ว อย่างไรก็ตามชื่อของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ปรากฎบนแผ่นหินใดๆ
“ฟาง เจิ้งจือ วางแผ่นที่จะทำอะไรกัน?“หนึ่งในเด็กหนุ่มที่สวมชุดเกราะมองด้วยความไม่เชื่อ
เขาคือ เหวิน เต๋าเปา เด็กหนุ่มที่ ปิง หยาง ลากไปด้วยตอนที่อยู่ในกลืนกินโลก
ในฐานะที่เป็นคนของกองกำลังทลายภูผา เขามีแรงบัลดาลใจ แต่ไม่มีความสามารถ
เขาจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้เด็ดขาด อย่างไรก็ามด้วยสถานะของเข้า ก็สามารถเข้ามานั่งดูและมีปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศรอบๆได้
มีเหมือนเขาหลายคนที่อยู่ในกลุ่มคน
คนเหล่านี้ชอบดูการแสดงและจิบเหล้า พวกเขาชอบใช้ชีวิตแบบนี้
เหวิน เต๋าเปา เองก็ชอบความฟุ่มเฟือยดังกล่าว
พวกเขาเป็นกลุ่มที่พูดคุยเกี่ยวกับความทะเยอทะยาน ความรู้สึก หรือคอยปลอบใจกัน
เช่นนั้น…
เมื่อ เหวิน เต๋าเปา ถอนหายใจ ผู้คนที่อยู่รอบๆก็มองมาที่เขา
“เจ้าคิดจริงๆงั้นหรือว่า ฟาง เจิ้งจือ สามารถชนะได้?“
“เป็นมุขงั้นรึ? เขาขี่ม้าที่น่ากลัวที่สุดในงานแข่งขันเลยนะ!“
“นายน้อยเหวิน ท่านพึ่งถูกท่านพ่อตีมางั้นรึ เลยยังสติไม่ดี ฮ่า ฮ่า?“
เสียงหลายเสียงดังออกมา มีบางคนพยายามวางมือไว้บนหน้าผากของ เหวิน เต๋าเปา ราวกับจะวัดไข้
“เจ้าจะรู้อะไร?! ข้าเห็น ฟาง เจิ้งจือ … ” เหวิน เต๋าเปา หยุดพูด ก่อนที่จะพูดมากเกินไป