มีชายชุดดำสองสามคนวิ่งไปที่หอแห่งปัญญาเพื่อกระจายข่าวการทดสอบ
ในห้องอันเก่าแก่ มีหญิงในชุดดำนั่งอยู่หลังโต๊ะพร้อมกับถือจดหมายไว้ในมือ
“นายท่าน!” ไม่นานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตู จากนั้นคนรับใช้ก็ได้เดินเข้ามา
“มีอะไรงั้นรึ?” หญิงสาวในชุดดำถามเรียบๆ
“นายน้อยฟาง และ หนานกง เฮา ได้อันดับที่1ร่วม!” คนรับใช้ตอบและโค้งคำนับให้
“ที่1ร่วม?” หญิงสาวในชุดดำประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ข่าวนี้กระจายไปทั่วเมืองและหมู่บ้านรอบๆ” คนใช้รีบใช้ยืนยัน
หญิงในชุดดำพยักหน้าและมองไปที่หน้าต่าง ดวงตาของนางเปล่งประกาย “ข้าไม่คิดว่าเจ้าสารเลวนี่จะเสมอกับ หนานกง เฮา! กฎของการทดสอบถูกเปลี่ยนเพื่อเขาเลยหรือ?“่
“นายท่าน งั้นพวกเราควรทำยังไงต่อดีละ?“่
“ก็ทำตามแผนเดิม”
“แต่… นายท่านหอแห่งปัญญานั้นเจ้าของได้ลงแรงไปอย่ากหนัก รวมถึงยังเป็นแหล่งข่าวให้พวกเรา จะให้ทำแบบนั้นจริงๆหรือ… ” คนรับใช้หยุดเดินและพูดขึ้นมา
“เจ้ากำลังตั้งคำถามกับการตัดสินใจของข้างั้นหรือ?” หญิงในชุดดำขมวดคิ้ว
“ข้าไม่กล้า!” คนรับใช้รีบคุกเข่าทันที
“ข้าต้องการให้ทุกคนออกจากเมืองภายใน 15 นาที”
“รับทราบ!”
…
สายลมอ่อนๆพัดไปทั่วเมือง บรรยากาศรอบๆหอพิพากษาเต็มไปด้วยความตึงเครียด
องค์จักรพรรดิมองไปที่เหล่าผู้เข้าสอบ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ กลิ่นอายอันทรงพลังปะทุออกมาจากร่างเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่ไหน?!“่
“ฝ่าบาท ข้าได้ยินว่าเจ้าหน้าที่ฟางได้ไปชมดอกไม้ไฟ ข้าได้ยินว่าเขาใช้เวลายามค่ำคืนกับหญิงสาวชื่อดังที่หอแห่งปัญญา…”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดออกมา
“อะไรงนะ?” สายตาของจักรพรรดิเย็นเยียบทันที
“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ตื่น”
“ไร้สาระ!“่
“ข้าไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ยังหลับอยู่ ใบความเป็นจริงข้าคิดว่าเขาได้ออกจากหอแห่งปัญญามาแล้ว!” เสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้นมีร่างหนึ่งออกมาจากฝูงชน
เขาสวมชุดอันหรูหราและถือพัดอยู่ในมือ
“เหยียน ซิว ?!“่
ผู้เข้าสอบทุกคนรู้ในทันที
ทุกคนต่างกลั้นหายใจเพราะความโกรธขององค์จักรพรรดิ อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว ยังตัดสินใจก้าวออกมาข้างหน้า
เพราะว่าเขาคือ เหยียน ซิว
“นายน้อยเหยียน พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นเพื่อนของ ฟาง เจิ้งจือ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะพูดจาไร้สาระเพื่อปกป้องเขาได้!” เจ้าหน้าที่ต่างตกใจเล็กน้อยที่เห็น เหยียน ซิว เดินออกมา
เจ้าหน้าที่บางคนเองก็ส่ายหัวเบาๆ
“ข้าเชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ใช่คนที่จะมาสาย” เหยียน ซิว ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากคำพูดของเหล่าเจ้าหน้าที่
“ฮ่าฮ่า นายน้อยเหยียน… พวกเราอาจจะเชื่อเหตุผลอื่นๆ แต่บอกว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยมาสาย? พวกเราจะเชื่อได้ยังไง?“่
“แน่นอน พวกเรารู้ว่าเจ้ากำลังช่วยเขา อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ สาย”
“เจ้าลืมเรื่องที่โถงบัลลังก์แล้วงั้นรึ?“่
เจ้าหน้าที่หัวเราะเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มาสาย? แล้วตอนที่มีการประชุมหลังจากที่เกิดเรื่องที่โลกแห่งเซียนนั้นละ เขามัวแต่กินข้าวให้พวกเขาต้องนั่งรอ
เป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนลืม
“นายน้อยเหยียน เจ้ามีอะไรแสดงให้เห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้อยู่ที่หอแห่งปัญญา?” รัฐมนตรีกรมพิธีการก้าวไปข้างหน้า
ฟาง เจิ้งจือ ได้แสดงความเป็นศัตรูกับเขาตอนที่การแข่งขันล่าสัตว์
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาก้าวเท้าออกมา เขาก้าวออกมาเพราะรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ มีเหรียญตรา
เหรียญตราเพื่อไปที่กรมพิธีการ
เขาไม่รู้ว่าทำไมจักรพรรดิถึงมอบมันให้ ฟาง เจิ้งจือ …
แต่ถ้าเขาปล่อยให้ ฟาง เจิ้งจือ เข้าไป ผลที่ตามมานั้นต้องเกินกว่าที่เขาคาดเดาแน่นอน
“ไม่มี!” เหยียน ซิว ส่ายหัว
“ในเมื่อเจ้าไม่มีหลักฐานใดๆ เจ้าก็ไม่ควรก้าวเท้าออกมา? ต่อให้เจ้าจะมาจากตระกูลชั้นสูงแต่เจ้าก็ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ ” รัฐมนตรีพิธีการพยักหน้า
เหยียน ซิว เงียบ เขารู้ว่าการกระทำของเขาไม่เหมาะสม เขาอาจจะถูกลงโทษด้วยเรื่องนี้
แต่เขาจะไม่ก้าวออกมาได้ยังไงกัน?
เขาตัดสินใจที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา
“ไม่เป็นไร!“องค์จักรพรรดิโบกมือเมื่อเห็นว่า เหยียน ซิว เงียบลง” เหยียน ซิว รู้จัก ฟาง เจิ้งจือ ดี ข้าไม่แปลกใจที่เขาจะก้าวออกมา”
“องค์จักรพรรดิทรงมีเมตตา!” รัฐมนตรีกรมพิธีการกล่าวอย่างสุภาพ จากนั้นเขาก็หันไปหา
เหยียน ซิว “นายน้อยเหยียน เจ้าไม่ควรใช้ประโยชน์จากความเมตตาขององค์จักรพรรดิ เชิญเจ้ากลับที่เดิม”
เหยียน ซิว กัดฟันจับพัดในมือแน่น ความมุ่งมั่นมีอยู่ในสายตาของเขา
“ข้าขออนุญาติไปดู ฟาง เจิ้งจือ ข้ามั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องกับเขาแน่นอน!“่
เจ้าหน้าที่ทุกคนตกตะลึง
“นายน้อยเหยียน ต่อให้เจ้าจะมาจากตระกูลชั้นสูง แต่เจ้าไม่มีสิทธิที่นี่! เจ้าเป็นแค่ผู้เข้าสอบ!“่
“ปล่อยให้องค์จักรพรรดิตัดสินใจเอง นายน้อยเหยียน ควรกังวลกับตัวเองจะดีกว่า”
“นายน้อยเหยียน กลับเข้าไปในแถวเดี๋ยวนี้!“่
เจ้าหน้าที่ทุกคนเริ่มแนะนำ เหยียน ซิว พวกเขาไม่ต้องการเห็นคนที่จะมีอนาคตสดใสต้องมาสูญเสียมันไปเพราะเรื่องงี่เง่า
องค์จักรพรรดิกำลังโกรธอยู่ เขาละเว้น เหยียน ซิว เพราะมีสายเลือดของพวกขุนนางเท่านั้น การจะรนหาที่อีกไม่ใช่เรื่องฉลาด
“ข้าเองก็คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ คงไม่ขาดโดยไม่มีเหตุผล!” ทันใดนั้นอีกเสียงก็ดังขึ้นใกล้ๆกับเหล่าเจ้าหน้าที่
ทุกคนต่างตาค้าง
พวกเขาหันไปมองร่างที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าหอพิพากษา
เขาอยู่ในชุดสีขาวด้วยท่าทีอันเงียบสงบ
เป็น หนานกง เฮา ผู้ชนะการทดสอบด้านปัญญา เขาเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่หรือมีสายเลือดขุนนาง แต่เมื่อเขาพูดเจ้าหน้าที่ทุกคนกลับเงียบลง
เหตุผลนั้นเพราะ…
พวกเขาไม่รู้ทำไม หนานกง เฮา ถึงพูดเช่นนั้น
การที่ เหยียน ซิว พูดเพื่อ ฟาง เจิ้งจือ นั้นยังพอเดาได้ อย่างไรก็ตามท่าทีของ หนานกง เฮา นั้นพวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทำไมกัน? “
“หน่วยตรวจการหลวง” องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วขณะมองไปที่ หนานกง เฮา และ เหยียน ซิว
“อยู่ที่นี่แล้ว ฝ่าบาท!“่
“ไปที่หอแห่งปัญญาและนำตัว ฟาง เจิ้งจือ กลับมา!“่
“รับทราบ!”“่
พวกเขาตอบรับอย่างรวดเร็ว ทั้ง 5 คนพุ่งออกไปจากพระราชวังราวกับลูกศร
เหยียน ซิว มองไปที่คนกลุ่มนั้น
เขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถพูดได้ เขาก้มตัวให้องค์จักรพรรดิและเตรียมจะกลับไปที่เดิม
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับไปที่เดิม ก้าวมาข้างหน้า ” องค์จักรพรรดิท่าทีกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง
“ก้าวไปข้างหน้า?“่
“องค์จักรพรรดิจะทำอะไรกันแน่?“่
“การประกาศผล? หรือว่า…”
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตัวแข็งค้าง จากนั้นพวกเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
จากนั้น พวกเขาก็มองไปที่เจ้าหน้าที่กรมพิธีการด้วยความกระอักระอวน
พวกเขาเดาว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเหยียน ซิว เป็นชนชั้นสูงอย่างเดียวคงไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตามถ้า เหยียน ซิว อยู่ดันดับที่3 ของการทดสอบระดับสภา
สถานะของเขาจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆเองก็สับสนเช่นกัน เหยียน ซิว จะเป็นที่3?
เป็นไปได้ยังไงกัน!?
เหยียน ซิว เองก็ไม่ได้เข้าพบองค์จักรพรรดิเช่นกัน!
“อันดับที่3 เหยียน ซิว!” องค์จักรพรรดิยิ้มอย่างสนิทสนมเมื่อมองไปที่ เหยียน ซิว
“เป็นเหยียน ซิว จริงๆงั้นหรือ?!“่
“เหยียน ซิว อันดับที่3 !“่
“ไม่น่าเชื่อ! ทำไมคนที่ไม่ได้เข้าพบองค์จักรพรรดิถึงเป็น 3 อันดับแรก?”่
ทุกคนได้แต่ตกตะลึง
มันไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคิดอย่างสิ้นเชิง!
วู่ เฟิง หน้าซีด… เหยียน ซิว ได้อันดับที่3?!
วู่ เฟิง ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากกว่าเรื่องของ หนานกง เฮา และ ฟาง เจิ้งจือ เสียอีก
ตอนที่เขาอ่านหนังสือได้ เหยียน ซิว ยังเป็นเด็กที่รู้เพียงวิธีร้องไห้
ตอนที่เขาทำลายต้นไม้เล็กๆได้ เหยียน ซิว ยังคงทำได้แค่นั่งมอง
การที่ได้เป็นลูกศิษย์ของ 1 ใน 4 เซียนถือเป็นเรื่องที่ทำให้เขาภูมิใจ นอกจากนี้เขายังถาม เหยียน ซิว อยู่เสมอ “นายน้อยเหยียน เจ้าได้เรียนรู้อะไรจากหนังสือบ้าง?“่
“นายน้อยเหยียน ความคืบหน้าของเจ้าไปถึงไหนแล้ว? เข้าสู่ระดับไหนแล้วละ? ให้ข้าช่วยแนะนำไหม?“่
“นายน้อยเหยียน เจ้าฝืนไม่ได้นะ ต้องฝึกพื้นฐานให้แน่นเสียก่อน!“่
กว่า 10 ป