ทุกคนนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะมีเหตุการณ์สำคัญ
เป็นครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ ลุกจากเตียงแต่เช้า เมื่อเขาไปถึงห้องของ เหยียน ซิว เขาเห็น เหยียน ซิว นั่งรอที่โต๊ะอยู่เงียบๆ
แม้เขาจะยังดูอ่อนเพลียแต่ก็ดูดีขึ้นกว่าเดิม เขายังคงดูเย็นชาเช่นเดิม
เหยียน ซิว ชี้ไปที่ขนมเมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ
“เจ้าดีขึ้นแล้วรึ?” ฟาง เจิ้งจือ เดินไปนั่งและเริ่มหยิบของกิน
“อืม” เหยียน ซิว พยักหน้าเบา ๆ และเริ่มกินอาหาร เขากำลังรอ ฟาง เจิ้งจือ เพื่อกินอาหารเช้า
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่า เหยียน ซิว ไม่ชอบพูดขณะกินอาหารเขาจึงไม่พูดอะไร
พวกเขากินอาหารเช้าเสร็จและเดินไปที่โรงเรียนหลวง
ที่โรงเรียนหลวงเต็มไปด้วยฝูงชน ด้านนอกมีโต๊ะทรงยาวตั้งอยู่
ไม่มีอะไรบนโต๊ะ
อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ว่าโต๊ะนี้ถูกวางไว้เพื่อวางเดิมพัน สำหรับคนที่ต้องการจะเดิมพันก็มาที่ตรงนี้
การมาถึงของ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
หลังจากชื่อของ ฟาง เจิ้งจือ กระจายไปทั่วทั้งเมือง ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเขา
“นั่น ฟาง เจิ้งจือ อยู่นี้แล้ว!“
“โอ้พระเจ้า! นั่นมัน เหยียน ซิว! เขาดูดีมาก ดูดีมากๆ!“ขณะเดียวกัน ฟาง เจิ้งจือ กำลังรอฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวเขาเองอยู่ข้างๆ
แน่นอนว่ามันเป็นเสียงจากผู้หญิง “ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไม เหยียน ซิว ถึงอยู่กับ ฟาง เจิ้งจือ ตลอด”
“นั่นสิ!“
” แต่เมื่อข้าเห็น ฟาง เจิ้งจือ กลับทำให้ข้าเห็นว่า เหยียน ซิว นั้นยิ่งดูดีกว่า!“
เสียงอื่น ๆ อีกมากมายเริ่มซ้อนทับกัน นำมาด้วยเสียงผู้หญฺง
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกเศร้าเล็กน้อย ข้าดูไม่หล่องั้นรึ?
เขาเคยฝันว่าเขาจะสร้างชื่อในการสอบของสภา จากนั้นทุกคนก็จะกรีดร้องชื่อของเขา
อย่างไรก็ตามความฝันเขาเป็นจริงเพียงครึ่งเดียว
มีแต่คนสนใจ เหยียน ซิว
ได้ งั้น…
เหยียน ซิว ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล
ฟาง เจิ้งจือ คิดกับตัวเอง
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงกรี้ดดังลั่น มันดังยิ่งกว่าตอนพวกเขาเดินเข้ามาอีก
“โอ้… นั่นมัน วู่ เฟิง!“
“วู่ เฟิง จริงๆด้วย ว้าว! ข้าหวังว่าจะได้เห็นเขาตัวเป็นๆมานานแล้ว!“
“ข่าวลือเป็นความจริง วู่ เฟิง ดูดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก!“
ตอนนั้นเองเสียงก็ดังขึ้น ราวกับมีใครโยนระเบิดลงท่ามกลางฝูงชน
ฟาง เจิ้งจือ มองไปในทิศทางนั้น
เขาเดินเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีใครหล่อได้ขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเขาคงไม่ไปกรี้ดกร้าดใส่เหมือนพวกผู้หญิง
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็น วู่ เฟิง เขาก็เข้าใจความหมายนั่นได้ในที่สุด
เขาสง่างาม ไร้ที่ติ
ถ้า ฟาง เจิ้งจือ จะมีคำพูดล่ะก็ …
ผู้ชายคนนี้ดูดีเกินไป!
เขาแต่งตัวในชุดสีเขียว พร้อมกับขลุ่ยหยกในมือ ท่าทีของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้าและเป็นมิตร
ถือว่าเป็นมวยที่ถูกคู่กับ เหยียน ซิง
“อันดับที่ 4 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง วู่ เฟิง กับขลุ่ยหยก ” เหยียน ซิว อธิบายให้ ฟาง เจิ้งจือ ฟัง
“ขลุ่ยหยก? มันมีอะไรพิเศษงันรึ?ฟาง เจิ้งจือ อยากรู้อยากเห็น เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนใช้ขลุ่ยเป็นอาวุธ
“เขาเป็นศิษย์ของ ‘เซียนวารี’ พวกเขามีความเชี่ยวชาญด้านดนตรีอย่างมาก และข่าวลือบอกว่าเขาเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญมากที่สุด ” เหยียน ซิว อธิบาย
“ดนตรี? สามารถใช้ในการต่อสู้ได้ด้วย?“
“ได้”
“ยังไงละ?“
“เป่าขลุ่ย”
“อ้อเข้าใจแล้ว!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจจริงๆ เป่าอะไรกัน? มันทำยังไง?
ในขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ วู่ เฟิง ก็เดินผ่านมา ดูเหมือนเขาจะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว
ไม่นานเขาก็มายืนอยู่ด้านหน้า ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว
“ยินดีที่ได้พบ นายน้อยเหยียน!”วู่ เฟิง โค้งคำนับให้ เหยียน ซิว ด้วยความนับถือ
ฟาง เจิ้งจือ เบะริมฝีปากอย่างรังเกียจ เขาเห็นแต่คนทักทาย เหยียน ซิว และมองข้ามตัวเขาไป
ขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหยียน ซิว ตอบอย่างเรียบๆ “ดี”
“โอ้?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ เหยียน ซิว อย่างสงสัย
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ เหยียน ซิว ตอบ ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการพูดถึงมันเท่าไร
วู่ เฟิง ไม่มีท่าทีแปลกใจราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะได้การตอบรับแบบนี้ เขายังคงยิ้มอย่างสนิทสนม
“ถ้าข้าเดาไม่ผิดเจ้าเป็นนายน้อยฟางที่โด่งดังใช่หรือไม่!“วู่ เฟิง โค้งคำนับให้ ฟาง เจิ้งจือ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้คิดที่จะตอบกลับ แต่ทันใดนั้นเมื่อเขาเห็นขลุ่ยหยก ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจเขา
เครื่องหมายบนขลุ่ยหยกนั้นคล้ายกับสัญญาลักษณ์ที่ปรากฎในโถงบัลลังก์ที่กลืนกินโลก
มันคืออะไรกันแน่?
ภาพยังคงผุดขึ้นมาในหัวของ ฟาง เจิ้งจือ เรื่อยๆ เขานึกถึงกำแพงในโถงบัลลังก็ รวมถึงศิลาเซียนที่เขาเห็น
เขายังจำได้ถึงการอกกมาจากกลืนกินโลกที่น่าหวาดหวั่นของเขา เขาจำได้ถึงกลิ่นอายโบราณ และเสียงที่สั่นสะเทือนไปถึงแก้วหูเขา…
“ข้าขอดูขลุ่ยเจ้าหน่อยได้ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ตัดสินใจถาม
ทุกคนที่อยู่รอบๆตกตะลึงไปทันที จากนั้นเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็มอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความดูถูก
ใครจะขอดูอาวุธคนอื่น ทั้งๆที่พึ่งเจอกันครั้งแรก!?
“ฮ่าฮ่า… ข้าเกรงว่าคงไม่ได้!วู่ เฟิง หัวเราะเบาๆ ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดที่ไม่สมควรของ ฟาง เจิ้งจือ
“โอ้ แล้วข้าต้องทำยังไงถึงจะดูได้ละ?ฟาง เจิ้งจือ ถามต่อ
“นายน้อยฟาง ต้องการดมันจริงๆงั้นรึ?“ท่าทีของ วู่ เฟิง เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถ้า ฟาง เจิ้งจือ เพื่อพูดผ่านๆ เขาก็ไม่สนใจ แต่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดผ่านๆ
“ใช่” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
“ถ้านายน้อยฟาง ต้องการดู ก็ต้องขโมยไปจากมือข้าให้ได้” วู่ เฟิง ยิ้ม
“โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว ” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ขลุ่ยหยกในมือ วู่ เฟิง และยิ้มออกมา
“เอี๊ยด!“
ทันใดนั้นประตูของโรงเรียนหลวงได้เปิดออก
ขุนนางหลวงสวมชุดสีดำยืนอยู่เป็นแถว แต่ละคนถือหีบสีแดงในมือ
เบื้องหลังพวกเขาคือ ราชาต้วนและองค์ชาย9
นอกจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่อยู่คนหนึ่ง เขาเป็นชายหนุ่มสวมชุดเจ้าหน้าที่ระดับ4
ทุกคนต่างกลั้นหายใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่เล็กน้อย
“ซู่ ฉิง เจ้าจะเป็นคนประกาศผลในวันนี!“ราชาต้วนหันไปหาชายหนุ่มด้านหลังเขา
“รับทราบ!” ซู ฉิง พยักหน้าด้วยความเคารพ
จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าระหว่างแถวของขุนนางหลวงทั้งสองแถวอย่างรวดเร็ว
เขากระแอมลำคอ จากนั้นก็โคงคำนับ 4 ครั้งแต่ละครั้งเขาหันไปยังแต่ละทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก
“การทดสอบระดับจักรพรรดินั้นประกอบด้วย 2 ด้าน คือด้านปัญญาและการต่อสู้ ทุกคนต้องฝ่าฝันความยากลำบากมากมาย และตอนนี้ข้ารู้ว่าทุกคนกำลังรอสิ่งนี้อยู่ … “
ซู่ ฉิง เริ่มกล่าวถึงการทดสอบระดับจักรพรรรดิที่ผ่านมา
เมื่อเขาพูดถึงโลกแห่งเซียน เขาอาลัยให้กับความตกต่ำพร้อมทั้งกระตุ้นทุกคนไปด้วย
ฝูงชนต่างถอนหายใจ
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้น ซู ฉิง ได้ส่งสัญญานให้ขุนนางเริ่มประกาศผลสอบได้
พวกเขาทั้งหมดเปิดหีบไม้แดงในมือ แต่ละคนมีชื่อและคำอธิบายสั้นๆของแต่ละบุคคลอยู่
การทดสอบระดับจักรพรรดิ
เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการทดสอบเต๋า ความสำคัญนั้นแตกต่างจากการทดสอบก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก การที่ผ่านการทดสอบระดับจักรพรรดินั้นหมายถึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าสู่สภา
“ข้าผ่านแล้ว ข้าผ่านแล้ว!“
“ยินดีด้วย!“
“นายน้อยหลี่ทำได้แล้ว อย่าลืมพวกเราละเมื่อท่านได้ตำแหน่งสูงๆ!“
“ใจเย็น ข้าไม่ลืมพวกเจ้าที่เรียนด้วยกันมาหรอก”
ด้วยความรวดเร็ว เสียงแห่งความตื่นเต้นและความยินดีก็ดังออกมา
มีเพียงไม่กี่คนที่จะติดกลุ่มที่1 และ 2 ในการทดสอบระดับจักรพรรดิ กลุ่มที่ 2 นั้นถูกรายงานเสร็จอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลาของกลุ่มแรก
ทุกคนยิ่งตื่นเต้น
ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินชื่อที่คุ้นเคยมากมาย
คนที่แพ้ ปิง หยาง และเขาเลือกมาในรอบแรกในโลกแห่งเซียน สามารถเป็นกลุ่มแรกในการทดสอบได้ ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ทำได้เช่นกัน
“เจ้าหน้าที่ฟาง พวกเราขอขอบคุณเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ได้เพราะความช่วนเหลือของท่าน พวกเราคงไม่ได้มาอยู่ถึงจุดนี้”ไม่นานนัก ชายวัยกลางสองคนก็เดินมาขอบคุณ ฟาง เจิ้งจือ
“พวกท่านจิตใจดีมาก เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณ ” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกดีกับคนทั้งสอง เขาจึงรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของทั้งสองได้
ไม่นานกลุ่มแรกก็ถูกประกาศจนครบ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเอ่ยถึง หนานกง มู่ หรือ ซิง ฉิงซุย
ทุกคนนั้นต่างสงสัย
ซิง ฉิงซุย นั้นไปถึงรอบรองชนะเลิศของการทดสอบระดับสภา ต่อให้แพ้อย่างน้อยเขาก็น่าจะอยู่ในกลุ่มแรก
หนานกง มู่ นั้นเป็นสามอันดับแรกของการทดสอบด้านปัญญา ต่อให้แพ้ ฟาง เจิ้งจือ อย่างรวดเร็ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่อยู่ในกลุ่มแรกเช่นกัน
หรือว่าจะเป็น…
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจทุกคน
“หรือ ฟาง เจิ้งจือ จะถูกตัดออก?“
“ข้าไม่คิดอย่างนั้น? เขาเป็นอันดับแรกของการทดสอบด้านปัญญา