วู่ เฟิง กล่าวพร้อมหันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ อย่างกระตือรือร้น
เหล่าอัจฉริยะทั้งหมดต่างตะลึงกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาได้สติอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะดูเหมือนว่า วู่ เฟิง มอบโอกาสทองให้ ฟาง เจิ้งจือ…
แต่ในความเป็นจริง…
มันเป็นการเอาคืน
วู่ เฟิง ถูก เหยียน ซิว หักหน้าไป นี่เป็นโอกาสที่เขาจะกลับมาเป็นผู้ชนะ
ไม่มีใครที่อายุน้อยกว่าอายุ 30 ปีแล้วกล้าพูดว่าเก่งด้านดนตรีกว่า วู่ เฟิง
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้า
ไม่ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะเก่งกว่าแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีทางดีเท่า วู่ เฟิง การที่จะได้หญิงสาวมาครอบครองนั้นขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ดวงตาของท่วงทำนองอมตะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ดวงตาของนางยังคงสดใสและเย็นชา
“นายน้อยวู่ ข้าไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ท่านพูดหรอก นอกจากนี้ข้ายังมีสถานะที่ต่ำต้อยกว่า ข้าจะเทียบกับผู้ที่ชนะการทดสอบระดับจักรพรรดิได้เยี่ยงไร อย่างไรก็ตามถ้านายน้อยฟาง ไม่รังเกียจข้าหวังว่าพวกเราจะได้บรรเลงเพลงร่วมกัน!“่
“ฮ่าฮ่าฮ่า … ท่วงทำนองอมตะ เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว มีเพียงคนไม่กี่คนที่จะได้ร่วมบรรเลงกับเจ้า ” วู่ เฟิง หัวเราะและหันไปหา ฟาง เจิ้งจือ” นายน้อยฟาง คงไม่พลาดโอกาสนี้ใช่ไหม?“่
เหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆเข้ามาร่วมวงทันที
“นายน้อยฟาง นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากเชียวนะ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้มีช่อเสียงเท่าเจ้า พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากได้ชื่นชมข้างๆ”
“นายน้อยฟาง เป็นผู้ชนะการทดสอบระดับจัรพรรดิ ตอนนี้เจ้ามีโอกาสได้บรรเลงเพลงร่วมกับท่วงทำนองอมตะแล้ว พวกเราอิจฉาเจ้ามาก”
เหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆต่างแสดงท่าทีอิจฉา
ปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุก
เชี่ยเอ้ย!
เขารู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดนตรีจริงๆ ไม่มีทางทางที่เขาจะหลงกลแน่นอน
เขาเลือกที่จะเมินเฉย
เขายังคงจิบชาและกินขนมขบเคี้ยว
เหล่าอัจฉริยะต่างลังเลเมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ ยังกินขนมอยู่ พวกเขามองหน้ากัน พวกเขาทั้งหมดคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ อาจจะไม่มีความรู้เรื่องเพลง ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบรับอะไร
มันค่อนข้างสมเหตุสมผล
ฟาง เจิ้งจือ มาจากหมู่บ้าน ต่อให้เขาจะเข้าสู่วิถีแห่งเต๋า แต่ดนตรีก็อาจจะหรูหราจนเขาไม่อาจเอื้อมถึง
“หรือนายน้อยฟาง จะไม่รูเรื่องดนตรี?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความดูถูก
“ไร้สาระน่า! นายน้อยฟาง ออกจะฉลาด เขาจะไม่รู้เรื่องเพลงได้ยังไงกัน?“่
“ใช่แล้ว! อย่าพูดจาไร้สาระอย่างนั้น!“่
มีสองเสียงโต้กลับมาทันที
อย่างไรก็ตาม พวกเขายิ้มเยาะเย้ย ฟาง เจิ้งจือ
ทุกคนในโลกนี้ที่ไม่รู้จักดนตรีและบทกวีล้วนมีแต่คนโง่
ต่อให้เขาจะฉลาดแค่ไหน แต่ก็เป็นได้แค่ตัวตลกเวลาเข้างานสังคม
สายตาของท่วงทำนองอมตะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ทันที
จากนั้นนางก็ขยับออกจาก วู่ เฟิง และเดินไปหา ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว
เหวิน เต๋าเปา ที่กำลังหนักอก ดวงตาเป็นประกายทันทีที่เห็นท่วงทำนองอมตะเดินเข้ามา ปากของเขาอ้าค้าง
“ท่วงทำนองอมตะ…เอ่อ …ยินดีที่ได้พบข้า เหวิน เต๋าเปา “
“สวัสดีนายน้อยเหวิน”
“ท่วงทำนองอมตะ ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา มาฟังเพลงที่ท่านบรรเลง… “
“เหวิน เต๋าเปา เจ้าช่วยหุบปากได้ไหม?” ปิง หยาง มองไปที่ เหวิน เต๋าเปา ด้วยความดูถูก
“… ” เหวิน เต๋าเปา ปิดปากด้วยความหวาดกลัว
“นายน้อยฟาง ข้าคือท่วงทำนองอมตะ ข้าขอถามเกี่ยวกับเครื่องดนตรีที่ท่านชำนาญได้หรือไม่? ข้าจะเตรียมไว้ให้ท่าน ” ท่วงทำนองอมตะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
“เปียโน เจ้ามีไหมละ?” ฟาง เจิ้งจือ ถามโดยไม่มองหน้าขึ้น
“เปียโน?” ท่วงทำนองอมตะถามด้วยความสงสัย
เหล่าอัจฉริยะต่างมองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยได้ยินเปียโนมาก่อน!
“เขาพยายามจะคิดขึ้นมาเองงั้นรึ?“่
ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“เปียโนเป็นเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดที่คิดค้นขึ้นในโลกตะวันตกโบราณ มันมี 88 เสียงและมีระดับสูง กลาง ต่ำ จากฝั่งซ้ายจะมีเสียงต่ำที่สุดทางฝั่งขวาจะเป็นเสียงที่สูงที่สุด ทำให้ท่วงทำนองที่เล่นมีได้มากขึ้น “ฟาง เจิ้งจือ อธิบาย
“โลกตะวันตก?!“่
“เขาพูดโลกตะวันตก? หรือว่า…”
“จะเป็นไปได้ยังไง?“่
เหล่าอัจฉริยะต่างงงเมื่อได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ พูด
ท่าทีของ เหยียน ซิว ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขามอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความอึกอักเล็กน้อย
ท่วงทำนองอมตะตกใจมาก แต่นางก็ได้สติอย่างรวดเร็ว
“นายน้อยฟางช่างอัฉริยะจริงๆ ท่านยังรู้เรื่องราวของฝั่งตะวันตก … ตัวข้าช่างด้อยความสามารถยิ่งนัก ข้าอยากจะฟังท่านเล่นเปียโนสักครั้ง แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องดนตรีเช่นนั้น ท่านสามารถเล่นเครื่องดนตรีชิ้นอื่นได้หรือไม่?“่
“ไวโอลิน เจ้ามีไหม? นี่ประมาณนี้ … ” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า จากนั้นเขาก็วาดรูปเปียโนลงบนกระดาษ
“มาจากทิศตะวันตกเช่นเดียวกันหรือไม่?” ดวงตาของนางเรืองรองเมื่อเห็นภาพนั้น
“ใช่”
“ข้าขอโทษจริงๆ ที่นี่ไม่มีเช่นกัน”
“แล้วเชลโล?“่
“ไม่มีทั้งหมด”
“เจ้าต้องมีกีตาร์สิ?“่
“เอ่อ…พวกเราไม่มี”
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาโบกมือด้วยความหงุดหงิด ความตั้งใจของเขาเห็นได้ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการเล่นดนตรี แต่พวกเขาแค่ไม่มีเครื่องดนตรีให้ข้าเท่านั้นเอง
เหล่าอัจฉริยะล้วนตกตะลึง
ไวโอลิน เชลโล่ กีตาร์ …
มันคืออะไรกัน?
พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
เจ้านี่พยายามเบี่ยงเบนความผิดออกไปจากตัวเขา!
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการไม่มีในโลกนี้
ทุกคนต่างโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะ ฟาง เจิ้งจือ สามารถอธิบายลักษณะของเครื่องดนตรีรวมถึงวาดรูปได้ทั้งหมด
วู่ เฟิง ไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไร้ยางอายเช่นนี้ เขาไม่เคยคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดถึงเครื่องดนตรีที่ไม่มีอยู่!
อย่างไรก็ตาม …
ไมว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไร้ยางอายเช่นไร แต่ความจริงก็คือเขาไม่สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือเชิญท่วงทำนองอมตะให้ร่วมบรรเลงกับเขา
ทุกอย่างยังอยู่ในความควบคุมของเขา
“ท่วงทำนองอมตะ ในเมื่อนายน้อยฟาง ไม่คิดจะร่วมบรรเลงกับเจ้า สนใจจะร่วมบรรเลงกับข้าไหม?” วู่ เฟิง โค้งคำนับให้นาง
เขาดูราวกับนักรบที่สวมชุดเกราะ
“ข้าได้ยินว่าท่านได้เรียนรู้ศาสตร์ที่แท้จริงในการเล่นดนตรีจากเซียนวารี ข้าว่าเพลงของพวกเราต้องกลายเป็นที่เล่าขานแน่นอน”
“ข้าสงสัยว่านายน้อยวู่ จะเลือกอะไร?“่
วู่ เฟิง ยิ้มและกระแอมเบาๆ “ข้าได้ยินมาว่าการเล่นผีผาของท่วงทำนองอมตะนั้นวิเศษเป็นอย่างยิ่ง เป็นเกียรติอย่างมากถ้ามีขลุ่ยเสริมไปด้วย”
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะหยุด วู่ เฟิง เขามาที่นี่เพื่อเพลิดเพลินกับดนตรี เขาไม่สนใจเรื่องของคนอื่นทั้งสิ้น
เขามองไปที่ท่วงทำนองอมตะ
โดยปกติแล้วท่วงทำนองอมตะต้องจากไปทันที
อย่างไรก็ตามนางไม่มีเจตนาที่จะจากไปแม้แต่น้อย
“ข้าขอโทษที่ไม่สามารถหาเครื่องดนตรีที่ท่านต้องการได้ จะเป็นอย่างไรถ้าข้านั่งดื่มกับท่านแทน?” ท่วงทำนองอมตะพูดขึ้นมา
วู่ เฟิง ตัวแข็งค้างไปทันที
เขาถูกเมิน?
เขาอยู่ผู้เป็นอันดับ 3 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง และนักดนตรีที่เป็นอัจฉริยะแห่งยุค! นอกจากนี้เขาพึ่งได้เข้าพบองค์จักรพรรดิมา
นั่นหมายความว่าเขาน่าจะเป็น 3 อันดับแรกของการทดสอบด้านปัญญา ถ้าไม่มีเรื่องผิดพลาดอะไร
มันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ชนะการทดสอบระดับจักรพรรดิ!
แต่มันเป็นความจริง เขาถูกเมิน
ท่วงทำนองอมตะ ไม่แม้แต่จะหันมามองเขา
เหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆก็ตกตะลึงเช่นกัน นับตั้งแต่ที่ท่วงทำนองอมตะเริ่มทำงานที่นี่นางไม่เคยชวนใครดื่มแม้แต่น้อย
ที่สำคัญกว่า…
นางไม่ผิด!
เครื่องดนตรีที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดไม่มีอยู่จริง! อย่าไปหลงกลเขา!
ทุกคนแทบจะกระอักเลือดออกมา