ชายสวมหน้ากากคนหนึ่งถือมีดขึ้นมาใกล้ปากและค่อยๆเลียเลือดบนมีดเล่มนั้น ดวงตาของเขาวาววับด้วยความภูมิใจ
มันเป็นความเย่อหยิ่งจากข้างใน
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? ” หัวหน้าดินแดนกำลังรออยู่ ถอดเสื้อผ้ามนุษย์ทั้งสองคนนี้ออกและปลอมตัวเป็นพวกมันซะ!“ชายสวมหน้ากากอีกคนสั่งด้วยความเยือกเย็น
“รับทราบ!“ชายคนนั้นเก็บมีดลงและเปลี่ยนท่าทีเป็นแสดงความเคารพออกมาทันที
ลมพัดที่รุนแรงทำให้กลิ่นเลือกกระจายเข้าไปในป่า มันดึงดูดพวกสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันเห็นศพที่เปลือยกายอยู่…
“บรู๋ววว!“พวกมันพุ่งเข้าไปและจัดการศพนั้นจนเหลือแต่ความว่างเปล่า
ทั้ง 2 คนนี้จริงๆอาจจะเป็นลูกของขุนนางชั้นสูง แต่เมื่อพวกเขาตายก็เป็นได้แค่ศพเท่านั้น…
…
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่า วู่ จวี้เอ๋อ พาเขามาไกลมากจากเมืองหลวง ถ้าเขาจะกลับไปที่เมืองหลวงนั้นจะเสียเวลามากเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้นมันจะกลายเป็นไร้ความหมาย
เขาควรตรงไปที่ประตูผ่านภูเขา
อย่างไรก็ตามการกระทำของ วู่ จวี้เอ๋อ สร้างปัญหาใหญ่ให้กับเขา เขาไม่มีทหารในควบคุม
ไม่มีทหาร?
เขาจะเข้าร่วมการทดสอบระดับสภาได้ยังไง?
มันเหมือนเขาจะเล่นเสก็ตน้ำแข็งโดยไม่มีรองเท้าเสก็ต เล่นด้วยเท้าเปล่า?
เขาต้องสู้เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ?
ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องของเขาคงกลายเป็นตำนานแน่
เขาไม่รู้ว่าเขาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นที่ประตูผ่านเขา เขาสวมชุดสีน้ำเงินและขี่ม้าราคาถูกที่ระบุสายพันธุ์ไม่ได้อยู่
แน่นอนว่าเป็น ฟาง เจิ้งจือ เขามองไปยังสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ด้านหน้าเขา และมองไปยังทหารที่มีท่าทีจริงจัง
เขามีทางเลือกสองทาง
เขาสามารถหาผู้บัญชาการที่คุมป้อมบริเวณนี้ได้ เขาสามารถแนะนำตัวเองให้พวกเขาฟัง แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่ผู้บัญชาการ
ตัวเลือกที่สองคือเข้าไปยังดินแดนภูเขาทางใต้เพียงลำพัง
ก่อนที่จะตัดสินใจ ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าตัวเองควรหาอาหารดีๆทานก่อน เขาไม่สามารถเดินทางทั้งๆที่ท้องว่างได้
บริเวณดินแดนภูเขาทางใต้นั้นหาร้านอาหารอร่อยๆได้ยาก
ร้านอาหารต่างๆล้วนมีแต่เนื้อสัตว์
“เอานี้พึ่งฆ่าหมาดๆเลย! ตัดส่วนที่เจ้าจะกินไปได้เลย!“่
“เจ้าอยากจะเข้าไปข้างในงั้นรึ?“่
เสียงที่ดังขึ้นในตอนนี้แสดงให้เห็นว่าเมืองนั้นคึกคักแค่ไหน แต่ก็เทียบกับที่เมืองหลวงไม่ได้อยู่ดี
ฟาง เจิ้งจือ เลือกร้านอาหารดีๆที่มีคนกินเยอะๆ เขาเรียกพนักงานและสั่งอาหาร จากนั้นเขาก็เริ่มดื่มเหล่า
เขาเลือกมุมที่มีคนนั่งมากที่สุดเพื่อจะได้แอบฟังข่าวสาร
ร้านอาหารนั้นเป็นที่ที่ดีที่สุดในการรวบรวมข้อมูล
ยิ่งที่นั่งมากแค่ไหนข้อมูลที่ได้ก็มีมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อมีลูกค้าเดินเข้ามามาก หูของ ฟาง เจิ้งจือ ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ ส่วนมากพวกเขาพูดถึงการทดสอบต่อสู้
ฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆรวบรวมข้อมูลทุกอย่างเข้าด้วยกัน เขาค่อยๆเข้าใจการทดสอบขึ้นมาบ้าง
“อาณาจักรเซี่ยได้ส่งทหารจำนวน 100,000 คน”
“ผู้เข้าสอบแต่ละคนได้รับกำลังพล 2000 คน”
“องค์รัชทายาทได้ควบคุมกองกำลังสนับสนุนมาอีก 40,000คน”
“ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่จำนวนทหารที่เหลือและดินแดนที่ครอบครองได้!“่
ฟาง เจิ้งจือ จิบเหล้าและอาหารต่างๆขณะที่ฟังข่าว ขณะเดียวกันเขาก็หาวิธีที่จะใช้ในการทดสอบ
ปัญหาใหญ่สุดของเขาตอนนี้คือไม่มีทหาร เขาไม่สามารลุยคนเดียวได้ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุด
สิ่งที่กวนใจเขามากที่สุดคือ…
เป้าหมายของการทดสอบ!
มันเหมือนกับการทำข้อสอบ สิ่งแรกคือเขาต้องหาจุดประสงค์ของคำถามและผู้คิดข้อสอบต้องการ จะถามอะไร? เขาคิดอะไรอยู่?
การทดสอบระดับสภา
เป็นการทดสอบที่สำคัญที่สุดในอาณาจักรเซี่ย เป็นการทดสอบที่ต้องใช้พลังและสติปัญญามากที่สุด อย่างไรก็ตาเงื่อนไขนั้นง่ายๆ? ปกป้องดินแดนและรักษากองกำลังของตัวเอง?
ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมต้องมีทหารเป็นกำลังเสริมถึง 40,000นาย? พวกเขาคอยสนับสนุนอะไร?
รักษาความปลอดภัยของผู้เข้าสอบ?
ฟังดูมีเหตุผล แต่ก็ดูไม่น่าจะใช่
จากทั้งหมด ฟาง เจิ้งจือ เองก็ได้รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นที่ 1 ของการทดสอบระดับสภา วู่ จวี้เอ๋อ บอกเรื่องนี้กับเขา ก่อนที่เขาจะจากมา
การทดสอบด้านปัญญานั้นตั้งคำถามที่จะนำมาสู่สงคราม
นโยบายที่จักรพรรดิกำลังมองหาคือสงคราม!
มันแสดงให้เห็นถึงความคิดขององค์จักรพรรดิ!
สงคราม…
แล้ว…มันคงไม่ง่ายเหมือนการทดสอบ ต้องมีบางอย่างที่องค์จักรพรรดิไม่บอกต่อสาธารณะชน
นอกจากนี้ วู่ จวี้เอ๋อ ได้บอกเขาว่าดินแดนภูเขาทางใต้เกือบอยู่ภายใต้การควบคุมของปีศาจทั้งหมด!
นั่นหมายความว่าปีศาจยังควบคุมไม่ได้ทั้งหมด
บริเวณนี้ต้องเกิดสงครามอยู่อย่างแน่นอน ฟาง เจิ้งจือ เชื่อความเก่งกาจของนิกายเงา แต่เขาไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรเซี่ยจะโง่
การที่สภาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ไม่น่าเป็นไปได้
แต่ทำไมเขาถึงไม่ประกาศเรื่องนี้…
พวกเขาเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย ความเป็นไปได้อื่นๆคือองค์จักรพรรดิไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ สว่างขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“ข้าเข้าใจแล้ว! ” การทดสอบไม่ได้เรียบง่ายแบบที่คิด การปกป้องถิ่นฐานต่างๆนั้นก็เหมือนเป็นการบอกอ้อมๆให้ควบคุมพื้นที่เหล่านั้น
ขั้นแรกคือใช้การทดสอบด้านการต่อสู่เพื่อเป็นเหตุผลในการเข้าควบคุมพื้นที่ต่างๆจากนั้นก็ใช้พื้นที่เหล่านั้นเป็นฐาน ในกรณีที่เกิดเรื่องเลวร้าย พวกเขาสามารถสั่งล้อมเมืองภูเขาเซียนได้
ประการที่สอง …
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดไปไกล
เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่แย่มากนัก
อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ มั่นใจได้
ดินแดนภูเขาทางใต้ยอมให้อาณาจักรเซี่ยส่งทหาร 100,000 คนเพื่อควบคุมทั้ง 4 ถิ่นฐานหรือไม่พวกปีศาจจะเห็นด้วยหรือไม่?
ไม่อย่างแน่นอน
นี่เป็นการต่อสู้ในเงามืด จากคำพูดของ วู่ จวี้เอ๋อ คงมีผู้เข้าสอบน้อยรายที่จะรอดชีวิตจากการทดสอบ
มันไม่ใช่ว่าสภานั้นชั่วร้าย
ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด แต่ละผู้เข้าสอบจะมีรองแม่ทัพที่มีเหรียญตราลับอยู่ ที่สามารถทำให้เขาหยุดการทดสอบได้ทันที
คงเป็นเรื่องดีถ้าการทดสอบเป็นไปตามแผน
อย่างไรก็ตามถ้าเกิดเรื่องร้ายขึ้น รองแม่ทัพก็สามารถเข้าควบคุมกองกำลังได้ทันทีและกลายเป็นเพียง 1 กองกำลังที่มีทหาร 100,000 นาย
ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีอะไรแต่ทำได้เพียงแค่ชื่นชมองค์จักรพรรดิ
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ เขาสามารถเลือกโจมตีหรือป้องกัน ถ้าดินแดนภูเขาทางใต้อยู่ในความสงบ งั้นการทดสอบก็คงไม่มีอะไร
อย่างไรก็ตามถ้าฝ่ายนั้นทำเรื่องอะไรตุกติกขึ้นมาฝั่งนี้สามารถประกาศสงครามได้ทันที
ที่สำคัญ ประชาชทุกคนไม่ได้รับการแจ้งเตือน
ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้เป็นการทดสอบด้านการต่อสู้ โดยปกติไม่มีใครคิดถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมอาณาจักรถึงส่งทหารจำนวนมากไปที่ดินแดนภูเขาทางใต้
ฟาง เจิ้งจือ ยกแก้วขึ้นจิบ
เขาแสบคอเล็กน้อย
เป็นเหล้าที่แรงเอาเรื่อง
คอของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้แข็งมากก็เท่าคนทั่วๆไป
หลังจากเขาคิดถึงความต้องการขององค์จักรพรรดิแล้ว เขาก็คิดถึงตัวเอง เขาจะเป็นที่ 1 ได้ยังไงภายใต้สานการณ์เช่นนี้?
โดยไม่มีทหาร …
เขาไม่สามารถเข้าร่วมสู้รบแย่งชิงดินแดนได้ ดังนั้นเขาจะไม่มีคะแนน
ดังนั้นเขาต้องยืมทหาร?
แต่สิ่งที่เขาจะทำหลังจากนั้นละ?
เขาจะเข้าไปยังดินแดนเหล่านั้นแบบโง่ๆและคิดว่ามันเป็นเพียงการทดสอบแบบผู้เข้าสอบคนอื่นๆ?
มันจะเป็นการสะเพร่าเกินไป
เขาเป็นคนที่มีการศึกษา ทำไมเขาต้องทำเป็นโง่ด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้น เหยียน ซิว เองก็น่าจะรู้ความจริงเช่นกัน วู่ เฟิง ด้วยเช่นกัน สำหรับ หนานกง เฮา…
เขาสรุปได้ยาก
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยประเมิณคู่ต่อสู้ของเขาเลยจากการทดสอบด้านปัญญาและ หนานกง เฮา เสมอกับเขาแสดงให้เห็นว่า หนานกง เฮา ไม่ใช่คนธรรมดาๆ
ตอนนี้ หนานกง เฮา น่าจะกำลังมองไปที่เหรียญตราลับของรองแม่ทัพ
แล้วจากนั้นละ…
จุดนี้ก็จะเกิดปัญหาขึ้น
เขาจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะสอบได้ดีทั้งๆที่ยังสับสนเขาจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับผู้เข้าสอบคนอื่นๆทั้งหมดได้ยังไง?