“เดี๋ยวก่อน! ข้าแค่ทดสอบปฏิกริยาของพวกเจ้าเท่านั้น พวกเจ้าพูดถูก…ข้าเป็นทูต!” ฟาง เจิ้งจือ ยกมือขึ้นเขาไม่สามารถเอาชนะพวกคนเถื่อนได้ทั้งหมด เพราะพวกเขามีหมาป่าเขาเหล็กมากกว่าพันตัวและกองกำลังอีกมาก พวกเขาสามารถบดขยี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่สามารถวิ่งหนีได้เช่นกัน ดังนั้นเขาต้องหาทางเอาชีวิต
“งั้นบอกมาเจ้ามาที่นี่ทำไม” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาที่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างรวดเร็วโดยไม่เกรงกลัวอะไร
“ถ้าข้าฆ่าเจ้าตอนนี้ละ?” ฟาง เจิ้งจือ ลองหยังเชิง
“ข้าก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับขุนเขา เลือดเนื้อและกระดูกของข้าจะทำให้พืชพันธุ์เติบโตและอุดมสมบูรณ์ ข้าจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนนี้ตลอดไป!” ชายวัยกลางคนตอบอย่างภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น” ริมฝีปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเขารู้ว่าที่นี่เองก็มีความเชื่อ
พวกเขาใช้ความเชื่อบางอย่างเพื่อหลอมรวมผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียว
“งั้นเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร” ชายวัยกลางคนไม่คิดจะเสียเวลา
“ข้าสามารถบอกได้ แต่ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
“แล้วใครละที่เจ้าบอกได้?“่
“แน่นอน ว่าผู้นำของพวกเจ้า”
“ผู้นำ?“ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้าข้าเข้าใจแล้ว โปรดตามข้ามา!“่
ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม
เกิดอะไรขึ้น?
แผนของเขาสำเร็จแล้ว?
เขาจะได้เจอกับผู้นำของที่นี่ จากนั้นเขาก็จะได้คิดแผนการต่อ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเขาอาจจะต้องลักพาตัวผู้นำของที่นี่!
ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะ เขาวบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ ที่เขาต้องทำคือหาโอกาสหลบหนี
…
ตอนแรก ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าเขาคงถูกมัดไม่ก็เอาผ้ามาปิดตา อย่างไรก็ตามไม่มีเรื่องพวกนั้นเกิดขึ้น
เขาจึงเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
แต่เขาต้องตื่นตัวทันทีเมื่อออกจากป่า
มีหินที่สูงกว่าร้อยเมตรด้านหน้าเขา ด้านล่างของมันมีค่ายขนาดใหญ่อยู่ มันสร้างขึ้นจากไม้และใช้ใบไม้เพื่อพลางตา
มันค่อนข้างมองหาได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อมองจากที่สูง
นี่เป็นค่ายของกองทัพที่แท้จริง แต่ทำไมพวกเขาต้องมาตั้งมั่นอยู่ที่นี่ด้วย?
ฟาง เจิ้งจือ ต้องการจะหนี แต่เขายังไม่มีโอกาสเลย
เขากำลังถูกพาตัวไปยังกองกำลังหลักของดินแดนภูเขาทางใต้!
ชายวัยกลางคนพา ฟาง เจิ้งจือ เดินผ่านค่ายเข้าไปมากกว่า 15 นาทีแล้ว ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เห็นว่ากองกำลังของดินแดนภูเขาทางใต้เป็นยังไง
ทหารแต่ละคนมีผิวคล้ำและสวมเกราะหวายเหมือนกัน พวกเขาถือหอกที่มีขนาดใหญ่และยาวมาก
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เดินผ่าน ทุกคนต่าทำหน้าสงสัย แต่ไม่มีใครถามอะไรออกมา
ในที่สุดชายวัยกลางคนก็หยุดและคุกเข่าลงพึมพัมบางอย่างราวกับอธิษฐานขอพร
ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นและชี้ไปยังเส้นทางที่ทำด้วยไม้ด้านหน้าด้วยความเคารพ
“ท่านฑูต เชิญ!“่
“ขอบคุณ” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
ฟาง เจิ้งจือ พบบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากกระโจมด้านหน้ามันถูกปกคลุมไปด้วยใบพืชสีเขียวทึบหนา มีเสาตรงกลางที่ถูกแกะสลักอย่างงดงาม
ชายวัยกลางคนคุกเข่าให้รูปแกะสลักเหล่านี้
การป้องกันรอบๆกระโจมนั้นเข้มแข็งเป็นอย่างมากแต่ละด้านมีคนคุ้มกันมากกว่า 20 คน รวมคนที่เฝ้ารอบกระโจมอย่างน้อยก็ 100 คน
หลังจากพวกเขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ และ ชายวัยกลางคน
ผู้คุ้มกันที่หน้ากะโจมก็พูดขึ้นมา เขาชี้หอกมาที่ ฟาง เจิ้งจือ
“ชายคนนี้คือใคร?“่
“ทูต”ชายวัยกลางคนตอบอย่างสุภาพ
“ข้าเข้าใจแล้ว เชิญเข้าไปด้านใน” ทหารพยักหน้า จากนั้นเขาก็กลับไปยืนที่เดิม
ชาย วัยกลาง คนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเปิดกระโจมออกจากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ ฟาง เจิ้งจือ
เมื่อประตูกระโจมถูกเปิดออก ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินเสียงมาจากด้านใน ราวกับมีการถกเถียงกัน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไป
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เข้าไป ทั้งกระโจมก็เงียบลงทันที
ฟาง เจิ้งจือ เองก็เงียบเขาพบว่าคนที่อยู่ในกระโจมมีมากกว่าคนเดียว
มีผู้นั่งอยู่ข้างๆโต๊ะมากกว่า 20 คน
พวกเขาทั้งหมดแต่งกายแตกต่างจากทหารด้านนอก เกราะของพวกเขาซับซ้อนและมีส่วนที่เป็นหนังอีกชั้น
ที่สำคัญที่แขนของพวกเขามีแสงส่องออกมาจากๆ เมื่อดูชัดๆ ฟาง เจิ้งจือ พบว่าพวกเขาค่อนข้างประหลาด
แน่นอนที่ ฟาง เจิ้งจือ เงียบไม่ใช่เพราะมีคนอยู่ในกระโจมจำนวนมาก แต่เพราะคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ…
เป็นผู้หญิง
หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหนังสีทอง
ผิวของนางเปล่งปลั่งบ่งบอกว่าสุขภาพดี จุดสงวนของนางมีหนังสีขาวปกปิดเอาไว้
ขาของนางนั้นเรียวสวย นางเป็นผู้หญิงที่ชวนให้หลงไหลมาก
ที่ขาขวาของนางมีสายหนังเหน็บมีดสั้นไว้ 2 เล่ม
นอกจากชุดของนางจะแตกต่างจากคนอื่นแล้วนั้น บนหัวของนางยังประดับไปด้วยมงกุฎกระดูกและมีขนนก 5 สีอยู่บนนั้น
มันแสดงว่านางเป็นผู้มีอำนาจ!
“แปลกมาก?” ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองหญิงสาวด้านหน้าด้วยความชื่นชม
หญิงสาวนางนี้มีความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์
นางไม่ได้บึกบึนหรือหยาบกร้านแต่กลับงดงามเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม …
ฟาง เจิ้งจือ ยืนอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอ
ยังไงนางก็ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของที่นี่
มันเป็นเพราะวัฒนธรรมของดินแดนภูเขาทางใต้งั้นหรือ?
“องค์หญิง ข้าพาฑูตตัวปลอมมาแล้ว!” ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปและคุกเข่าลง เขาไม่กล้ามองนางตรงๆ
“อืม … เจ้าออกไปได้แล้ว” เสียงของนางดังขึ้น จากนั้นนางก็นั่งลง
ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปทันที
องค์หญิง?!
เขารู้คำนี้ดี เขาพึ่งไปกินหม้อไฟและดื่มเหล้ากับองค์หญิงนับ 10 คนมา
แต่ตอนนี้…
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน …
เขารู้ว่าเขาจบสิ้นแล้ว!
มีฑูตที่ไหนเรียกองค์หญิงว่าผู้นำกัน?
ทุกอย่างล้วนเป็นกับดักเพื่อล่อเขามาที่นี่ และตอนนี้เขาก็เหยีบเข้ามาในกับดักเรียบร้อยแล้ว
ฟาง เจิ้งจือ เริ่มเสียใจเขาควรจะฟัง วู่ จวี้เอ๋อ และไม่ควรมาที่นี่
แต่ตอนนี้…
เขาเป็นได้แค่เหยื่อเท่านั้น
พวกเขาจ้าเอาข้าไปย่างหรือทอดไหม?
ชายวัยกลางคนทำตามคำพูดของหญิงสาว หัวของเขาก้มโค้งตลอดเวลาขณะเดินออกจากกระโจม
ฟาง เจิ้งจือ ต้องรักษาความสงบไว้
มีคำพูดหนึ่งบอกไว้ว่า จงอย่าเคลื่อนไหวถ้าศัตรูไม่เคลื่อนไหว ถ้าศัตรูเคลื่อนไหว จงทำอะไรที่พวกมันจะคาดไม่ถึง!
“พวกเราสามารถพูดคุยกันก่อนได้ ท่านสามารถถามอะไรข้าก็ได้ ข้าจะบอกในทุกสิ่งที่ข้ารู้ ” ฟาง เจิ้งจือ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนและพยายามจะซื้อเวลาให้ตัวเอง
มีแต่ความเงียบ
หลังจาก ฟาง เจิ้งจือ พูดจบ
ทุกคนในกระโจมก็หัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง
“โอ้ย ไม่ไหวแล้ว!ฮ่าฮ่าฮ่า .. ข้าได้ยินว่าคนของอาณาจักรเซี่ยนั้นแข็งแกร่ง แต่ทำไมเจ้านี้กลับขี้ขลาดขนาดนี้กัน!” หญิงสาวที่นั่งหัวโต๊ะหัวเราะออกมาอย่างสดใส
“ช่างไร้ยางอายจริงๆ ขนาดพวกเรายังไม่พูดอะไร เขาก็เต็มใจจะทรยศอาณาจักรตัวเองแล้ว “
“คนแบบนี้ไม่มีค่าอะไร ควรฆ่าเขาทิ้งเลย”
“อืม เจ้าพูดถูก คนของดินแดนภูเขาทางใต้นั้นกล้าหาญ พวกเรามีภูเขาเป็นพวก มีต้นไม้เป็นเพื่อบ้าน แม้แต่พายุก็สนับสนุนพวกเรา คนขี้ขลาดนั้นไม่ควรจะเสียเวลาด้วย”
แม่ทัพทุกคนกล่าวด้วยความรังเกียจเมื่อได้ยินสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดยังไง
คนที่เขาสนใจมีเพียงหญิงสาวที่นั่งหัวโต๊ะเท่านั้น นางเป็นคนเดียวที่มีอำนาจสูงสุด เขาได้ทำสิ่งที่เขาต้องการสำเร็จแล้ว
ทำให้นางหัวเราะ
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เข้าจะได้ใกล้ชิดนางมากขึ้น
แน่นอนว่ามีเสียงหัวเราะหลายแบบ เพราะความตื่นเต้น เพราะอารมณ์ดี…
และเยาะเย้ย
ฟาง เจิ้งจือ ใช้วิธีที่ง่ายที่สุด มันไม่สำคัญว่าองค์หญิงจะเยาะเย้ยเขาหรือไม่
“ฝ่าบาท ไม่ต้องไปฟังคนพวกนี้ ข้านั้นมีประโยชน์มากมาย ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับกฎแห่งเต๋า นอกจากนี้ข้ายังรูเรื่อง โหราศาสตร์, บทกวี อืม….และแน่นอนข้าเองก็เป็นพ่อครัวที่ดีเช่นกัน! แม้แต่องค์จักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ยยังชอบอาหารที่ข้าทำ เขาให้รางวัลข้าเป็นเงินจำนวนหนึ่งด้วย ” ฟาง เจิ้งจือ เปิดเผยความสามารถของเขา
โดยการสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง
ต่อไปก็พยายามขายตัวเองให้น่าสนใจ แสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นประโยชน์ นั่นเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เขามีชีวิตรอด
“ชายคนนี้ไม่เพียงแต่ไร้ยางอาย แต่ยังขี้อวดด้วย”
“ความสามารถของเขาในการโอ้อวดก็ไม่เลว”
“้ข้าได้ยินมาว่าคนของอาณาจักรเซี่ยนั้นฉลาดแกมโกง ข้าคิดว่าคงจริง “
ทุกคนต่างเย้ยหยันทันทีเมื่อได้ยินที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดความรังเกียจของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ มีใครพูดชมตัวเองแบบนั้นกัน?
“ฮ่าฮ่า … น่าสนใจ เจ้าบอกเจ้าจำกฎแห่งเต๋าได้ งั้นข้าจะทดสอบเจ้า ถ้าเจ้าจำได้จริงๆ ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อ แต่ถ้าเจ้าผิดพลาดแม้แต่คำเดียวข้าจะตัดนิ้วเจ้าซะ Prev Next