ตอนแรก ฟาง เจิ้งจือ วางแผนที่จะใช้กำลังจัดการองค์หญิง พร้อมกับลักพาตัวนางไป พร้อมกับใช้นางเพื่อบังการโจมตีจากทหารนับพัน
แต่ตอนนี้…
เขามองไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง
เขาจะลักพาตัวนางยังไง?
ข้าต้องวางแผน แค่ 2 กิโลไม่นานก็ถึงเส้นชัยแล้ว เมื่อตอนนั้นมาถึง ถ้านางพูดว่านางเข้าเส้นชัยก่อน ก็ไม่มีทางที่ผลลัพธ์จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
“ข้าอยากพัก!”่
“ไม่ได้ การแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว”
“ข้าอยากไปห้องน้ำ!”่
“ทนไว้!”่
“เจ้าจะบ้ารึ!”่
“เจ้าพูดว่าอะไรน่ะ เด็กน้อย?”่
“ข้าแค่บอกว่าภูเขาที่นี่ช่างสูงตระหง่าน ต้นไม้ก็เขียวขจีและท้องฟ้าก็ …ฟ้าเป็นบ้าเลย!”ฟาง เจิ้งจือ พูดเบาๆขณะแหงนมองท้องฟ้า
“สวะ” แม่ทัพไถ่สบถ
“ข้าขอคันธนูหน่อยได้หรือไม่?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่แม่ทัพทั้ง 2
ขณะที่แม่ทัพไถ่ เตรียมจะพูด แม่ทัพมู่ก็ค่อยๆยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขา จากนั้นก็ชี้ไปที่เป้าไม้ที่อยู่ไม่ไกล
ขณะนี้มันมีลูกศรสีขาวปักอยู่ 3 ดอก ลูกศรทั้งสามยิงปักไปที่จุดกลางของเป้าไม้
“ในระยะ 2 กิโลนี้มีเป้าอยู่ทั้งหมด 10 เป้า ขั้นแรกต้องหาตำแหน่งของเป้าให้เจอ มีโอกาส 3 ครั้งในการยิงให้โดนเป้า คนที่มีลูกศรมากที่สุดบนเป้าจะเป็นผู้ชนะ! ถ้าทั้งสองมีลูกศรจำนวนเท่ากัน ผู้ที่ทำสำเร็จก่อนจะเป็นผู้ชนะ และแน่นอนว่าคนที่เป็นผู้ชนะจะได้รับอภิสิทธิ์บางอย่าง แต่เรื่องนั้นข้าจะยังไม่พูด!”แม่ทัพมู่อธิบายจากด้านข้าง
ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจ
มีแค่องค์หญิงฉาน ยู่ เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์พูดถึงอภิสิทธิ์นั้น
“อย่างน้อยจะไม่เอาลูกศรให้ข้าหน่อยหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ ยื่นมือออกไปทางแม่ทัพ
ท่าที่ของแม่ทัพไถ่เปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาเอียงหัวไปอีกด้านหนึ่ง
ในทางกลับกัน แม่ทัพมู่ไม่มีทางเลือกจำต้องโยนลูกศรให้กับเขา
“แล้วคันธนูล่ะ?” ฟาง เจิ้งจือ ยังคงยื่นมือออกไป
“อะไรนักหนา นี่เจ้าเป็นสายลับแบบไหนกัน ไม่มีสิ่งใดติดตัวมาเลยหรือไง ?”แม่ทัพไถ่ โกรธจัด
“ความจริงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเป็นสายลับ ข้ายังไม่มีประสบการณ์ …เห้อ ถ้าข้ามีประสบการณ์คงจะไม่ถูกจับได้ง่ายดายเช่นนี้ ข้าพูดถูกไหม?”ฟาง เจิ้งจือ พูดด้วยความสลด
“อย่างน้อยๆ เจ้าก็พูดอะไรที่เป็นความจริง!”แม่ทัพไถ่พยักหน้าเบาๆ และโยนธนูไม้ให้ ฟาง เจิ้งจือ
ฟาง เจิ้งจือ ยื่นมือไปหยิบ
และตระหนักว่าคันธนูนี้ค่อนข้างหนัก แม้ว่าจะทำด้วยหวาย แต่ความหนาและความแข็งแรงของมันดูไม่เลวนัก ขณะที่เขาดึงคันธนู …
“ข้าดึงไม่ไหว เปลี่ยนให้ข้าด้วย!”ฟาง เจิ้งจือ สะบัดแขนตัวเองและโยนมันกลับไปให้แม่ทัพไถ่
“ฮ่าฮ่า … เจ้าดึงสายธนูยังไม่ได้ แต่เจ้ากล้าท้าทายองค์หญิง? ช่างน่าขัน!”เมื่อแม่ทัพไถ่ได้ยินเขาก็หัวเราะอย่างหนักจนเกือบจะตกม้า
เมื่อแม่ทัพมู่เห็น ก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาจ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ แล้วผิวปาก
ไม่นานหลังจากนั้นทหารในชุดเกราะหวายก็วิ่งมาจากที่ไกล ๆ
ในมือของเขาถือคันธนูอยู่
ฟาง เจิ้งจือ รับมาและพยายามดึงจนหน้าขึ้นสี เขาแทบหายใจไม่ออก
เมื่อแม่ทัพทั้งสองเห็นแบบนี้พวกเขามองหน้ากันด้วยสายตาดูถูก และถอนหายใจออกมา ถ้าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ช่างอ่อนแอ จำทำแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา?
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพทั้งสองยังคงระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา
นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยขององค์หญิง แม้จะมีความเป็นไปได้เพียง 1 ในล้าน ก็ประมาทไม่ได้
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ใส่ใจกับแม่ทัพทั้งสองข้างหลังเขา
เขาดึงคันธนูและใส่ลูกศร
ยิง!
“ฟุ้บ!”ลูกศรโดนจุดศูนย์กลางของเป้าหมาย
“หา?”แม่ทัพไถ่เปล่งเสียงแปลกใจออกมาเบาๆ เขาไม่คิดเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ จะมีความสามารถในการยิงธนูขั้นสูงแม้เขาจะดูอ่อนแอเช่นนี้
บังเอิญ?
ขณะที่กำลังคิด ฟาง เจิ้งจือ ก็ยิงธนูออกไปอีกดอก
ฟุ้บ!
มันปักกึ่งกลางของเป้าอีกครั้ง
2 ครั้ง?
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาสีหน้าเปลี่ยน การยิงธนูบนหลังม้าเป็นเรื่องง่าย แต่การยิงให้โดนเป้าขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
“อย่าบอกนะว่า เด็กนี่… ” ท่าทีของแม่ทัพไถ่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ขณะที่เขาเตรียมจะพูดลูกศรที่ 3 ของ ฟาง เจิ้งจือ ก็ยิงออกไปล่อนผ่านอากาศอย่างงดงามก่อนที่จะปักลงไปบนเป้าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้โดนกึ่งกลางของเป้า แต่มันห่างออกไป 2-3 นิ้ว
“บ้าเอ้ย …!”ฟาง เจิ้งจือ ถอนหายใจ
แม่ทัพทั้งสองก็ถอนหายใจ พวกเขาต้องยอมรับว่าความสามารถการยิงธนูของ ฟาง เจิ้งจือ ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับองค์หญิงฉาน ยู่
มันยังคงแตกต่าง
ยังห่างชั้นกันมาก
ทั้งคู่จึงโล่งใจได้
ฟาง เจิ้งจือ ยังคงพุ่งไปด้านหน้าและยิงธนูไปเรื่อยๆ มันแทยจะเป็น 2 ใน 3 ของทั้งหมดที่ปักกึ่งกลางของเป้า
เป้าทั้งหมดที่ ฟาง เจิ้งจือ ยิงคือ 7 เป้า มีเพียง 3 ดอกที่ไม่เข้าเป้าตรงกลาง
เป้าที่ 8 – ทั้ง 3 ดอกปักลงตรงกลาง
เป้าที่ 9 – ทั้ง 3 ดอกปักลงตรงกลางอีกครั้ง
ฟาง เจิ้งจือ ดูมีความสุขมาก อย่างไรก็ตามท่าทีของแม่ทัพทั้งสองต่างไร้กังวล เด็กน้อย เจ้ายิงพลาดไป 3 ดอก เท่ากับเจ้าได้กลายเป็นคนตายไปแล้ว
ไม่นานหลังจากเป้าที่ 10 ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา
ด้านหน้าเป้าที่ 10 ร่างขององค์หญิงฉาน ยู่ ราวกับสัตว์ร้ายสีแดงเผยรอยยิ้มที่เยือกเย็น
“เป็นยังไงบ้าง?”องค์หญิงฉาน ยู่ เหลือบมอง ฟาง เจิ้งจือ และมองแม่ทัพทั้งสอง
“องค์หญิง เด็กคนนี้ยิงไป 9 เป้าแล้ว รวมแล้วเขายิงถูกกึ่งกลาง 24 ดอกมี 3 ดอกที่ไม่ถูกกลางเป้า “แม่ทัพไถ่ตอบอย่างสุภาพ
“โอ้? เขาคงไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น!”นางแปลกใจที่ได้ยินว่าโดนเป้า 24 ดอก
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ไกลจากองค์หญิงฉาน ยู่ มีหมาป่าเขาเงินอยู่
ร่างที่นั่งบนหลังหมาป่าเขาเงินคือทหารในชุดเกราะหวาย
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมองค์หญิงฉาน ยู่ ถึงวางเป้าที่ 10 ไว้ที่นี้ เพราะมันใกล้กับพวกทหารหมาป่าเขาเงิน
มีพวกเขาเกือบ 500 นาย
ทั้งองค์หญิงด้านหน้าและแม่ทัพด้านหลังเขา
ไม่มีโอกาสที่เขาจะจับนางได้เลย
“เงียบ? เจ้าคิดว่าจะมีชีวิตรอดถ้าเจ้าเงียบรึ? ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าตายแน่!”องค์หญิงมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังเงียบและเยาะเย้ยเขา
จากนั้นนางก็ดึงแขนไปข้างลำตัวทันที
จากนั้นก็มีธนูสีแดงปรากฎขึ้นมาข้างลำตัวองค์หญิง มันดูเหมือนจะถูกสร้างมาจากไม้สีแดง แม้ ฟาง เจิ้งจือ จะอยู่ห่างไกลมาก เขายังสามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ออกมาจากไม้นั้น
“ไม้หวายไฟ?” ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นชิ้นเล็กๆที่บ้านพักของ ปิง หยาง ปิง หยาง ดูเหมือนจะยกย่องมันอย่างมากราวกับสมบัติอันล้ำค่า ดูเหมือนมันจะถูกประดับอยู่บนหอกฉีหลินของนาง
ใครจะคิดว่าองค์หญิงที่นี่จะใช้มันเป็นคันธนู
“ฟุ้บ!” เสียงของธนูพุ่งผ่านอากาศ
ทันทีที่ลูกศรอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศปลายหางของมันเรืองแสงสีแดงจางๆออกมา ก่อนที่มันจะถูกปักลงบนกลางเป้าที่ 10 พอดี
“ทักษะการยิงธนูขององค์หญิงช่างไร้ที่ติ!”่
“ยินด้วยกับชัยชนะขององค์หญิง!”่
เมื่อแม่ทัพไถ่และแม่ทัพมู่เห็น พวกเขากล่าวชื่นชมองค์หญิงในทันที
ในทางตรงกันข้าม ฟาง เจิ้งจือ กลับงุนงงเล็กน้อย เพราะเมื่อองค์หญิงหยิบคันธนูออกมา ลายเมฆบนตัวของนางเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ มันส่องแสงที่ผิดปกติออกมา
มันดูเหมือนจะเป็นไฟและดูเหมือนจะเป็นเลือด หรือาจจะเป็นการรวมตัวของเลือดและไฟที่ไหลช้าๆบนร่างกายขององค์หญิง
นี่เป็นฉากแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงผิวนวลขาวกับหนังสัตว์สีขาวบนร่างของนาง รวมถึงมงกุฎบนหัวของนาง ทุกอย่างล้วนดูงดงาม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดนั้นไม่ใช่เรื่องของความสวยงาม เขากำลังคิดว่า…
หญิงงามคนนี้มีพลังมากแค่ไหนกัน?
เขาจะสามารถฆ่านางในการโจมตีเดียวได้หรือไม่? หรือการต่อสู้ระยะประชิดเขาอาจจะไม่มีทางชนะนางได้เลย?
นี่เป็นคำถามที่น่ากลัว เพราะ ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยคิดเลยว่าการฝึกของภูเขาทางใต้ จะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม คำถามของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นตำกำหนดว่าเขาจะทำได้หรือไม่ เขาจะมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่
“ใครก็ได้มาจับตัวเขา…ไปสำเร็จโทษซะ!“องค์หญิงฉาน ยู่ ลดลงธนูลง นางหันไปยิ้มอย่างน่ารังเกียจใส่ ฟาง เจิ้งจือ
“รับทราบ!“ทหารหมาป่าเขาเงินกว่า 500 นายตอบรับด้วยความเคารพ
ในทางกลับกัน แม่ทัพไถ่และแม่ทัพมู่ยืนอยู่ด้านหลัง ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาคว้าไหล่ของ ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดต่อต้าน
เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์
“ก่อนที่ข้าจะตาย ข้ามีความปรารถนาอยู่”แขนของ ฟาง เจิ้งจือ ถูกแม่ทัพทั้งสองจับไว้ แต่ปากของขายังคงพูดได้ และเขาก็ตะโกนออกมา
“โอ้? เจ้าต้องการอะไร “เมื่อองค์หญิงได้ยินนางก็พยักหน้า เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่จะตาย เขาอยากทำสิ่งที่ปรารถนาให้สำเร็จเสียก่อน
“ข้าอยากเห็นหน้าพ่อแม่ก่อนจะตาย” ฟาง เจิ้งจือ กล่าวอย่างจริงใจ