“ข้าเองก็ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ฟาง จะตาย” ขันที่เว่ย กระซิบ
องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น
“สถานที่จัดการทดสอบด้านการต่อสู้คือดินแดนภูเขาทางใต้ ข้าจะพูดคุยเรื่องนี้กับราชาของพวกเขา เป้าหมายหลักคือการแบ่งปันกลยุทธ์และฝึกซ้อมรบด้วยกัน!“่
“ข้าได้ส่งกองทัพไปทั้งหมด 100,000 คน!“่
“ข้ามีไม่กี่คำขอ หนึ่งอย่ารบกวนชาวบ้าน สองอย่าทำให้เกิดความเสียหายมากเกินไป สามอย่าฆ่าโดยไม่มีเหตุผล!“่
องค์จักรพรรดิหยุดพูดเล็กน้อย
“รับทราบ!” ผู้เข้าสอบทุกคนที่ยืนอยู่ด้านล่างตอบรับทันที
“กฎของการทดสอบนั้นง่ายมาก สถานที่สอบคือดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเจ้าสามารถตั้งกระโจมพักที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ถื่นเหยียน เยว่ ถิ่นฉือ ซุน ถิ่นราชสี และถิ่นวานรน้ำแข็ง ทั้ง4ถิ่นฐานคือพื้นที่สงคราม ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งสุดท้ายและการควบคุมดินแดน
“เข้าใจไหม?“่
“รับทราบ ฝ่าบาท!“่
“เดินทางได้!“่
กองทัพทั้ง 100,000 คนค่อยๆเดินไปข้างหน้า
บนกำแพงเมืององค์ชาย9กำลังมองกองทัพที่ค่อยๆห่างไปเรื่อยๆ เขาถอนหายใจ “เขายังไม่โผล่มาเลย เขาคงพลาดการทดสอบด้านการต่อสู้ ต่อให้เขาจะรีบตามไปก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ปิง หยาง เจ้าจะ … เดี๋ยวนะ? ปิง หยาง อยู่ที่ไหนกัน?“่
…
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หอแห่งปัญญาทำให้ข่าวกระจายไปทั่วเมือง ทำให้ทุกคนเกิดความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับ ฟาง เจิ้งจือ ?
เขาตายหรือยังมีชีวิตอยู่?!
การถกเถียงกันเริ่มทันทีหลังจากที่การประกาศผลนั้นสิ้นสุดลง
กองทัพได้เดินทางออกไปแล้วนั่นหมายความว่า ฟาง เจิ้งจือ ได้พลาดการทดสอบด้านการต่อสู้แล้ว เขาไม่ได้รับเหรียญจากกองทัพ รวมถึงไม่มีทหารใต้ควบคุม
ถ้าไม่มีทหารเขาจะเอาชนะผู้เข้าสอบคนอื่นๆได้ยังไง?
เขาจะปกป้องดินแดนของเขาได้อย่างไร?
ฟาง เจิ้งจือ อาจจะเป็นที่1ของการทดสอบด้านปัญญาการที่เขาขาดสอบต่อสู้ ก็เหมือนเขาได้ทิ้งโอกาสทองไปแล้ว มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะทำแบบนี้
มีเพียงเหตุผลเดียวที่ ฟาง เจิ้งจือ จะขาดสอบ
เกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับเขา
เขาตายแล้ว?
…
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ตายในทางตรงกันข้ามเขากำลังมีชีวิตที่สุขสบายอยู่ เขาอยู่ในสวนที่เต็มไปด้วยผลไม้และพืชพันธุ์อันหลากหลาย
ทั้งหมดล้วนหวานฉ่ำ
เขายังมีคนรับใช้ด้วย
เมื่อเขาต้องการจะฟังเพลง ท่วงทำนองอมตะก็จะปรากฎตัวขึ้นหน้าเขา
มันคือการใช้ชีวิตเยี่ยงราชาชัดๆ
แต่…
เขาไม่สามารถออกไปได้!
ฟาง เจิ้งจือ มองออกไปทั่วสวนอันกว้างใหญ่ที่ด้านข้างของบ้านพักมีคลองเล็กๆ เขายินดีกับชีวิตในตอนนี้มาก
วันนี้ท่วงทำนองอมตะใส่ชุดสีเขียวขณะนั่งอยู่ที่พื้นหญ้า นางราวกับจิตวิญญานที่เป็นอมตะ
“ข้าสอบไม่ผ่านจริงๆงั้นรึ?“่
“ใช่ ชื่อของท่านไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรก เกรงว่าใน 30 อันดับก็เช่นกัน ตามกฎของการทดสอบ คือท่านไม่ผ่าน!” ท่วงทำนองอมตะพยักหน้า
“เอาล่ะ …นายท่านของเจ้าบอกจะมาพบข้าในอีก 5 วัน นี่ก็ 5 วันแล้วไม่ใช่รึ?” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าพร้อมกับสั่นขาขณะยกมันขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
“นายท่านของข้าค่อนข้างยุ่ง บางทีท่านอาจจะต้องรออีก 2 วัน?” ท่วงทำนองอมตะหัวเราะเมื่อเห็นการกระทำอันไร้มารยาทของ ฟาง เจิ้งจือ
นี่ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของ ฟาง เจิ้งจือ กับนายท่านของนาง
แต่เพราะนางรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ เสมอกับ หนานกง เฮา ในการทดสอบด้านปัญญา
ไม่ว่าเขาจะดูไร้มารยาทขนาดไหน แต่เขาก็มีการศึกษา
การกระทำเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตัดสินคนนั้นว่ามีการศึกษาหรือได้รับการอบรมมาหรือไม่
“ไม่ว่าง?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ท่วงทำนองอมตะอย่างสงสัย
“ใช่” ท่วงทำนองอมตะพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ชื่อของนายท่านเจ้าคืออะไร?“่
“ท่านจะรู้เองเมื่อพบกับนายท่าน”
“โอ้ข้าเข้าใจแล้ว…วู่ จวีเอ๋อ นังแม่มด!ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าอยากให้ข้าปูพรมแดงให้ เจ้าถึงจะยอมเดินออกมาหรือไงกัน? หรือหน้าของเจ้าเหี่ยวย่นแล้วเลยไม่กล้าออกมา?” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า ก่อนจะตะโกนออกมา
“หนอย! ฟาง เจิ้งจือ เจ้ากล้าดียังไงมาว่าข้า?” เสียงแหลมๆดังขึ้นมาจากบนฟ้า จากนั้นร่างสีดำก็ปรากฎตัวต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ
นางสวมชุดกระโปรงสีดำ รองเท้าหนังปักด้วยทอง ผมสีดำของนางเปล่งประกาย
ผิวของนางขาวผ่องบนหน้าผากมีแต้มสีแดง นางช่างงดงาม
นางเกิดมาพร้อมองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยม
“นายท่าน!“ท่วงทำนองอมตะรีบลดหัวทันทีที่เห็น วู่ จวี้เอ๋อ
“อืม เจ้าไปได้แล้ว” วู่ จวี้เอ๋อ พยักหน้าให้ท่วงทำนองอมตะ
“รับทราบ นายท่าน” ท่วงทำนองอมตะจากไป
หลังจากท่วงทำนองอมตะจากไป วู่ จวี้เอ๋อ ก็หันมามอง ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นคนพาเจ้ามาที่นี่?”“่
“ข้าไม่ได้รู้จักคนมากมาย นอกจากนั้นเจ้าเป็นคนเดียวที่รู้วิธีการปฏิบัติต่อข้าดีๆ ” ฟาง เจิ้งจือ เหลือบมองนางก่อนจะเอาขาอีกข้างขึ้นมาบนโต๊ะ
“ฮ่าฮ่า …เจ้าฉลาดมาก งั้นบอกมาสิทำไมเจ้าต้องตะโกนเรียกหาข้า?” วู่ จวี้เอ๋อ ยิ้มออกมา
“เป็นข้าที่ควรถามเจ้าไม่ใช่รึ?” ฟาง เจิ้งจือ ถาม
“โอ้ คงใช่ ข้ารู้สึกเบื่อมาก เลยอยากให้เจ้ามาพูดคุยเป็นเพื่อน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่ผ่านการทดสอบระดับสภาและว่างมากตอนนี้” วู่ จวี้เอ๋อ กระพริบตาขณะที่นางล้อเลียน ฟาง เจิ้งจือ
“ข้าสอบไม่ผ่านจริงๆงั้นรึ?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่เชื่อ
“แน่นอน เจ้าหวังจะเป็นอันดับ1ทั้งๆที่เจ้ามีความรู้เล็กๆน้อยๆเท่านั้นรึ?” วู่ จวี้เอ๋อ ถามด้วยความดูถูก
“ข้าไม่คิดมากถ้าไม่ได้ที่1 แต่สอบไม่ผ่าน ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเจ้าบอกข้าไม่ผ่าน ข้าก็คงไม่ผ่าน คงไม่มีใครปากเสียเท่าเจ้าแล้ว!” ฟาง เจิ้งจือ พูดด้วยความดูถูกเช่นกัน
“เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับข้าได้ยังไง? หรือเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว? ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดีโดยเจ้าไม่เสียเงินสักบาทเลยนะ!” วู่ จวี้เอ๋อ แกล้งทำเป็นโกรธ
“โอ้งั้นรึ? งั้นข้าก็ควรจะขอบคุณเจ้าล่ะสิ?“่
“แน่นอน”
“ข้าขอบคุณเจ้าได้ แต่เจ้าต้องปล่อยข้าไปก่อน”
“ไม่มีทาง!“่
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะขังข้าไว้ในมิติพิเศษได้งั้นรึ?“่
“ใช่”
“เอาล่ะเจ้าชนะ ข้าติดอยู่ในที่เชี่ยๆนี่ งั้นเรามาแลกเปลี่ยนกันไหม? ข้าต้องทำอะไรเพื่อที่จะได้ออกไป” ฟาง เจิ้งจือ พยายามทำทุกอย่างในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ขวาน ดาบ กระบี่
เขาพยายามทุกอย่าง แต่ไม่มีประโยชน์
นอกจากนี้ สวนแห่งนี้ยังมีความซับซ้อนมาก มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาทางออกไป
ในโลกแห่งเซียน ฟาง เจิ้งจือ ใช้ดาบไร้ร่องรองเพื่อออกมา แต่มันกลับไร้ประโยชน์ที่นี่
“ข้อแลกเปลี่ยน? แน่นอน อยู่ที่นี่สักเดือนและข้าจะปล่อยเขาไป” วู่ จวี้เอ๋อ ยิ้มเมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ ยอมแพ้
“แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นละ?“่
“งั้นเจ้าก็เป็นคนใช้ข้าสักเดือนหนึ่ง” วู่ จวี้เอ๋อ แกล้งทำเป็นนึก
“อย่างอื่นละ”
“เจ้าต้องเข้าร่วมกับนิกายเงาของข้า เจ้าต้องสาบานว่าจะช่วยทันทีที่มีการร้องขอ!” ท่าทีของ วู่ จวี้เอ๋อ จริงจัง
“เข้าร่วม? ข้าจะได้ประโยชน์อะไรไหม?” ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองไปที่ วู่ จวี้เอ๋อ
“แน่นอน ใครที่เข้าร่วมสามารถขอได้ 3 อย่างจากนิกายเงา ทางนิกายจะพยายามทำให้สิ่งที่เจ้าขอเป็นจริง ” วู่ จวี้เอ๋อ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“ก็ดูยุติธรรมดี”
“เจ้าตกลง?“่
“ข้าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ”
“งั้น เท่ากับเจ้าจะเข้าร่วมนิกายเงา บอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา” วู่ จวี้เอ๋อ ค่อนข้างตื่นเต้น แต่นางก็พยายามสงบตัวเอง
“อย่างแรก เจ้าต้องจูบข้า!“่
“จูบเจ้า? ฮ่าฮ่า…ไปตายซะเถอะ!” วู่ จวี้เอ๋อ หัวเราะเยาะ
“ทำไมเจ้าถึงกลับคำพูดละ? ข้านึกว่าเจ้าจะพยายามสุดความสามารถเพื่อข้าเสียอีก? มนุษย์หนอช่างเชื่อใจไม่ได้?“่