วันถัดมาเจ้าหน้าที่หลายคนต่างตื่นแต่เช้าเพื่อรอรุ่งสาง
“พวกเจ้าไปกันได้แล้ว” เสียงกระหึ่มดังขึ้นทั่วห้อง จากนั้นร่างในชุดขาวก็เดินเข้ามาผ่านประตู
“องค์จักรพรรดิไม่ได้มา?“่
“ขันทีเว่ย รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?“่
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง
ตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราช น้อยครั้งมากที่เขาจะขาด ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนสงสัยว่ามีเรื่องสำคัญอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
“ข้าเองก็ไม่รู้” ขันทีเว่ยยิ้มพร้อมส่ายหัว แต่เขาไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะออกไป
“ขันทีเว่ย เป็นผู้ช่วยส่วนตัวขององค์จักรพรรดิ แม้ว่าท่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิอยู่ที่ไหน? ช่วยบอกพวกเราหน่อยได้ไหม?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามขึ้นมาเมื่อเห็นขันทีเว่ยยังยืนอยู่
“ในเมื่อเจ้าหน้าที่หลี่ถาม ข้าจะบอกความจริง องค์จักรพรรดิทรงใช้เวลาทั้งคืนในหอพิพากษา เขายังคงอยู่ที่นั่น แต่ข้าไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมเขาไม่มา”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากท่านขันที!” เจ้าหน้าที่หลี่มองไปที่แขนเสื้อของขันที่เว่ย จากนั้นก็โยนเหรียญเงินไป
” เจ้าหน้าที่หลี่ไม่ต้องสุภาพเกินไป องค์จักรพรรดิยังคงต้องการให้ข้าอยู่ด้วย ข้าต้องไปแล้ว “ขันทีกล่าวอย่างสุภาพขณะที่เขาโค้งคำนับและจากไป
ด้วยความรวดเร็ว ภายในห้องตกอยู่ในความวุ่นวาย
“องค์จักรพรรดิอยู่ในหอพิพากษา?“่
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับทำสิ่งนั้นนี่ องค์จักรพรรดิทำอะไรอยู่กันแน่?“่
“หรือเขายังคงตรวจข้อสอบอยู่? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ให้พวกเราอ่านกระดาษคำตอบ “
“ที่เจ้านหน้าที่ซุน พูดก็มีเหตุผล แต่ทำไมองค์จักรพรรดิต้องอ่านกระดาษคำตอบที่นั้นแทนที่จะเป็นหอสมุดหลวง?“่
“ข้าเกรงว่าองค์จักรพรรดิจะให้ความสำคัญกับการทดสอบระดับสภามากกว่าที่เราคาดคิดไว้ การที่เขาตรวจข้อสอบกว่า 200 ฉบับด้วยตัวเองเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้”
“ท่านรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ยู่ ยี่ปิง คิดเช่นไรกับเรื่องนี้?“่
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างเงียบและมองไปที่ ยู่ ยี่ปิง
“การเดาความตั้งใจขององค์จักรพรรดิไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรทำ ผลการทดสอบจะประกาศในอีก 4 วัน โดยปกติองค์จักรพรรดิจะพบกับผู้ได้คะแนนสิบอันดับแรกก่อนประกาศผล ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือรอ ” ยู่ ยี่ปิง จิบชาของเขาและตอบอย่างเรียบๆ
“ท่านพูดถูกต้อง!“่
“ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็ควรจะรอ”
“เจ้าหน้าที่หวัง ข้าได้ยินว่าท่านได้หยกสีเลือดที่ปราณีตมา ภายใต้แสงอาทิตย์ราวกับมีดอกไม้เลือดอยู่ภายใน ให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?“่
“หยกสีเลือดนั้นไม่ใช่หยกที่หายากที่สุดมันปรากฎขึ้นแทบทุกศตวรรษ เจ้าหน้าที่หวัง อย่าขี้งกไปหน่อยเลย!“่
“ฮ่าฮ่าฮ่า … ข้าเองก็ได้รับมันมาโดยบังเอิญเช่นกัน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ฉินและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆอยากดูมัน ข้าจะเตรียมเครื่องดืมที่บ้านของข้าไว้ ข้าหวังว่าทุกท่านจะแวะไป”
“พวกเราจะไปที่นั่นแน่นอน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินออกจากห้องไป
ยู่ ยี่ปิง ลุกขึ้นและหันไปมองทางหอพิพากษา เขาขมวดคิ้ว “หอพิพากษางั้นหรือ?“่
…
ฤดูหนาวกำลังจะมาถึง ใบไม้ปกคลุมไปทั่วเมืองราวกับเกราะสีทอง พวกมันกองกันราวกับพรมสำหรับคนที่เดินเหยียบมัน
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้เป็นเวลา 3 วัน อีกเพียงวันเดียวจะถึงวันประกาศผล ผู้คนต่างถกเถียงกันอย่างร้อนแรง
เมืองหลวงนั้นรวมคนไว้มากมาย พ่อค้า ชาวบ้าน หรือใครก็ตาม
ทุกคนล้วนทำงานกัน ถ้ามีใครไม่ทำอะไรตั้งแต่วัยรุ่น ก็เท่ากับชีวิตของเขาช่วงนั้นเสียเปล่า
ยิ่งอายุน้อย ก็ต้องยิ่งรับความเสี่ยงได้มากเท่านั้น
สำหรับผู้เยาว์ในเมืองหลวง นี่เป็นข่าวดีสำหรับพวกเขา! พวกเขาแค่ใช่ชีวิตไปอย่างสนุกสนาน
เหวิน เต๋าเปา เองก็กระตือรือร้นกับเรื่องดอกไม้ไฟ แม้ว่าเขาจะชอบใช้ชีวิตเช่นคนชั้นสูง แต่เขาก็ไม่เชี่ยวชาญอะไรสักด้าน
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หยุดเขาให้แสวงหาชีวิตอันหรูหราฟุ่มเฟือย
เขาตัดสินใจเพื่อนที่เป็นอัจฉริยะ จากนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนที่ผู้คนให้ความนับถือ
อย่างเช่น ฟาง เจิ้งจือ
นอกจาก ฟาง เจิ้งจือ แล้วนั้น เหวิน เต๋าเปา ก็ไม่เจอคนอื่นอีก
วันนี้ ฟาง เจิ้งจือ ค่อนข้างเบื่อ เขาได้ลองชิมอาหารในเมืองมาทั้งหมดแล้ว เขาได้เห็นแทบสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง
ชีวิตปกคิของเขามักใช้ไปกับการเที่ยวเล่นและดื่มกิน
เขาทำทุกอย่างได้เพื่อความสนุกสนาน เขาเคยอ่านว่าดอกไม้ไฟในโลกนี้แตกต่างจากในโลกของเขา
ในช่วงราชวงศ์หมิง ริมน้ำในเขตเมืองหลวง ผู้คนมักรวมตัวกันเพื่อทำเรื่องสนุก
พวกเขาไม่ได้ขายเรือนร่างแต่ขายศิลปะ มันเป็นความงามของดอกไม้ไฟโบราณ
ฟาง เจิ้งจือ หลังจากมองไปที่ เหวิน เต๋าเปา เขาก็หันไปมอง เหยียน ซิว ที่กำลังดื่มด่ำกับชาอยู่
เขารู้สึกแปลกใจที่ เหยียน ซิว ตอบตกลงมาด้วยโดยไม่ลังเล
อันที่จริงเขาไม่ควรตัดสินหนังสือจากปก ความต้องการของผู้คนในโลกนี้ไม่ได้ต่างไปจากโลกก่อนของเขา
“เจ้าจะไปดูดอกไม้ไฟ? เจ้ากล้าทิ้งข้าไว้ได้ยังไงกัน?” ปิง หยาง ปรากฎตัวขึ้น ขณะที่พวกเขากำลังจะออกเดินทาง
“ไม่ใช่ดอกไม้ไฟจริงๆสักหน่อย!” ฟาง เจิ้งจอ หน้าขึ้นสี เขารู้สึกอายมาก ราวกับเขาถูกจับได้ที่นอนกับหญิงอื่น
“โอ๊ย … ข้ารู้ว่าเจ้าไปดื่มและฟังเพลง เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้หรือไงกัน? ข้ารู้จักพวกเขาดีกว่าเจ้าเสียอีก!“
“เจ้าเคยไปที่นั่นแล้วเหรอ?!” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกราวกับโลกรอบตัวเขาพังทลายลง ปิง หยาง ยังเด็กกว่าเขา!
นางจะคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ได้ยังไง?
นางไปที่นั่นตอนอายุเท่าไร?!
ใครพานางไป?!
“แน่นอนว่าข้าไปที่นั่นเพื่อฟังเพลง ตั้งแต่ตอนที่ข้าอายุ 6 ขวบ กับท่านตา” ปิง หยาง กล่าวด้วยท่าทีเหนือกว่า
“ท่านตา?“่
“ราชาหลี่ ฉิน! เจ้าไม่ใช่เคยเจอเขามาแล้วหรอกรึ?“่
“เขางั้นหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ นึกว่าเขาเป็นเพียงชายชราคนหนึ่งที่อยากชมดาบ เขาไม่คิดว่าชายชราแบบนั้นจะมีจิตใจสกปรกพา ปิง หยาง ตอนวัยเยาว์ไปที่แห่งนั้นด้วย
ชั่วร้ายมาก
ทั้ง 4 คนเดินไปยังจุดหมายปลายทาง
เหวิน เต๋าเปา กระตือรือร้นมาก เขาไม่คิดว่า ปิง หยาง มาด้วยเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แม้แต่ เหยียน ซิว ก็มีท่าทีสงบ
ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนเดียวที่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่จะพาองค์หญิงไปด้วย
เขาสงสัยว่าองค์จักรพรรดิจะคิดยังไงถ้ารู้
…
แม่น้ำชินหวยไหลผ่านเมืองหลวงเพียง 10 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตามมีถนนอยู่ขนาบแม่น้ำเกือบตลอดทางพร้อมกับโคมไฟอันสว่างไสว มันค่อนข้างต่างจากสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ คิดไว้
สถาปัตยกรรมที่นี่ค่อนข้างเก่าแต่ก็งดงามภายใต้หลังคาประดับตกแต่งด้วยภาพวาดและบทกวี เสียงเพลงอันไพเราะลอยมาตามถนน
มีทั้งเสียง กู่ เจิ้ง ขลุ่ย…
“ข้าได้ยินมาว่าวันนี้คนที่มาที่นี้ล้วนมีแต่ผู็ฉลาดหลักแหลม!“ปิง หยาง กล่าวอย่างตื่นเต้น
“องค์หญิงฉลาดเหลือเกิน ไม่มีอะไรที่ท่านไม่รู้ การประกาศผลการทดสอบเป็นพรุ่งนี้ คงมีคนจำนวนมากมาอยู่ที่นี่ในคืนนี้ ” เหวิน เต๋าเปา ตอบอย่างสุภาพ
ฟาง เจิ้งจือ กระพริบตาหาความเชื่อมโยงของสิ่งที่ เหวิน เต๋าเปา พูด
เหวิน เต๋าเปา ได้หันมาอธิบายพื้นที่แถบนี้ให้ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว เหมือนผู้นำทาง
“หอที่โด่งดังที่สุดที่นี่คือ’หอแห่งปัญหา’! คืนก่อนการประกาศผล ผู้เข้าร่วมสอบจำนวนมากต้องมารวมตัวกันที่นี่เพื่อถกเถียงเกี่ยวกับนโยบายกันที่นี่แน่นอน!“่
“ถกเถียงเกี่ยวกับนโยบาย?” ฟาง เจิ้งจือ ถามขึ้นมา
มันเหมือนกับการที่สอบเสร็จแล้วมานั่งถกเถียงกันอยู่หน้าห้อสอบในโลกเก่าเขา แต่ละคนจะเทียบคำตอบกัน หากเหมือนคนอื่นเขาก็จะมั่นใจมากขึ้น
พวกเขามาถึงทางเข้าหอแห่งปัญญา
มันเป็นหอสูงสามชั้นประดับด้วยโคมสีแดงทั้ง 8 ด้าน
ตรงกลางหอมีเขียนคำว่าหอแห่งปัญญาไว้ ใครก็ตามที่ไม่คุ้นเคยกับตัวอักษรศิลป์คงอ่านได้ยาก
“ยินดีด้วยนายน้อยวู่ ยินดีด้วย! องค์จักรพรรดิได้เรียกพบท่านเป็นการส่วนตัว ข้ามั่นใจว่าท่านต้องติด 1 ใน 10 อันดับแรกอย่างรวดเร็ว และด้วยความสามารถของท่านต้องได้เป็นผู้ชนะแน่นอน “
“ใช่ใช่ข้าเห็นด้วย ข้าได้ยินมาว่า ฟาง เจิ้งจือ ใช้เวลาไปกับการกินอาหารและดื่มเหล้า เขาไม่ถูกเรียกองค์จักรพรรดิ เขาคงจะไม่ติด 10 อันดับแรกแน่นอน “
“ข้าสงสัยว่า หนานกง เฮา ได้เข้าพบองค์จักรพรรดิหรือไม่?“่
“นั่นป็นคำถามงั้นรึ?“่
“ใช่ ข้าไม่เห็น หนานกง เฮา หลังจากที่สอบเสร็จ ราวกับเขาได้หายตัวไป”
ขณะที่พวก ฟาง เจิ้งจือ กำลังเข้ามาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากภายใน มันมาพร้อมกับเสียงเพลงจากกู่เจิ้ง
ตามด้วยเสียงขลุ่ย ผสมกลมกลืนทำให้เกิดความรู้สึกอันผ่อนคลาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า … ท่านทำได้ดีในการสอบ ขลุ่ยและเพลงนี้คงสำหรับท่าน Prev Next