“ข้าเป็นแม่ทัพเสือใหญ่นะ.. “
“นี่เป็นคำสั่งขององค์หญิง เจ้ามีปัญหาหรือไง?“ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะให้ความสนใจกับเขาอีก เขาส่ายหัวก่อนจะทำหน้าหมดความอดทน
“เจ้าเด็กสารเลว … ” แม่ทัพไถ่หันกลับมามองทันที
“ดูเหมือนว่าท่านจะมีความคิดอะไรสินะ งั้นข้าจะไปบอกองค์หญิง ” หลังจากที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดเสร็จ เขาก็เตรียมจะกลับเข้าไปในกระโจมอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน! เจ้า … ไปเอาจานผลไม้มา 2 จานและเอาไปที่กระโจมองค์หญิงเดี๋ยวนี้!“
“รับทราบ!” ทหารที่ยืนอยู่ข้างๆรู้ได้ในทันที
“เรื่องนี้ดูไม่ถูกต้อง องค์หญิงสั่งให้แม่ทัพเสือใหญ่เป็นคนไปส่งด้วยตัวเอง ข้าไม่มั่นใจว่าการกระทำของเจ้าจะนับเป็นการขัดขืนคำสั่งทางทหารหรือไม่” ฟาง เจิ้งจือ เหลือบไปมองทหารข้างๆและพูดขึ้นมาเบาๆ
“เจ้าเด็กน้อย…เจ้ามันชั่วช้าจริงๆ!” แม่ทัพไถ่ดูโกรธมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกอื่น
“อย่าลืมสังเกตุให้ดีละ ถ้ามีลูกที่เน่าแม้เพียงชิ้นเดียว ฟันของเจ้าต้องหักแน่นอน!” ฟาง เจิ้งจือ แนะนำแม่ทัพไถ่ที่กำลังเดินจากไป
“เชี่ยเอ้ย ถ้าวันนี้ข้าฆ่าเจ้าดวยตัวเองไม่ได้ อย่าเรียกชื่อข้าว่าไถ่อีก! ข้าไม่ให้ใครมาหยุดข้าทั้งนั้น!” ในที่สุดแม่ทัพไถ่ก็หยุดเดิน ใบหน้าสีดำของเขากลายเปนสีแดงเข้มอย่างรวดเร็ว ราวกับกองใบไม้แห้ง
ตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนของดินแดนภูเขาทางใต้นั้นมีความภาคภูมิใจในตัวเองขนาดไหน
ในฐานะที่เป็นแม่ทัพเสือใหญ่ เขาจะยอมโดนคนอื่นมาข่มเหงต่อหน้าทหารเขาได้ยังไง?
ทันทีที่เขายกขวานสีดำอันใหญ่ยักษ์ของเขาขึ้นมันก็ส่องแสงออกมาจางๆ ในเวลาเดียวกันกล้ามเนื้อต้นแขนของแม่ทัพไถ่ก็ขยายขึ้นมาเกือบ2เท่า เคราบนใบหน้าของเขาเองก็แข็งขึ้นจนคล้ายเข็มเหล็ก
“ไม่มีลายเมฆ?“ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกผิดหวังมากกับสิ่งที่แม่ทัพไถ่แสดงให้เห็น เพราะในจินตนาการของเขาแม่ทัพไถ่ต้องมีลายเมฆรอบๆตัว แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ทำไมกัน?
เดี๋ยวก่อนนะ
ดูเหมือนว่าตอนนี้เปนเวลาที่ต้องหนีแล้ว
“องค์หญิงได้โปรดออกมาช่วยข้าเร็วๆ!” ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดอะไรแม้แต่น้อย ตะโกนออกมาในทันที
“เกิดอะไรขึ้น?“เมื่อเสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้น ประตูกระโจมก็ถูกเปิดออกมา องค์หญิง ฉาน ยู่ กวาดตามองรอบๆ
“องค์หญิง!“
ทหารทุกคนคุกเข่าลงทันที
เคราที่แข็งตัวของแม่ทัพไถ่อ่อนลงทันที หลังจากชั่วขณะหนึ่งของความลังเล เขาก็ลดขวานในมือลงจากนั้นก็ก้มหัวลงช้าๆ
“แม่ทัพไถ่เกิดอะไรขึ้น?” องค์หญิงมองไปที่เขาด้วยความสับสน
“ข้าไม่ควรรบกวรการผักผ่อนขององค์หญิง … แต่เจ้าเด็กนี่มันก็มากเกินไป ข้าติดตามท่านมาหลายปี แต่ข้าไม่เคยโดนรังแกเช่นนี้มาก่อน ข้าไม่สามารถทนได้!”เมื่อแม่ทัพไถ่พูดจบน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที น้ำตาเกือบจะไหลออกมาจากดวงตาของเขา
“รังแก? ใครรังแกเจ้า?” องค์หญิงฉาน ยู่ เหลือบมอง ฟาง เจิ้งจือ ที่อยู่ข้างๆและหันไปมองแม่ทัพไถ่
“เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเจ้าเด็กนี่!” แม่ทัพไถ่ชี้ไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจแม่ทัพไถ่แม้แต่น้อย บนหน้าของเขายังคงมีท่าทีสบายๆ เขาเป็นทหารคุ้มกันองค์หญิง ในอดีตตำแหน่งนี้แสดงถึงความไว้ใจและเชื่อใจที่องค์หญิงมีให้ เจ้าจะทำอะไรข้าได้?
“ข้าเข้าใจ! จากกฎของดินแดนภูเขาทางใต้ เมื่อใครก็ตามถูกรังแกต่อหน้าผู้คนควรทำเช่นไร?” องค์หญิงฉาน ยู่ พยักหน้า
“ฆ่า!” ท่าทีของแม่ทัพไถ่เปลี่ยนเป็นโหดร้ายทันที
“ใช่ แต่เขาเป็นทหารส่วนตัวของข้า ไม่จำเป็นต้องฆ่าฟันกัน แค่สั่งสอนเขาดีๆก็พอ ต่อให้เขาจะไม่สามารถเดินออกจากเตียงได้สัก 3 วันก็ไม่เป็นปัญหา แต่ยังไงก็ตาม เจ้าจะฆ่าเขาไม่ได้ เข้าใจไหม?” เมื่อองค์หญิงฉาน ยู่ ได้ยิน รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนมุมปากของนางและพูดออกมาอย่างสบายๆ
“เข้าใจแล้ว!” เมื่อแม่ทัพไถ่ได้ยิน ดวงตาของเขาก็เป็นระกายด้วยความยินดี ราวกับสิงโตตัวใหญ่ที่เห็นหนูตัวเล็กกำลังถูกฆ่า
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินร่างกายของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
หา?
มันไม่ใช่แล้ว
ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นทหารคุ้มกันจะได้รับความไว้วางใจและเชื่อใจจากองค์หญิงงั้นรึ เขาควรจะทำอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการสิไม่ว่าเขาจะมองสถานการณ์ตอนนี้ยังไง มันก็ไมสมเหตุสมผลแม้แต่น้อย!
มันเหมือนละครที่หักมุมชัดๆ?
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าตัวเองควรวิ่ง อย่างไรก็ตามค่ายทหารมีขนาดใหญ่เกินไป เขาควรจะวิ่งไปที่ไหนดีล่ะ? ไม่มีที่ไหนเลยที่เขาจะพอหลบได้
มันจบแล้ว!
เขาคำนวณผิดพลาด เขามาจากอาณาจักรเซี่ย แต่องค์หญิงที่ยืนอยู่หน้าเขาเป็นคนของดินแดนภูเขาทางใต้ เป็นศัตรูกับแม่ทัพของดินแดนภูเขาทางใต้
ดูไม่เหมาะสมกันเลยแม้แต่น้อย
“องค์หญิง… ไม่ใช่ว่าข้าต้องไปเล่าเรื่องต่างๆให้ท่านฟังงั้นหรือ? ถ้าข้าถูกตีจนล้มป่วยจะเล่าให้ท่านฟังได้ยังไง?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปยังองค์หญิงด้วยความอดสู
“ไม่ใช่ปัญหา ยังไงเจ้าก็ไม่ตายหรอก เจ้าสามารถมาเล่าเรื่องให้ข้าฟังหลังจากการต่อสู้จบได้ ” รอยยิ้มอันชวนหลงไหลปรากฎขึ้นบนหน้าขององค์หญิงฉาน ยู่
นางมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความขบขัน
“มาเล่าเรื่องหลังจากการต่อสู้?” ฟาง เจิ้งจือ สงสัยว่าทำไมบนโลกใบนี้ถึงไม่มีความเมตตาแม้แต่น้อย อย่างน้อยก็ช่วยเมตตาเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาแบบเขาหน่อยได้ไหม?
“เด็กน้อยเลือกอาวุธของเจ้ามา ข้าไม่คิดจะสู้กับคนที่ไม่มีอาวุธหรอกนะ เจ้าบอกจะหักฟันข้าทิ้งใช่ไหม วันนี้ข้าจะไม่ตีเจ้าตรงอื่นหรอกนะ แต่ข้าจะตีปากเจ้าให้ฟันหักทั้งหมดเลย!” หน้าของแม่ทัพไถ่ขึ้นสีเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่ามาจากควาสุขและความตื่นเต้น
ขวานสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือส่องประกายจางๆ
“ฟุ้บ ฟุ้บ!“
ขณะที่เขาเหวี่ยงขวาน ลอยแตกลึกก็ปรากกฎขึ้นที่ด้านหน้าของแม่ทัพไถ่ เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพเสือใหญ่ของดินแดนภูเขาทางใต้ไม่ได้อ่อนแอ
“งั้น … ข้าขอถามก่อนว่าท่านมีพลังอยู่ในระดับไหน?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปยังรอบแตกด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย เขาสามารถทำแบบนั้นได้เช่นกัน แต่ไม่ราบลื่นเท่ากับแม่ทัพไถ่
“ไม่สูงส่งอะไรมากมายหรอก ถ้าตามอาณาจักรเซี่ยก็คงประมาณระดับอภินิหารขั้นสูง!” แม่ทัพไถ่พูดพร้อมกับรอยยิ้มอันเยือกเย็น
“ระดับอภินิหารขั้นสูง?!” เหงื่อค่อยๆไหลออกจากหน้าผากของ ฟาง เจิ้งจือ
เชี่ยอะไรกัน ยังกล้าพูดว่าไม่สูงมากอีกหรือ?
คนอายุ40กว่ารังแกเด็กน้อยที่อายุไม่ถึง20ปี เขาใช้สมองส่วนไหนคิดกัน?
ฟาง เจิ้งจือ ถอยหลังไปตามสัญชาติญาน
แม่ทัพไถ่เดินก้าวขึ้นมาข้างหน้า จิตสังหารบนร่างกายของเขาขยายมากขึ้นเรื่อยๆ ขวานในมือของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
หน้าผากของ ฟาง เจิ้งจือ เต็มไปด้วยเหงื่อ ภายใต้แรงลมอันหนาวเหน็ด เขาค่ยๆยกหัวขึ้นมาเล็กน้อย
เขามองขึ้นไปบนก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นก็หันไปมองทหารรอบๆ เขาพยายามทำท่าทีสบายๆ จากนั้นก็มองไปที่แม่ทัพไถ่ที่กำลังเดินเข้ามา
“นี่เป็นผลที่น่าอับอายจากการหาเรื่องใส่ตัวใช่ไหม?“
ทันใดนั้น
“สู้!“
“สู้!“
เมื่อทหารรอบด้านเห็นพวกเขาก็เริ่มตะโกนออกมา แต่ละคนแสดงให้เห็นว่าสนับสนุนแม่ทัพไถ่ อย่างชัดเจนและมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ราวกับมองคนตาย
“เด็กน้อยรีบเลือกอาวุธของเจ้า!” เสียงหัวเราะของแม่ทัพไถ่ยิงเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆขณะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เขาอดกลั้นความโกรธมาตลอดทั้งวัน ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีในการปลดปล่อยมันออกมา
มันจะไม่น่าตื่นเต้นได้ยังไง!?
มือของเขายังคงสั่นสะท้านจากอาการตื่นเต้น
“รอสักครู่” ฟาง เจิ้งจือ รีบหันมามองแม่ทัพไถ่ ก่อนจะพูดขึ้นมา
“ทำไม อยากจะขอความเมตตาจากข้างั้นรึ?” แม่ทัพไถ่หัวเราะเบาๆ
“ทำไมคนที่ยิ่งใหญ่เช่นข้าต้องขอความเมตตา?” ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ เต็มไปด้วยความดูถูก จากนั้นเขาก็หันไปมององค์หญิง ” แต่ข้าคิดว่าการแข่งขันต่อนข้างไม่ยุติธรรม”
“โอ้? ทำไมมันถึงไม่ยุติธรรมละ?” องค์หญิงยิ้มออกมา
“ชายอายุ40กว่าเขาฝึกฝนมาหลายปี รังแกเด็กน้อยไร้เดียงสาเช่นข้าที่ฝึกมาเพียงไม่กี่ปี มันจะยุติธรรมได้ยังไง?” ฟาง เจิ้งจือ อวดครวญ
“อืม มันไม่ยุติธรรมจริงๆแล้วอะไรละที่จะเป็นธรรมต่อเจ้า?” องค์หญิงพยักหน้าเบาๆและยิ้มอีกครั้ง
“ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายลดระดับพลังลงและสู้กันด้วยวิชาที่มีเท่านั้นถึงจะยุติธรรม!” ฟาง เจิ้งจือ แนะนำอย่างรวดเร็ว
“ใช้แค่วิชาที่มีงั้นรึ? อืม … แม่ทัพไถ่คิดว่าไงละ?“เมื่อองค์หญิงได้ยินเรื่องนี้นางก็พยักหน้าอีกครั้งและหันไปทางแม่ทัพไถ่
“ข้าไม่มีอะไรต้องคัดค้าน ถ้าข้าใช้ระดับพลังที่แท้จริงรังแกเจ้าเด็กนี่ละก็คงเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของดินแดนภูเขาทางใต้ วันนี้ข้าจะไม่ใช่ระดับพลังที่แท้จริงทำให้เจ้าเด็กนี่ต้องสูญเสียความเชื่อมั่นและความมั่นใจ!” แม่ทัพไถ่ตอบด้วยท่าทีอันเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“เอาล่ะ ข้าขอประกาศทั้งสองฝ่ายห้ามใช้ระดับพลังในการต่อสู้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่าฝืนกฎนี้ จะถือว่าเป็นการโกงและลงโทษตามกฎหมายทางทหาร!” ริมฝีปากขององค์หญิงโค้งงอเป็นรอยยิ้มก่อนจะประกาศออกมา
“ขอบคุณ องค์หญิง!” ฟาง เจิ้งจือ รีบขอบคุณ แม้เขาจะไม่รู้ว่าวิชาของดินแดนภูเขาทางใต้เป็นแบบไหน แต่นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เขาคิดได้ในตอนนี้