ไม่มีใครเข้าใจว่า หนานกง เฮา กำลังคิดอะไร เขากำลังจะส่งกระดาษเปล่า? คำถามนี่ง่ายไปงั้นหรือ? เขาคิดว่าการทดสอบระดับสภานั้นง่ายเกินไป?
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
ถ้า หนานกง เฮา ไม่สนใจการทดสอบระดับสภา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองเพื่อประกาศตนว่าจะเข้าร่วม
เจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดรู้ว่าตระกูลหนานกงมีชื่อเสียง การส่งกระดาษเปล่าจะเป็นที่เสื่อมเสียแน่นอน
ถ้างั้น …
หนานกง เฮา กำลังคิดอะไร?
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ หนานกง เฮา ก็หยิบกระดาษขึ้นมาและพลิกมันขึ้น
“อะไร … เกิดอะไรขึ้น?“่
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตกตะลึง
ในขณะที่ หนานกง เฮา พลิกกระดาษของเขา พวกเขาทั้งหมดเห็นว่ากระดาษของ หนานกง เฮา ไม่ได้ว่างเปล่า มันเต็มไปด้วยข้อความ
นั่นหมายความว่า หนานกง เฮา ไม่ได้จะส่งกระดาษเปล่า
มันไม่ว่างเปล่า?
เป็นไปได้ยังไง?!
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่มีใครอยากจะเขื่อในสิ่งที่เห็น ก่อนที่ ฟาง เจิ้งจือ จะส่งข้อสอบ กระดาษของ หนานกง เฮา ยังว่างเปล่าอยู่แท้ๆ
หรือว่า…
เป็นไปได้ยังไง?
“บ้าไปแล้ว เขาทำงั้นได้ยังไง?“่
“เป็นไปไม่ได้!“่
“เหลือเชื่อ”
เจ้าหน้าที่ทุกคนเริ่มหวาดกลัว
ถ้ากระดาษของ หนานกง เฮา ไม่ได้ว่างเปล่า ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
ตอนนี้ …
ในขณะที่ทุกคนต่างตะลึงงันกับเรื่องของ ฟาง เจิ้งจือ อยู่ นั้นเอง หนานกง เฮา ได้ทำข้อสอบจนเสร็จด้วยความเร็วที่เหนือธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาพยายามที่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น …
ในตอนที่มีการพูดคุยระหว่าง ซู ฉิง และ ฟาง เจิ้งจือ นั้นผ่านไปไม่เกิน 10 นาที
นั่นหมายความว่า หนานกง เฮา ทำเสร็จภายใน 10 นาที
เร็วเกินไปแล้ว!
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างตกตะลึงในความเร็วนั้น
เขาทำเสร็จได้ในเวลาอันสั้น
นั่นหมายความว่า หนานกง เฮา ได้เข้าถึงระดับนิพพาน ซึ่งเป็นระดับที่จะไม่ถูกรบกวนด้วยสิ่งเร้าใดๆ
“หัวใจแห่งเต๋า … นี่คือหัวใจแห่งเต๋ารึ?!” วู่ เฟิง มองไปที่ หนานกง เฮา อย่างหวาดกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความกลัวในคนๆหนึ่งขนาดนี้
ความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
ซู ฉิง เรียกสติกลับคืนมาได้ เขามองไปที่ หนานกง เฮา แล้วกลับไปที่จักรพรรดิหลิน มู่ไป่ ท่าทีขององค์จักรพรรดิเปลี่ยนไปทันที
“ปิดผนึกข้อสอบ” จักรพรรดิกล่าวพูด
“รับทราบฝ่าบาท” ซู ฉิง ตอบ
เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เงียบเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ซู ฉิง เดินไปที่ หนานกง เฮา เขามองไปที่ข้อสอบบนโต๊ะและเตรียมจะปิดผนึก
ตอนนั้นเมื่อ ซู ฉิง กำลังปิด
เป็นมือของ หนาน กง เฮา
“นายน้อยหนานกง ท่านยังไม่คิดจะส่งงั้นหรือ?” ซู ฉิง สับสน
“เปล่า ข้าเพียงคิดว่าท่านกำลังทำบางอย่างผิดไป?”สายตาของ หนานกง เฮา จ้องไปที่ ซู ฉิง เรียบๆ
“อะไรงั้นหรือ?“ซู ฉิง เริ่มสงสัย
“เจ้าหน้าที่ซู ได้เข้าร่วมการทดสอบระดับจักรพรรดิเมื่อ 4 ปีก่อน ท่านเข้าสู่สภาและได้เป็นขุนนางหลวงขององค์จักรพรรดิ มองไม่เห็นหรือว่าใครส่งก่อน?” หนานกง เฮา ชี้ไปทาง ฟาง เจิ้งจือ
ซู ฉิง ตกตะลึง
เจ้าหน้าที่ทุกคนยกเว้นองค์จักรพรรดิก็ผงะไปทันที
“ไม่เห็นหรือว่าใครส่งก่อนงั้นรึ?“่
พวกเขารู้ว่า หนานกง เฮา พูดอะไรและรู้อีกว่าเขาหมายถึง ฟาง เจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถทราบได้ว่าทำไม หนานกง เฮา ถึงพูดอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องเล็ก เป็นแค่เรื่องการส่งข้อสอบ
ถ้าขุนนางหลวงจะปิดผนึกข้อสอบก็เป็นไปตามลำดับความสำคัญที่แตกต่างกัน คนส่วนใหญ่ก็ไม่คัดค้านอะไร
หนานกง เฮา เป็นคนขี้ขลาดไหม?
เห็นได้ชัดว่าไม่
นั่นหมายความว่า หนานกง เฮา ต้องการทำแบบนี้
อีกความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในจิตใจของเจ้าหน้าที่ ถ้า หนานกง เฮา ตั้งใจพูดแบบนี้ งั้นเขาต้องการส่งข้อสอบหลัง ฟาง เจิ้งจือ งั้นหรือ?
ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม ซู ฉิง มีปฏิกริยาอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขาได้เจอกับ หนานกง เฮา ครั้งแรกที่เขาเจอกันคือในระดับจักรพรรดิ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องเผชิญหน้ากับ หนานกง เฮา
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
มันมีข้อแตกต่างกันระหว่างกันระหว่างอันดับ 1 และอันดับ 2 มันเป็นช่องว่างที่ค่อนข้างมาก
ซู ฉิง รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ถึงแม้เขาจะเป็นผู้คุมสอบ แต่เขาก็ต้องโค้งคำนับเป็นเชิงขอโทษให้ หนานกง เฮา
จากนั้นเขาก็หันไปโค้งคำนับ ฟาง เจิ้งจือ
” เจ้าหน้าที่ฟาง โปรดรับคำขอโทษของข้า ข้าได้ทำข้อผิดพลาดไปแล้ว!” ซู ฉิง เดินไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และเตรียมที่จะปิดผนึกข้อสอบ
มีมือหนึ่งหยุดเขาระหว่างทาง
เป็นมือของ ฟาง เจิ้งจือ
อะไรอีกละ?
ซู ฉิง ด้วยตาลุกวาว แต่เขาก็พยายามควบคุมมันไว้
“เจ้าหน้าที่ฟาง ท่านยังไม่คิดจะส่งกระดาษคำตอบงั้นหรือ?“่
“ข้ายังคงต้องการจะส่งกระดาษคำตอบ แต่เจ้าหน้าที่ซู ลืมบางอย่างไปหรือไม่?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปยัง ซู ฉิง เรียบๆจากนั้นก็มองไปที่ หนานกง เฮา
“ข้าพลาดอะไรไปงั้นหรือ?” ซู ฉิง พยายามสงบสตอารมณ์
“เจ้าหน้าที่ซู เข้าร่วมการทดสอบระดับจักรพรรดิเมื่อ 4 ปีก่อน เจ้าได้เข้าสู่สนามและก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้ส่งสารของจักรพรรดิ จานกนั้นท่านก็กลายเป็นขุนนาง ท่านอยู่ใกล้ใครมากกว่า“่
“ท่านหมายความว่าอะไร?” ความรู้สึกของ ซู ฉิงดำมืดลงทันที
“ท่านซู อยู่ใกล้ หนานกง เฮา แต่ท่านเลือกที่จะหันไปมองรอบๆเพราะสิ่งที่เขากล่าว มันเห็นได้ชัดเจนว่าท่านไม่มั่นใจ ท่านไม่เลือกที่อยู่ใกล้ๆ แต่กลับมาหาข้าที่ไกลกว่า มันดูไม่ใช่เรื่องที่มีประสิทธิภาพเลย ถ้าเป็นแบบนี้ข้าสงสัยว่าท่านจะจัดการเรื่องที่ซับซ้อนในโรงเรียนได้ยังไงกัน ข้าเป็นกังวลมาก!” ฟาง เจิ้งจือ พูดด้วยความกังวล
ชีวิตนั้นราวกับการแสดง
องค์จักรพรรดิเป็นักแสดงที่ยอดเยี่ยม เขาจึงใช้โอกาสนี้แสดงความสามารถด้านการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาบ้าง
แล้วทำไมเขาต้องทำให้เรื่องมันยากกับเจ้าหน้าที่ซูด้วย
เขาทำมันด้วยความตั้งใจ
เหตุผลละ?
มีอยู่ 2 เหตุผล อย่างแรกคือเขาปล่อยให้ ซู ฉิง เก็บข้อสอบเขาไป เขาก็แพ้ หนานกง เฮา ต่อให้เขาจะได้เปรียบก็ตาม
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นอาจไม่เข้าใจ แต่ ฟาง เจิ้งจือ รู้ดี
ก่อนที่ หนานกง มู่ จะจากไป เขามาหา ฟาง เจิ้งจือ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ ฟาง เจิ้งจือ จำประโยคนึงได้
“เขาจะมาหลังจากข้าไป!“่
ในตอนนั้น ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจาก หนานกง เฮา ประกาศการเข้าร่วมในการทดสอบระดับสภา เขาก็เข้าใจ
ความท้าทายของ ฟาง เจิ้งจือ ที่มีต่อ หนานกง เฮา
จุดประสงค์ที่ หนานกง เฮา มาก็คือกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลหนานกงกลับมาอีกครั้ง การส่งข้อสอบหลัง ฟาง เจิ้งจือ นั้นเป็นหลักฐานของเรื่องนี้
แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไง ความจริงก็คือ หนานกง เฮา เขียนนโยบายเสร็จภายในเวลาสั้นๆ
และ หนานกง เฮา ได้ใช้กลยุทธ์ดำเนินการอย่างไม่น่าเชื่อ
ตามปกติคนแรกที่ส่งข้อสอบจะเป็นคนที่ได้เปรียบ
อย่างไรก็ตาม หนานกง เฮา ได้พูดถึง ฟาง เจิ้งจือ มันทำให้ตัวเขาเป็นที่จับจ้อง นี่เป็นวิธีที่เขาแสดงให้เห็นว่าใครอยู่เหนือกว่า
หนานกง เฮา จะไม่ยอมให้ตัวเองเสียประโยชน์ในการสอบด้านปัญญา
ถ้า ฟาง เจิ้งจือ กำลังจะท้าทาย หนานกง เฮา การเริ่มทำในตอนนี้เป็นสิ่งที่ดี
โดนใช้ ซู ฉิง เป็นเครื่องมือ
แล้วทำไมเขาถึงต้องข่มขู่ ซู ฉิง… นั่นเป็นเหตุผลที่สอง ซู ฉิง นั้นมีหน้าที่หนาพอจะทนมันได้
ที่สำคัญ ซู ฉิง ได้ประกาศสงครามกับ ฟาง เจิ้งจือ จากการแสดงของเขาก่อนหน้านี้แล้ว
มันเป็นเวลาที่เหมาะสมของ ฟาง เจิ้งจือ ที่จะยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่า …
ฟาง เจิ้งจือ ทำแบบนี้ด้วยความตั้งใจ
อย่างไรก็ตามคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นดูสมเหตุสมผลอย่างมาก เขายังใช้คำพูดของ หนานกง เฮา ทำให้มันหักล้างได้ยาก
ที่สำคัญมันเป็นการเชือดเฉือนกันที่ลึกมาก
ซู ฉิง อยู่ในตำแหน่งนี้เพียงเพราะองค์รัชทายาทสั่ง ไม่มีการอนุมัติอย่างชัดเจนขององค์ตจักรพรรดิ ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ กำลังตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถของเขาต่อหน้าองค์จักรพรรดิ
การใช้คำพูดของ หนานกง เฮา มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ ซู ฉิง ตอนนี้ตำแหน่งเขาเขานั้นอยู่ในอันตราย แล้วคงยากที่จะเลื่อนขั้น
“ชั่วร้ายมาก!“่
“โหดเหี้ยมสุดๆ!“่
พวกเขาไม่เคยเห็น ฟาง เจิ้งจือ เป็นภัยคุกคามมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะมีพรสวรรค์เท่าไร แต่เขาก็เป็นเพียงชาวบ้านที่ต่ำต้อย
ไม่มีใครกลัวเขาจริงๆ
เจ้าหน้าที่ทุกคนคิดว่าพวกเขาจะควบคุม ฟาง เจิ้งจือ ได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นสิ่งที่เขาทำกับ ซู ฉิง พวกเขาอ้าปากค้าง ใครกันแน่ที่ไม่มีความรู้ด้านการเมือง?
ฟาง เจิ้งจือ เป็นตัวอย่างที่สำคัญ
ความรู้สึกของ ซู ฉิง มืดมัวทันที เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน 4 ปีก่อน เขาแพ้ หนานกง เฮา ในการทดสอบระดับจักรพรรดิ
เขาเลิกฝึกฝนและเลือกทำหน้าที่ในสภา
เขารู้ความจริงว่า หนานกง เฮา จะไม่เข้าสู่สภาและยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ก่อหน้านี้เขาไม่แน่ใจว่าคำพูดของ หนานกง เฮา นั้นหมายความว่ายังไงอย่างไรก็ตามคำตอบของ ฟาง เจิ้งจือ ชี้แจงทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา
พวกเขาสองคนใช้ตัวเขาเป็นเหมือนฟมากตัวหนึ่ง!
นอกจากนี้พวกเขาทำโดยไม่คิดถึง ซู ฉิง เลย
ซู ฉิง ไม่อาจทนรับความอัปยศนี้ได้
ความคิดมากมายพรั่งพรูออกมา เขารู้ดีว่าเขาต้องแก้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุดอนาคตของเขาอาจถูกทำลาย
นั่นหมายความว่าแผนการของเขาจะล้มเหลว
เขารู้ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถปฏิเสธ ฟาง เจิ้งจือ ได้ <