“เด็กน้อยเลิกพูดจาไร้สาระแล้วมาสู้กันสักที!” แม่ทัพไถ่เหวี่ยงขวานขนาดใหญ่ขึ้นไปพาดไว้ที่ไหล่
“เดี๋ยวก่อน!“
“มีอะไรอีกล่ะ?“
“ข้ายังไม่ได้เลือกอาวุธ!“
“ฮ่าฮ่าฮ่า … เลือกอาวุธหรือ?” เมื่อแม่ทัพไถ่ได้ยิน เขาก็หัวเราะออกมา เขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสู้กับเขาโดยใช้กำปั้นล้วนๆเสียอีก แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะใช้อาวุธ มันไม่ใช่การร้องของความตายหรอกรึ?
ในกรณีนี้เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บขวานของเขาอีกต่อไป
เมื่อทหารรอบข้างได้ยิน พวกเขาก็หัวเราะด้วยความเยาะเย้ยออกมาทันที
“ช่างเป็นคนโง่ที่กล้าหาญเสียจริง!“
“หาที่ตายชัดๆ”
“มีอาวุธก็ไม่ได้ทำให้เจ้าชนะหรอกเด็กน้อย”
ทหารร้องตะโกนออกมาทีละคน ทีละคน องค์หญิงได้เตรียมเส้นทางไว้ให้ ฟาง เจิ้งจือ แล้ว อย่างไรก็ตามคงเป็นโชคร้ายของ ฟาง เจิ้งจือ ที่เขาได้พาตัวเองกลับมาที่จุดเริ่มต้นเอง
รนหาที่ตาย!
เช่นเดียวกับที่องค์หญิงมองว่า ฟาง เจิ้งจือ นั้นโง่เกินไปหน่อย นางเห็น ฟาง เจิ้งจือ มองมาที่นางด้วยดวงตาอันเป็นประกายพร้อมกับถือมือไปมา
“งั้น…องค์หญิงให้ข้ายืมธนูหน่อยได้ไหม?“
“เจ้าอยากยืมธนูหวายเพลิงของข้า?” องค์หญิงค่อนข้างตกใจอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามความตกใจของนานกลายเป็นการดูถูกอย่างรวดเร็ว “เจ้าจะคืนข้าใช่ไหม?”
“แน่นอน!”ฟาง เจิ้งจือ พูดด้วยความมั่นใจ
เมื่อทหารรอบข้างได้ยินคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาก็เริ่มหัวเราะออกมาอีกครั้ง พวกเขารู้ว่าตอนที่ ฟาง เจิ้งจือ แข่งกับ องค์หญิง ฉาน ยู่ เขาไม่สามารถแม้แต่ดึงสายธนูธรรมดาที่แข็งๆได้
เขาเพียงใช้ได้แต่ธนูเบาของทหารธรรมดาเท่านั้น
ตอนนี้เขาคงหลงระเริงคิดจะใช้ธนูหวายเพลิงเพื่อเอาชนะแม่ทัพไถ่
“ฮา่ฮ่าฮ่า … ” องค์หญิงหัวเราะออกมาเช่นกัน จากนั้นนางก็โบกมือ คลื่นความร้อนปรากฎขึ้นมาทันทีพร้อมกับธนูหวายเพลิง “รับไป!”
“ขอบคุณองค์หญิงสำหรับรางวัล!” ฟาง เจิ้งจือ รับมาด้วยความยินดี
“รางวัล? เจ้าคิดอะไรอยู่หา? ข้าเพียงให้เจ้ายืม เมื่อใช้เสร็จก็คืนข้าด้วย!” องค์หญิงผงะไปเล็กน้อยก่อนนางจะพูดขึ้นมา
“โอ้ งั้นข้าก็ไม่ต้องขอบคุณละสิ” ฟาง เจิ้งจือ ค่อนข้างผิดหวัง
“แม่ทัพไถ่วันนี้ไม่ต้องไว้หน้าข้า วันนี้ถ้าเจ้าตีเจ้าเด็กนี้จนนอนอยู่บนเตียงได้แค่ 5 วัน ข้าจะลงโทษในความหย่อนยานของเจ้า!” เมื่อองค์หญิงได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ พูด นางโกรธมาก
“รับทราบ!” เมื่อแม่ทัพไถ่ได้ยิน ความยินดีปรากฎขึ้นบนใบหน้าเขาทันที
“ไปที่ซ้อมรบ ข้าอยากนั่งดูการแข่งดีๆ!“
“รับทราบ!“
…
การต่อสู้ที่สนามฝึกนั้นเป็นธรรมเนียมของทหาร โดยเฉพาะในดินแดนภูเขาทางใต้ธรรมเนียบนี้ใช้กันกว้างขวางมากขึ้น เมื่อใดก็ตามที่เกิดความขัดแย้งภายในกองทัพ พวกเขาจะจบลงที่การสู้กันที่สนามฝึก เมื่อใดก็ตามที่ใครอยากจะเลื่อนขั้นก็แค่ท้าคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าสู้ที่สนามฝึกซ้อม
โดยตำแหน่งของ ฟาง เจิ้งจือ แล้วนั้น เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายแม่ทัพไถ่ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม องค์หญิง ฉาน ยู่ เป็นคนพูด
ดังนั้น…
เขาจึงมีคุณสมบัติแล้ว
“สู้!“
“สู้!“
ในสนามฝึกซ้อม ทหารทุกคนล้วนตื่นเต้น ทหารหลายคนที่ยืนอยู่ไกลๆต่างชะโงกหน้าเพื่อพยายามมอง
“เริ่มได้!“
หลังจากที่เสียงคำสั่งดังขึ้น แม่ทัพไถ่ยกขวานดำขนาดใหญ่ขึ้นมา เส้นเลือดบนแขนของปูดบวมความแข็งแรงราวกับเหล็กกล้าปรากฎขึ้นมาให้เห็นวันนี้
“นอนไปซะ!” แม่ทัพไถ่พุ่งเข้าไปหา ฟาง เจิ้งจือ ราวกับกระทิงป่า ความเร็วของเขาราวกับสายฟ้า
สิ่งที่เขาทำดูอาจจะไม่ได้ใช้กลยุทธ์อะไรมากมายแต่เบื้องหลังของเขานั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ เพราะตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ถือธนูหวายเพลิงอยู่ในมือ
แม้ว่าเขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะดึงมันได้ แต่การต่อสู้ระยะใกล้นั้นปลอดภัยที่สุดเมื่อเจอกับผู้ใช้ธนู
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องคาดเดาได้ว่าแม่ทัพไถ่ต้องพุ่งเข้ามาทางเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าความเร็วของแม่ทัพไถ่จะเร็วขนาดนี้ แม้จะไม่ใช้พลังที่มีแล้วก็ตาม เขายังดึงพลังจากสายลมมาเพิ่มเป็นความเร็วได้
ตอนนี้เก้าอี้หนังสัตว์ขนาดใหญ่ขององค์หญิง ฉาน ยู่ ได้ถูกนำมาวางไว้ที่สนามฝึกซ้อมแล้ว หนังสัตว์สีทองปกคลุมเก้าอี้ ขณะที่องค์หญิงฉาน ยู่ กำลังนอนพิงมันอยู่
เปิดเผยให้เห็นเอวของนางที่ราวกับงูที่เลื้อยอยู่
ข้างหน้าของนางมีถ้วยที่เต็มไปด้วยผลไม้อยู่
ร่องรอยของรอยยิ้มปรากฎอยู่บนหน้าขององค์หญิง ขณะที่นางค่อยๆหยิบผลไม้ใส่ปาก ดวงตาดำขลับของนางจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ แผ่นหลังของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
“เด็กน้อยทำไมเจ้าไม่วิ่งหนีละ? หรือเจ้ากลัวจนขยับไม่ได้?” องค์หญิงหัวเราะขึนมาเบาๆ
ลดระดับพลัง 1 ขั้น
ไม่ได้หมายว่าทั้งคู่จะมีพลังเท่ากัน
โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักรบของดินแดนภูเขาทางใต้ เปรียบเทียบแค่ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้ออย่างเดียว นักรบของอาณาจักรเซี่ยก็กินขาดคนของอาณาจักรเซี่ยแล้ว ที่สำคัญตอนนี้คู่ต่อสู้ของ ฟาง เจิ้งจือ คือแม่ทัพไถ่
เขาราวกับสัตว์ป่าที่สามารถฉีกร่างกายของสัตว์ป่าตัวอื่นๆได้อย่างง่ายดาย
ทหารที่ดูอยู่รอบๆต่างคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะวิ่งหนีไป เพราะการที่จะยิงธนูได้นั้นเขาจะต้องเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องและเว้นระยะห่าง แล้ว ฟาง เจิ้งจือ จะหนีไปทางไหนล่ะ ซ้ายหรือขวา?
เช่นเดียวกับทุกคนที่เดาทางที่ ฟาง เจิ้งจือ จะวิ่งไป เขากลับยืนนิ่งเฉยอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ท่าทีของเขาดูสบายมาก สั่นขาเบาๆ…
“เจ้าเด็กนี่อยากตายหรือไงกัน?“
ทหารต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ คิดอะไรอยู่
“ตาย!” แม่ทัพไถ่ไม่สนใจว่า ฟาง เจิ้งจือ คิดอะไรอยู่ ขวานในมือของเขาพุ่งไปที่หัวของ ฟาง เจิ้งจือ โดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ไม่สามารถหลบได้?
นั่นไม่ใช่ปัญหาของเขา!
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ฟาง เจิ้งจือ ยังคงนิ่งสงบและมีท่าทีสบายๆอยู่ เขาไม่ได้พยายามจะขยับขาแม้แต่น้อย
จากนั้น…
ฉากที่แทบทำให้ทุกคนล้มนอนลงกับพื้นก็เกิดขึ้น
“หน้าด้าน!“
นี่คือความคิดที่เกิดขึ้นในใจทุกคน
ในความเป็นจริง ฟาง เจิ้งจือ ยกธนูหวายเพลิงขึ้นมากันขวานที่เหวี่ยงลงมา
แน่นอน ทุกคนรู้ดีว่าธนูนั้นเป็นสมบัติขององค์หญิง ฉาน ยู่
ใครกล้าที่ฟันมันขาดเป็น 2 ท่อนกัน?
ท่าทีขององค์หญิง ฉาน ยู่ เปลี่ยนไปทันที “เจ้ากล้า?!”
ฟาง เจิ้งจือ กล้า
แต่แม่ทัพไถ่ไม่กล้า
ขวานสีดำขนาดใหญ่ของแม่ทัพไถ่หยุดอยู่ห่างจากธนูเพียงไม่กี่นิ้ว แม่ทัพไถ่ตะโกนออกมาเพราะความพยายามในการหยุดการโจมตีของเขา หน้าของเขากลายเป็นสีแดงทันที
“เจ้าเด็กน้อย … “
ในขณะที่แม่ทัพไถ่กำลังจะสบถออกมา ฟาง เจิ้งจือ ก็เคลื่อนไหว
ร่างกายของเขาพุ่งไปที่ขอบสนามทันที ทันทีที่ ฟาง เจิ้งจือ เริ่มเคลื่อนไหว ร่างกายของเขานั้นราวกับสายฟ้า พุ่งไปข้างหน้าโดยกางแขน 2 ข้างอก ราวกับอีนทรีย์ที่โฉบไปหาแม่ทัพไถ่
“หา?“
แม่ทัพไถ่ไม่เคยเห็นวิชาเช่นนี้มาก่อน ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ต้องการจะต่อสู้ระยะประชิด งั้นก่อนหน้านี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ เลือกที่จะสร้างระยะห่าง
จากนั้น
เขาจะกลับมาอีกทำไม?
แม่ทัพไถ่รู้สึกราวกับว่าในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถาม อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ได้เข้ามาใกล้แล้ว แน่นอนว่าเข้าระยะโจมตีของเขาแล้วเช่นกัน
เขาไม่ได้ใช้ขวานอีก แต่เอามือพุ่งออกไป
เขาตัดสินใจตราบใดที่ ฟาง เจิ้งจือ ยังใช้ธนูหวายเพลิงอยู่ เขาก็ไม่คิดมากที่จะขโมยมันออกมาจากมือของ ฟาง เจิ้งจือ
แต่ทันใดนั้น การเคลื่อนไหวของ ฟาง เจิ้งจือ ก็เปลี่ยนไป จากแขนที่กางออก เขาเอาลู่ไปกับตัวแทน ก่อนที่จะกดตัวให้ต่ำลงใกล้กับพื้นมากที่สุด การเคลื่อนไหวทั้ง 2 แบบนี้ แน่นอนว่าเป็นวิชาของกองตรวจการความมั่นคง
ท่าทีของแม่ทัพไถ่ ในที่สุดก็เปลี่ยนไป
เขาไม่มีทางดึงกำปั้นของเขากลับมาได้ทัน ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ อยู่หน้าเขา 1 ฝ่ามือธรรมดาๆ อย่างไรก็ตามมันพุ่งใส่หน้าของแม่ทัพไถ่ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากป้องกัน
“เยี่ยม!” ในช่วงเวลาแห่งความตกใจ แม่ทัพไถ่ยกขวานขึ้นมาป้องกันการโจมตี
ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม มันเป็นยิ้มที่สดใสเป็นอย่างมาก
วิชาที่ซับซ้อนของกองตรวจการความมั่นคงสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้หลายรูปแบบ ความยืดหยุ่นของวิชานี้หายากที่จะมีวิชาไหนเทียบได้
“ฟุ้บ! มือของ ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปและขาก้าวออกมา อีกฝ่ามือของเขาพุ่งออกมาแล้วเช่นกัน ฝ่ามือนี้เป็นการโจมตีที่แท้จริง เป็นการโจมตีลับ
“กึก!” แม่ทัพไถ่ถูกโจมตีด้วยฝ่ามือจนถอยออกมา
การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเร็วเกินไป
เร็วมากจนเหล่าทหารที่ดูนั้นมองไม่ทัน
แต่แม่ทัพไถ่ ถอยออกไปทัน
ทำไมเป็นเช่นนี้!
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!“
“แม่ทัพไถ่ถอยไปจริงๆ?“
“เขาทำอะไรไปน่ะ !“
ใบหน้าของทหารเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ท่าทีแห่งความโกรธขององค์หญิง ฉาน ยู่ กลายเป็นความตกตะลึง เพราะ ต่อให้นางจะไม่คาดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะชนะได้เพียงการโจมตีในครั้งเดียว
สีหน้าของแม่ทัพไถ่ จากแดงกลายเป็นม่วง
หลังจากที่ถูก ฟาง เจิ้งจือ ใช้ฝ่ามือลับใส่ เขารู้สึกราวกับโดนดูถูก เขาไม่ใช่แม่ทัพเสือใหญ่แห่งดินแดนภูเขาทางใต้งั้นรึ? ถูกโจมตีจากใครก็ไม่รู้จากอาณาจักรเซี่ยในสนามฝึกซ้อม