มีแสงสีแดงส่องสว่างขึ้นที่ประตูทางเข้าหอพิพากษา มันทั้งส่องสว่างและมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง
“เหยียน ซิว!“่
“นายน้อยเหยียน ท่านกำลังทำอะไรอยู่? นี่คือหอพิพากษานะ!“่
“สถานที่พำนักของจักรพรรดิแห่งอาณาจักร อย่าได้บุ่มบ่าม!“่
เจ้าหน้าที่ต่างผงะไป พวกเขาจ้องไปที่ เหยียน ซิว เขม็ง
ดวงตาของเขาเป็นสีแดง รอบร่างกายของเขาเต็มไปด้วยออร่าสีแดงเข้มมีน้ำวนสีแดง 2 จุดปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขา
“เต๋าแห่งอาชูร่า!“่
“เขาก้าวหน้าขึ้นมากในไม่กี่วันที่ผ่านมา?“่
“เต๋าแห่งอาชูร่าผสานระหว่างดีและชั่ว แม้จะเป็นเต๋าด้านดีแต่ก็เกิดจากความโกรธ เหยียน ซิว ถูกกระตุ้นจากความตายของ ฟาง เจิ้งจือ เขาจึงก้าวหน้ามากขึ้น แต่… “
“แต่อะไร?“่
“เหยียน ซิว มีประสบการณ์น้อยไปสำหรับเต๋าแห่งอาชูร่า ถ้าเขาไม่มีพื้นฐานที่ดีเขาจะถูกมันควบคุม จากนั้นเขาก็จะกลายเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย!“่
“เขาเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก! เขาเข้าถึงเต๋าแห่งอาชูร่าได้ตั้งแต่อายุ 16เราจะปล่อยให้เขาทำลายตัวเอง พงกเราต้องช่วย!“่
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดกังวลเมื่อมองไปที่ เหยียน ซิว
“นี่คือเต๋าแห่งอาชูร่าจริงๆหรือ?“่
“อายุ 16 ปี … เป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของการทดสอบด้านปัญญาระดับสภา … สามารถเข้าถึงเต๋าแห่งอาชูร่าได้ …ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้!“่
“ข้าคิดว่าถึงเราทั้ง 3 คนจะไปหยุดยั้งเขา ก็ยังไม่ไหว … “
“เป็นพลังที่แท้จริง”
ท่าทีของ วู่ เฟิง กลายเป็นน่าเกลียดมาก เขาเองเห็นชัดเจนที่สุดเพราะเขายืนอยู่ถัดจาก
เหยียน ซิว
กลิ่นอายที่ราวกับออกมาจากขุมนรก มันทั้งเย็นเยือกและเสียดแทง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอย
“เหยียน ซิว!“่
เหล่าผู้ที่ได้อันดับ 5 ถึง 10 ต่างก็ก้าวถอยไปพร้อมกับ วู่ เฟิง
มีเพียงคนเดียวที่ไม่ถอย
หนานกง เฮา
หนานกง เฮา ยังคงยืนอยู่ข้าง เหยียน ซิว ตามจริงแล้วเขาอยู่ใกล้ เหยียน ซิว กว่า วู่ เฟิง เสียอีก อย่างไรก็ตามเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายรอบตัว
ชุดคลุมสีขาวของเขากระพือไปตามสายลม
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ หนานกง เฮา ไม่ค่อยสงบเท่าไร ในความเป็นจริงมีแววตาของแฝงความตื่นเต้นเอาไว้
“เหยียน ซิว?“่
องค์จักรพรรดิหลิน มู่ไป่ โบกมือเบา ๆ
แสงสีทองพุ่งตรงไปที่หน้าผากของ เหยียน ซิว ในทันทีตอนนั้นเองดวงตาสีแดงของเขาก็หายไปทันที กลิ่นอายรอบๆตัวเขาเองก็หายไปเช่นกัน
“ขุนนางเหยียน ถ้าเจ้ายังเป็นกังวล จงมากับข้า ไปที่หอแห่งปัญญา!“่
ร่างของ เหยียน ซิว สั่นสะท้านเล็กน้อย เขามองไปที่จักรพรรดิและเจ้าหน้าที่รอบตัวเขา
เขาพยักหน้า
“ฝ่าบาท ตามกฎหลังการประกาศผล เราควรประกาศกฎการแข่งขันในรอบการต่อสู้ … ท่านต้องการจะไปที่หอแห่งปัญญางั้นหรือ?“รัฐมนตรีฝ่ายพิธีการซักถามเมื่อเห็น เหยียน ซิว ตอบรับ
“กฎตายตัว แต่เราปรับเปลี่ยนมันได้ ข้าจะไปที่หอแห่งปัญญาก่อน “
“รับทราบ!”“่
…
หอแห่งปัญญา เปิดมาหลาย 10 ปี มันกลายเป็นจุดเด่นในเมืองหลวง
ทั้งความรู้ ศิลปะมากมาย คือมูลค่าที่แท้จริงของหอ
ตอนนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่ากองขี้เถ้า
สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ของหอแห่งปัญญาที่งดงาม คือไม้ที่ถูแผดเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า
นอกจากนั้นยังมีศพที่ไหม้เกรียมอยู่ในกองขี้เถ้า เป็นไปได้ยากที่จะระบุตัวตนพวกเขา ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาว แต่ก็มีผู้ชายด้วย 2-3 คน
ยามและทหารจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบซากศพ พวกเขาถือหอกไว้ในมือป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้ามา
ตรงกลางของเหล่าทหารยาม
จักรพรรดิหลิน มู่ไป่ ยืนอยู่ตรงกลางซากที่พังทลาย ท่าทีของเขานั้นเคร่งขรึม
เจ้าหน้าที่ทุกคนยืนอยู่เบื้องหลังจักรพรรดิ พวกเขาจ้องมองสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในเมืองหลวง
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง?“่
“คงยากที่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่”
“อืม … น่าเสียดาย”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดพึมพำ
“ท่านพ่อ!“ตอนนั้นเองมีร่างสีแดงวิ่งตรงเข้าไป นางวิ่งฝ่าทหารยามเข้าไปยืนข้างองค์จักรพรรดิ
“ปิง หยาง เจ้าเองก็อยู่ที่นี่งั้นรึ?” จักรพรรดิพยักหน้า
“ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่ไหน? เขาอยู่ที่ไหน?“ปิง หยางถามอย่างจริงจังขณะที่นางจ้องมองที่องค์จักรพรรดิ
องค์จักรพรรดิไม่ได้ตอบ
ท่าทีของ เหยียน ซิว เองก็เช่นกัน มันเย็นเยือกราวกับอยู่ในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง
ไม่นานร่างที่หุ้มเกราะสีทองก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าองค์จักรพรรดิ
“ฝ่าบาทเราตรวจพบทีั้งหมด 36 ศพ ทุกคนถูกเผาเกินกว่าที่จะระบุตัวตนได้ เราสามารถระบุเพศของพวกเขาได้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะรู้ถึงตัวตนของพวกเขา”
“ระบุไม่ได้? แล้วสาเหตุของไฟไหม้ล่ะ?“จักรพรรดิขมวดคิ้ว
“พวกเราพบว่าเป็นการวางเพลิงจากภายใน ไม่ได้จากด้านนอก ” ทหารหุ้มเกราะทองคาดเดาได้
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้”
“รับทราบ!” ทหารหุ้มเกราะสีทองหายไปจากสายตา
“ท่านพ่อ ข้าได้ยินว่าวันนี้ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เข้าร่วมฟังผลการทดสอบ จริงงั้นหรือ?“ปิง หยาง ถาม
“ใช่เขาไม่มา” จักรพรรดิพยักหน้า
“มันเป็นไปไม่ได้เลย … เขาไม่มีทางทำแบบนั้น … เหยียน ซิว ฟาง เจิ้งจือ นอนอยู่ในหอแห่งปัญญาหรือไม่? ตอบข้ามา! เหยียน ซิว ทำไมเจ้าไม่พูด?“่
“พากำลังคนมาที่นี่!“่
“รับทราบ!“่
“ข้ามีคำสั่ง ข้าต้องการให้เจ้าค้นหา ฟาง เจิ้งจือ ทุกครัวเรือนในเมืองหลวง เจ้าห้ามหยุดหาจนกว่าจะพบตัวเขา!“่
“ร… รับทราบ ฝ่าบาท!“่
…
อากาศหนาวและแห้งแล้งพร้อมกับฝนตกเบาๆบนถนนของเมืองหลวง
มีคนเดินเท้าอยู่ตามถนนพวกเขาต่างไม่ได้สวมชุดกันฝนหรือแม้แต่กางร่ม พวกเขากำลังหาที่พัก
ทุกคนต่างถกเถียงกันเรื่องชะตากรรมของชายคนหนึ่ง
ชายคนนั้นคือ ฟาง เจิ้งจือ
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เขาได้อันดับแรกของการทดสอบด้านปัญญา ร่วมกับ หนานกง เฮา อย่างไรก็ตามเขาเสียชีวิตท่ามกลางกองเพลิง
ที่บ้านพักราชาต้วน เขาดูร่าเริงมากเมื่อเทียบกับ 2-3 วันที่ผ่านมา
ภายในหอสมุด ราชาต้วนแต่งตัวอย่างปราณีต เขายิ้มไปขณะที่จิบชาชั้นเลิศ
“ข้าดื่มแต่ชาทุกๆวันเพราะไม่รู้จะดื่มอะไร แต่วันนี้มันมีรสชาติที่พิเศษเหลือเกิน!“่
“ชามีรสชาติดีมากเพราะวันนี้เขากำลังมีเขาสุข”หนึ่งในเจ้าหน้าที่ออกความเห็น
“เจ้าก็พูดเกินไป ข้าไม่ได้มีความสุขอย่างที่เจ้าคิด ข้ามีความสุขเพราะองค์จักรพรรดิทรงสั่งให้เตรียบมความพร้อมเหล่าทหารเพื่อไปที่ดินแดนภูเขาทางใต้ “่
“ขอแสดงความยินดีนายท่าน ขอแสดงความยินดี!“่
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
…
บ้านพักขององค์รัชทายาทเองก็ดูมีชีวิตชีวาเช่นกัน เจ้าหน้าที่มากมาย พวกเขาต่างนำกระถางต้นไม้พันธุ์ต่างๆมาแสดงความยินดีให้กับองค์รัชทายาท
เจ้าหน้าที่มากมายอยู่ในห้องประชุมขององค์รัชทายาท
รัฐมนตรี ยู่ ยี่ปิง เองก็ยืนอยู่ด้านหน้า
“องค์รัชทายาท ท่านทรงได้รับมอบหมายให้นำทัพในครั้งนี้ ท่านสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อคุมกองทัพ!“่
“มันไม่เหมาะสมในกองทัพมีหลายคนที่จงรักภักดีต่อราชาต้วน หากพยายามเข้าควบคุมกองทัพอาจเกิดการกบฏได้ นอกจากนี้ ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะควบคุมกองทัพหรือไม่ ก็ไม่มีผลอะไร”
“เจ้าหน้าที่หลิว พูดถูก ยังไงก็ตามนี่เป็นโอกาสทองที่เราไม่ควรพลาด ข้าคิดว่าองค์รัชทายาทสามารถเปลี่ยนทหารบางส่วนให้ภักดีต่อท่านได้“่
“เจ้าหน้าที่หวังพูดถูก!“่
ตอนนั้นเองมีร่างๆหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา
“ท่านแน่ใจหรือว่า ราชาต้วนไม่ได้คิดทุกอย่างที่เราพูดคุยกันนี้ไว้ก่อนแล้ว? ข้าแน่ใจว่า
ราชาต้วนเตรียมรับมือไว้ทุกด้าน ฝ่าบาทท่านอาจจะตกอยู่ในอันตรายระหว่างการเดินทางครั้งนี้!“มีเสียงดังขึ้น
เขาสวมชุดเจ้าหน้าที่สีดำ เขาคือ ซู ฉิง
“อันตราย? ซู ฉิง เจ้าหมายความว่ายังไง? เจ้ากำลังจะบอกว่าราชาต้วนพยายามจะคุกคามองค์รัชทายาทรึ?“่