“หนานกง เฮา ?!”“
เมื่อได้ยินชื่อของ หนานกง เฮา ท่าทีพวกเขาก็เปลี่ยนไป
“หนานกง เฮา … เข้าร่วมการทดสอบระดับสภาด้วย?“
“ถ้าเขาเข้าร่วมล่ะก็ คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ แม้ ฟาง เจิ้งจือ จะแข็งแกร่ง ข้าเริ่มสงสัยว่าเขาจะเอาชนะ หนานกง เฮา ได้หรือไม่?“
“ฮึ่ม… มันคงดีถ้าเขาได้อันดับดีๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาชนะ หนานกง เฮา เลย?“
“จริง”
แม้ข่าวของ หนานกง เฮา จะมาถึงเมืองหลวงแล้วแต่คนที่มาจากชนบทก็ยังไม่ได้รู้เรื่องมากนัก
4 ปีก่อน หนานกง เฮา ถือเป็นอัจฉริยะในรุ่นนั้น ผ่านมา 4 ปีแล้ว …
เขาจะมีพลังมากแค่ไหนกัน?
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจคำพูดคนรอบข้าง เขาค่อนข้างมีประสบการณ์พอตัวกับการทดสอบทั้ง 3 ระดับที่ผ่านมา
เขาต้องใจเย็นๆ
นี่เป็นการทดสอบกฎแห่งเต๋า มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เหยียน ซิว ในชุดสีเขียวยืนอยู่ข้าง ฟาง เจิ้งจือ
เมื่อเข้าไปในพระราชวัง ทหารหุ้มเกราะขวางทาง ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว เอาไว้ หลังจากตรวจค้นร่างกาย พวกเขาก็บอกทางให้ทั้งคู่
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไร นี้คือการทดสอบระดับสภา
มีผู้ทดสอบกว่า 100 คนพวกเขาต่างมองไปรอบๆอย่างกระวนกระวาย
“นายน้อยฟาง นายน้อยเหยียน!“
ก่อน ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว จะเดินต่อก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม และด้านหลังมีกลุ่มผู้เยาว์คอยตามติด
เขาคือ วู่ เฟิง
“อืม” เหยียน ซิว พยักหน้าอย่างเย็นชา และไม่พูดอะไรออกมาอีก
สายตาของ ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองไปที่ขลุ่ยของ วู่ เฟิง อีกครั้ง เขารู้สึกแปลกๆ
“นายน้อยฟาง ท่านเตรียมตัวอย่างไร ในการทดสอบระดับสภาครั้งนี้?“วู่ เฟิง ยิ้ม เขาเดินเข้าไปใกล้ ฟาง เจิ้งจือ
“มีความจำเป็นต้องเตรียมตัวด้วยรึ?ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างเรียบง่าย
“ฮ่า ๆ … ท่านพูดถูก ข้าได้ยินว่านายน้อยฟาง สามารถทำข้อสอบได้ทั้งหมด 6 ชุด ” วู่ เฟิง พยักหน้า
“จริงด้วย ถ้าการทดสอบระดับสภามีการสอบจากพวกหนังสือเต๋าอีก พวกเราคงยอมแพ้” เด็กหนุ่มคนหนึ่งด้านหลัง วู่ เฟิง พยักหน้า
“ถ้าหากเทียบความเข้าใจในกฎแห่งเต๋า ข้าคิดว่า หนานกง เฮา และ ฉือ กูเหยียน ก็คงไม่ใช่คู่มือของท่าน ช่างน่าเสียดาย … ” เด็กหนุ่มอีกคนพูด
“น่าเสียดาย?”ฟาง เจิ้งจือ เริ่มสงสัยมากขึ้น
“ท่านไม่รู้หรือ?” เด็กหนุ่มสองคนแสยะยิ้มหันมองกัน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ซักไซ้อะไรต่อ เขารู้ว่าเดี๋ยวพวกนั้นจะบอกเขาทุกอย่างเอง เขาจึงไม่ถามอะไรมาก
เป็นอย่างที่เขาคิดทั้งสองคนแทบทนไม่ไหวที่จะพูดออกมา
แต่ วู่ เฟิง เข้ามาหยุดพวกเขาเสียก่อน
“เป็นธรรมดาที่นายน้อยฟางจะไม่รู้ ยังไงก็ตามข้าเองก็คิดว่าท่านคงรู้แล้ว เพราะใช้เวลาส่วนมากอยู่กับ เหยียน ซิว “
ท่าทีของ เหยียน ซิว เปลี่ยนไป จากนั้นเหมือนกับเขาคิดอะไรออกแล้วหันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ
“ข้าขอโทษ ข้าลืมบอกเจ้าไป การทดสอบระดับสภาจะไม่ใช่การสอบกฎแห่งเต๋า!”เหยียน ซิว รีบเร่งขอโทษ
“ไม่ใช่การสอบกฎแห่งเต๋า?!”ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ แข็งค้าง
เหยียน ซิว พึ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเมื่อไม่นาน ฟาง เจิ้งจือ จึงไม่ได้รบกวนอะไรเขา หลังจากที่ เหยียน ซิว ฟื้นแล้ว ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้แต่สนุกไปกับการเที่ยวเล่น
เขาไม่ค่อยได้สนใจเรื่องการทดสอบระดับสภาเลย
เพราะเขาคิดว่าคงจะเหมือนๆกันกับการทดสอบครั้งอื่น มันคงเป็นการสอบกฎแห่งเต๋า
เขาจึงไม่ได้สงสัยถามไถ่อะไร
“ฮ่า ๆ ๆ … ท่านไม่รู้จริงๆรึ? ยังมีเวลาอีก 1 ชั่วโมงก่อนการทดสอบจะเริ่มขึ้นท่านควรจะเริ่มเตรียมตัวนะ” เด็กนหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะ
ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็หัวเราะเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าไม่มีการสอบกฎแห่งเต๋าในการทดสอบระดับสภา?”“
“น่าสนใจจริงๆ เราเตรียมตัวมา 2 ปี สำหรับการสอบครั้งนี้ เขาไม่ได้เตรียมอะไรเลย? ฮ่าฮ่าฮ่า …”
“ข้าไม่เคยเห็นใครเข้าร่วมการทดสอบระดับสภาโดยไม่เตรียมพร้อมมาก่อน”
“ข้าเริ่มอยากรู้ว่าเขาจะตอบคำถามยังไงเสียแล้ว!“
ผู้เข้าร่วมทั้งหมดต่างรู้สึกว่าเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุด พวกเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความเยาะเย้ย
“ด้วยความที่นายน้อยฟางไม่รู้ เราไม่คิดจะกวนท่านแล้วพวกเราขอตัวก่อน ให้ท่านได้เตรียมตัวเสียหน่อย” วู่ เฟิง ยิ้มขณะเดินจากไป
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไร
เหยียน ซิว มอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความรู้สึกผิดอย่างที่สุด “เรื่องนี้ข้า… “
“เจ้าคิดว่าทำไม วู่ เฟิง ถึงมาพูดเรื่องนั้นกับข้าในตอนนี้กัน?ฟาง เจิ้งจือ มอง เหยียน ซิว เขารู้ว่า เหยียน ซิว ไม่ได้ตั้งใจ
วู่ เฟิง จงใจทำให้พวกเขาเกิดความบาดหมางกัน
เขาไม่ได้พยายามปกปิดมัน
“ข้าเข้าใจ” เหยียน ซิว พยักหน้าแต่ไม่ได้อธิบายเพิ่ม เขากระซิบ “คำถามของการทดสอบระดับสภานั้น จักรพรรดิจะเป็นผู้กำหนดเสมอเพราะแบบนี้ จึงไม่มีคำถามเกี่ยวกับกฎแห่งเต๋า “
“แล้วทดสอบอะไรล่ะ?” ฟาง เจิ้งจือ เริ่มเข้าใจ แม้จะมีทฤษฎีของกฎแห่งเต๋ามากมาย ก็คงยากที่จักรพรรดิจะตั้งเป็นคำถาม
ยิ่งไปกว่านั้น …
องค์จักรพรรดิไม่สามารถตั้งคำถามมากมายได้ จำนวนคำถามสูงสุดที่เขาสามารถตั้งได้คือ 2 ข้อ
มันเข้าใจได้ง่ายมาก
หากเป็นคำถามของกฎแห่งเต๋า พวกเขานับร้อยก็จะตอบคำถามออกมาเหมือนๆกัน
พวกเขาจะหาผู้ที่สุดยอดที่สุดได้ยังไง?
“การเมืองการปกครอง!”เหยียน ซิว ตอบ
“ข้าเข้าใจ” ฟาง เจิ้งจือ คาดเดาได้
เขาไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาที่ที่เป็นจุดเริ่มต้น ในโลกก่อนมักจะมีการทดสอบเกี่ยวกับเรื่องการเมืองการปกครอง
พวกเขาจะถามเกี่ยวกับสภาพการเมือง
ผู้เข้าร่วมต้องเสนอนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหานั้นๆหรือก็คือเสนอนโยบายให้สภานั้นเอง
ตอนนี้ …
มีปัญหาอย่างหนึ่ง
อย่างที่ว่าไป นอกจากการรวมทฤษฎี หรือร่างนโยบายที่ดี ต้องมีการคำนึงถึงสถานการณ์และสภาพทางการเมืองในปัจจุบัน
ต้องเข้าใจถึงปัญหาที่ฝ่ายปกครองกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้เท่านั้น
นอกจากนั้นมันต้องใช้กระดาษในการตอบจำนวนมาก 10 แผ่น หรือ 100 แผ่นก็อาจจะไม่พอและมีการร่างเนื้อหาเป็นอย่างดี
นั่นคือวิธีเดียวที่จะโดดเด่นจากคนอื่น
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยท่าทีเยาะเย้ยเช่นนี้
พวกเขาได้เตรียมตัวกว่า 2 ปี เกี่ยวกับการพัฒนาเรื่องการเมือง นอกจากนี้พวกเขายังต้องปรับเปลี่ยน พัฒนาอยู่ตลอด 2 ปี
พวกเขาอาจจะเขียนรายงานออกมาได้ถึง 5 เล่ม
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เตรียมความพร้อม เขามาสอบโดยไม่มีความรู้อะไรเลย
ถ้าเขาสามารถผ่านการทดสอบด้านปัญญาได้
มันคงจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก
“ตอนนี้ ข้าจะทำอะไรดี?“ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้ว เขาสาปแช่งในหัวใจของเขา
แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้มาก่อน …
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาภายในไม่กี่วัน นอกจากนี้เขายังต้องเข้าใจถึงปัญหาที่รัฐบาลเผชิญอยู่ในช่วงเวลานั้นอีก
มันเป็นไปไม่ได้
“ข้ามีบทความอยู่ 2-3 ฉบับ … ” เหยียน ซิว มอง ฟาง เจิ้งจือ อย่างลังเล
“ใช่แล้ว เจ้าควรจะลอกบทความของ เหยียน ซิว ไปเสียหน่อย!“
“ฟาง เจิ้งจือ ถ้าเป็นข้า ข้าจะให้ เหยียน ซิว บอกข้ามากกว่านี้”
“อืม … พวกเราอยากฟังบทความของนายน้อยเหยียนเหมือนกัน ท่านจะช่วยให้ความรู้เราได้ไหม?“
เมื่อพวกเขาได้ยิน เหยียน ซิว ต่างก็วิ่งเข้าไปราวกับผีเสื้อบินเข้ากองไฟ
ท่าทีของ เหยียน ซิว เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเบา ๆ
เขารู้ว่าพวกผู้เข้าร่วมกำลังคิดอะไร การไม่ได้เตรียมความพร้อมของเขา เป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงสำหรับคนพวกนั้น ทำไมเขาต้องปล่อยให้พวกนั้นคัดลอกบทความของ เหยียน ซิว?
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผนของข้า ข้าจะผ่านการทดสอบด้านปัญญาแน่นอน!”ฟาง เจิ้งจือ ปฏิเสธ เหยียน ซิว ขณะมองไปที่ผู้เข้าร่วมโดยรอบ
บทความของ เหยียน ซิว!
ข้าหวังจะได้ลอกมัน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจ ถ้านี่จะเป็นการโกง ถ้าเขาสามารถโกงได้ภายใต้จมูกขององค์จักรพรรดิ ก็คงจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว …
เขาไม่สามารถโกงได้ แม้ว่าจะต้องการก็ตาม
ทุกคนรู้ว่าเขาไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรมาเลย
แล้กจะโกงยังไงไม่ให้โดนสงสัย?
“เขาจะผ่านการทดสอบ? ข้าได้ยินผิดไปหรือเปล่า“
“ฮ่าฮ่าฮ่า … น้องหลี่ ข้าว่าเจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก นายน้อยฟางเป็นถึงผู้ที่มีคะแนนมากที่สุดในการทดสอบระดับจักรพรรดิ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่คนแบบนั้นจะสอบตกในการทดสอบระดับสภา “
“เป็นความจริง ข้าผิดเอง นายน้อยฟาง ข้าผิดไปแล้ว!“
“ในความคิดข้า นายน้อยฟางเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ในการร่างนโยบายขึ้นตอนนี้ เจ้าไม่คิดงั้นหรือ?“
“ใช่แล้ว ๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
พวกผู้เข้าร่วมไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพียงแค่มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความเยาะเย้ย
“เชี่ยเอ้ย!” ฟาง เจิ้งจือ ยกนิ้วกลางต่อหน้าพวกผู้เข้าร่วม จากนั้นก็หันไปมอง เหยียน ซิว เขาต้องการให้ เหยียน ซิว บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องในปัจจุบัน
เหยียน ซิว แตัวข็งค้างครู่หนึ่ง ก่อนที่จะครุ่นคิด เขาหันไปมองรอบๆ ก่อนที่จะตอบด้วยคำเพียงคำเดียว