เห็นได้ว่าที่ผ่านมา อดีตของ เฉิน เฟยยู่ อาจจะเต็มไปด้วยความทุกข์
ยังไงก็ตาม ตอนนี้ไม่เป็นไร
เพราะเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากระดับพลังสะท้อนสวรรค์ขั้นสูง เขาพึ่งเข้าสู่ระดับพลังเป็นอภินิหารได้เร็วๆนี้ มันเป็นการต่อต้านโชคชะตาที่แท้จริง
เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าด้วยพลังระดับอภินิหารของเขาจะทำให้เข้าขึ้นเป็นอันดับต้นๆบนทำเนียบมังกรดาวรุ่งอย่างแน่นอน
เขาไม่ได้คิดจะท้าทาย ฉือ กูเหยียน หรือ หนานกง เฮา อย่างไรก็ตามถ้าเป็น วู่ เฟิง หรือ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ที่หยิ่งยโสแล้วละก็พอเป็นไปได้
นำกองทัพของตัวเองไปสู่ความยิ่งใหญ่ ด้วยการเสริมสร้างพลังทางทหาร เขาจะฝืนกล้ำกลืนความอัปยศที่เคยได้รับ เขาจะใช้โอกาสนี้ใช้การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวสร้างความโกลาหลขึ้นในการทดสอบ จากนั้นเขาจะกลายเป็นผู้ที่ทุกคนต้องตกตะลึง เป็นดาวดวงใหม่ที่สดใส มันเป็นสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในตอนนี้
หลังจากยึดครองกิ่นฐานราชสีห์คำรามได้แล้ว ตอนนี้เขามีทหารทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันนาย ต่อให้มันจะยังห่างกับของ วู่ เฟิงที่มีสองหมื่นคน เฉิน เฟยยู่ ก็ไม่กลัว
ตราบใดที่ วู่ เฟิง กล้าท้าทายเขาละก็!
เขาก็กล้าที่จะโจมตีกลับใส่ วู่ เฟิง
ดังนั้น …
การที่ วู่ เฟิง ใช้กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของเขาโดยการแบ่งเป็นสองทาง ฝั่งหนึ่งโจมตีมาจาก เหยียน เยว่ อีกฝั่งมาจาก ฉือซุน พวกเขาหวังจะยึดราชสัห์คำรามให้ได้เพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นที่สาม
เฉิน เฟยยู่ หัวเราะให้กับเรื่องนี้
คอยดูเถอะ!
ข้าอยากจะเห็นเหลือเกิน เขาแทบทนไม่ไหวที่จะเห็นตอนที่ วู่ เฟิง รู้ว่าเขาอยู่ในระดับอภินิหารแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าอยู่ในระดับอภินิหารได้ยังไงกัน? นี่มัน..ไม่มีทางเป็นไปได้!“
“ฮ่าฮ่า … ชีวิตของคนเราก็เปลี่ยนไปตลอดเวลาแหละ ตอนนี้เป็นเวลาของข้า!“
ทุกครั้งที่ เฉิน เฟยยู่ จินตราการถึงเหตุกาณ์ที่จะเกิดขึ้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น เขาต้องการใหุ้กคนได้รับรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ วู่ เฟิง หรือ หนานกง เฮา หรือ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว
โลกนี้มี เฉิน เฟยยู่ อยู่ด้วย!
เข้ามาเลย รีบเข้ามา อย่าหันหลังกลับไปละกัน!
ทำไม 13 กองตรวจการถึงถูกเรียกด้วยชื่อนี้? ทำไมทั้ง 13 กองตรวการถึงมีความใกล้ชิดกัน? เหตุผลคือ 13 กองตรวจการเป็น 13 ขุมพลังที่ช่วยองค์จักรพรรดิก่อตั้งอาณาจักรเซี่ย
13 กองตรวจการเกิดขึ้นมาจากสนามรบ ส่งต่อความช่วยเหลือกันมารุ่นต่อรุ่น ผูกพันธ์กันด้วยความเชื่อที่เหมือนกัน
มีคำกล่าวว่า สิบสามกองตรวจการนั้นคือผู้ขับเคลื่อนอาณาจักรเซี่ย
“ถ้า 13 กองตรวจการยังอยู่ อาณาจักรเซี่ย จะไม่มีวันล่มสลาย!“
ถ้าอาณาจักรเซี่ย เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ 13 กองตรวจการก็ราวกับลากที่ชอนไชลงไปใต้ผิวโลก
การที่เขาเป็นทายาทของ 13 กองตรวจการ เฉิน เฟยยู่ จะไม่รู้กลยุทธ์ด้านทหารเลยงั้นรึ
ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงเป็นแค่ตัวตลก
ควบคุมกองทัพและวางแผนการบนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก เฉิน เฟยยู่ มีประสบการณ์จากการอ่านหนังสือเกี่ยวกับทหารมานับไม่ถ้วน
รวมถึงความรู้ที่เขาได้สั่งสมมามากมายจากสนามรบจริง
เขาแข็งแกร่ง!
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดระหว่างการสู้กันของสองกองทัพคือความแข็งแกร่ง ใช้มันเพื่อกดดันและเอาชนะอีกฝ่าย
เผชิญหน้ากับ วู่ เฟิง ที่โจมตีจากทั้งสองทาง เฉิน เฟยยู่ ไม่คิดแต่จะอยู่ถิ่นฐานราชสีห์คำรามเพื่อป้องกันฝ่ายเดียว เขากำลังหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อจะเข้าโจมตี วู่ เฟิง โดยตรง
“ทหารสองหมื่นคนแบ่งออกเป็นสองส่วน? นี้เป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น!“เฉิน เฟยยู่ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไปยังกองทัพสวมชุดเกราะ ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
เขาเกือบจะเดาแผนของ วู่ เฟิง ออกทั้งหมด
ทิ้งกองกำลังไว้ที่แต่ละถิ่นฐาน จำนวน 2,000 นายรวมเป็น 4,000 ดังนั้นกองทัพที่จะเข้าโจมตีมีเพียง หนึ่งหมื่นหกพันคน วู่ เฟิง คงอยู่ที่ เหยียน เยว่ ดังนั้นทัพที่มาจาก เหยียน เยว่ น่าจะเป็นทัพหลัก
คำนวณความเป็นไปได้ของทั้งสองทัพแล้วนั้น
จำนวนทหารที่มาจาก เหยียน เยว่ น่าจะหมื่นคนเป็นอย่างต่ำ ขณะที่มาจาก ฉือ ซุน น่าจะประมาณ 6,000คน
คิดจะรวมพลังและกำจัดข้า?
แสงสีน้ำเงินเข้มค่อยๆส่องออกมาจากร่างของ เฉิน เฟยยู่ ขณะที่ใบไม้สีเขียวรอบๆก็ค่อยๆเรืองแสงขึ้นมาเช่นกัน
“แม่ทัพฟังคำสั่งข้า!“
“รับทราบ!“
“แม่ทัพหลี่ ฟังคำสั่งของข้า!“
“รับทราบ!“
“คืนนี้ เจ้านำกองทัพ 2,000 คนไปที่ถิ่นฐานนกสายฟ้า จากนั้นก็จัดตั้งการป้องกันที่ถิ่นฐานสายฟ้าสวรรค์ ฉางซิง รวมถึงตรงนี้ ตรงนี้…ตั้งค่ายทุกๆที่ ตลอด 10 กิโลเมตร ป้องกันเท่านั้น อย่าโจมตี! ข้าต้องการชลอการโจมตีทัพหลักของ วู่ เฟิง เป็นเวลา 5 วัน พวกเราจะต้องไม่สูญเสียมากเกินไป“เมื่อ เฉิน เฟยยู่ พูดเสร็จ เขาก็ส่งเหรียญตราผู้บัญชาการให้กับทหาร
ในการต่อสู้ที่แท้จริง
แน่นอนว่า เฉิน เฟยยู่ ไมคิดจะใช้งานนักปราชญ์คนอื่นๆ เพราะเขารู้ดีว่า ความต้องการของคนพวกนั้นมีเพียงได้อันดับดีๆเท่านั้น
ถ้าตัวเขาที่เป็นลูกหลานของ 13 กองตรวจการไม่รู้วิธีต่อสู้ ก็ไม่มีใครรู้แล้ว ถ้าเขาทำไม่ได้คงเป็นการทำให้ 13 กองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ เสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน
“รับทราบ!” แม่ทัพที่ได้เหรียญตรานั้นไป รีบวิ่งออกไปจากระโจมโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
“ทหารที่เหลือเตรียมตัวเคลื่อนไหวตามคำสั่งของข้า ข้าจะสั่งการทหารหมื่นนายด้วยตัวเองให้เข้าล้อมทัพที่มาจาก ฉือ ซุน 6,000 คนและจัดการพวกเขาให้สิ้นซาก”
“นายน้อยฉาน คิดจำสั่งการทัพด้วยตัวเอง เรื่องนี้ … “
“เรียกข้าว่าแม่ทัพ!“
“แม่ทัพเฉิน ถ้าพวกเราออกไปโจมตีกันหมด ไม่ใช่ว่าถิ่นฐานราชสีห์คำรามจะว่างเปล่างั้นหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแม่ทัพหลี่ไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้ รวมถึงพวกเราไม่สามารถจัดการทัพที่มาจาก ฉือ ซุน ได้ทันเวลา ถ้าเป็นอย่างนั้น วู่ เฟิง จะนำทัพเข้ามายังถิ่นฐานของพวกเรา เราจะต้องเผชิญกับศึกทั้งสองด้าน” แม่ทัพคนหนึ่งกล่าวอย่างสงสัย
“ถูกต้องแล้วการกระทำของแม่ทัพเฉิน ไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือ? ข้าเชื่อว่าพวกเรามีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ แค่ป้องกันอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว” แม่ทัพอีกคนแนะนำ
“ป้องกัน? ฮ่า ฮ่า … เจ้าคิดว่าข้ายินดีหรือกังวลล่ะ เมื่อได้ยินว่า วู่ เฟิง จะมาโจมตี?“เมื่อ เฉิน เฟยยู่ ได้ยิน เขาไม่ได้แสดงความโกรธออกมาทันที แต่เขาถามพร้อมกับรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า
“เรื่องนี้ … วู่ เฟิง ได้เข้าควบคุมทั้ง 2 ถิ่นฐานไว้แล้ว เขามีกำลังทหารมากกว่า2เท่า ข้าเชื่อว่า…ท่านอาจจะกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “
“ถูกต้อง ถ้าเรามีเวลามากกว่านี้สักวันหนึ่ง พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัว วู่ เฟิง”
ทั้งสองแม่ทัพตอบคำถามกลับมา
“ผิด ข้ายินดีมาก!“เฉิน เฟยยู่ ส่ายหัว
“ยินดี? ท่านยินดีจากเรื่องอะไรกัน?” เมื่อทั้งสองแม่ทัพได้ยิน พวกเขาก็สับสนขึ้นมาทันที
“ข้ายินดีที่สวรรค์มอบโอกาสให้ข้า และโอกาสนี้มาในเวลาที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ตอนแรกข้าคิดว่าจะป้องกัน วู่ เฟิง ยังไงดี แต่ตอนนี้ข้ากลับรู้สึกสบายใจมาก”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ”
“แน่นอนว่าเจ้าต้องไม่เข้าใจ การป้องกันถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ พวกเจ้าทุกคนล้วนมีประสบการณ์จากการสู้รบมามาก ใช้ประโยชน์จากเรื่องภูมิศาสตร์ พวกเรามีโอกาส 80% ที่จะไม่แพ้! แต่นั้นก็แค่ไม่แพ้! ป้องกัน? เราจะสามารถป้องกันจนเป็นผู้ชนะของการทดสอบได้งั้นรึ? แน่นอนว่าไม่ได้! ป้องกัน? พวกเราจะสามารถป้องกันจนสามารถเข้ายึกครองอีกสามถิ่นฐานได้งั้นรึ?แน่นอนว่าไม่ได้! งั้น ข้าขอถามหน่อย ทำไมพวกเราต้องป้องกันด้วย?“
ขณะที่ เฉิน เฟยยู่ กล่าว ร่างกายของเขาก็ปล่อยบรรยากาศอันทรงพลังออกมา มันคือความมั่นใจที่มาจากหัวใจของเขา
คนที่มีความมั่นใจถึงจะสามารถมีบรรยากาศแบบนี้ได้
“ข้าเข้าใจแล้ว“
“ในตอนแรกพวกเราคิดว่าท่านจะอยู่เฉยๆอย่างไรก็ตามพวกเราไม่เคยคิดว่าท่านจะมีความทะเยอทะยานเช่นนี้!“
“แม่ทัพเฉิน เป็นทายาทที่ยอดเยี่ยมของ 13 กองตรวจการศัดิ์สิทธิ์จริงๆ พวกเราจะติดตามท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่!“
“ทำตามที่แม่ทัพเฉินบอก และเป็นผู้ชนะการทดสอบกันเถอะ!“
เมื่อเหล่าแม่ทัพได้ยิน คำพูดขิง เฉิน เฟยยู่ และสัมผัสได้ถึงความมั่นใจที่มาจากภายในตัวของเขา พวกเขาก็คุกเข่าลงด้วยคาวมเคารพทันที
…
หลังจากที่ ฟาง เจิ้งจือ ฟังการวิเคราะห์สถานการณ์ของถิ่นฐานราชสีห์คำรามเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจ เฉิน เฟยยู่ เป็นใครกัน?
ทำไมไม่มีใครเคยพูดถึงเขาเลย?
หืม…
มันเป็นคำถาม แต่ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่ได้สนใจมันนานนัก เขารู้สึกสบายใจอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากมองไปที่หัวหน้าถิ่น
เขาก็คิดกลยุทธ์ออก
มันค่อนข้างน่าประทับใจ
ของปลอมกับของจริง?
ในเมื่อทหารของดินแดนภูเขาทางใต้สามารถปลอมเป็นชาวบ้านได้ เขาก็สามารถทำเช่นเดียวกันได้ เอาทหารของเขาแฝงตัวไว้ใน 4 ถิ่นฐานหลัก
การนำทหารสองพันคนและทหารหมาป่าเขาเงินเพื่อตามหา เหยียน ซิว โดยการวิ่งพล่านไปทั่ว คงไม่ใช่วิธีที่คนฉลาดทำ
ฟาง เจิ้งจือ จึงเลือกที่จะกระจายข่าว
จากนั้นก็รอให้ เหยียน ซิว มาหาเขาเอง
ทั้ง 4 ถิ่นฐานย่อมสามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว
หลังจากเขารู้ว่า ประชากรทุกคนล้วนเป็นทหาร เขาก็คิดจะใช้ความได้เปรียบจากการที่เขารู้เรื่องนี้ ตอนนี้เขามีเหรียญตราขององค์หญิงอยู่ในมือ ตราบใดที่เขาเข้าไปยังถิ่นฐานราชสีห์คำรามได้
จากนั้น ก็ติดต่กับหัวหน้าถิ่นราชสีห์คำรามลับๆ เพื่อขอให้เขากระจายข่าวและหา เหยียน ซิว วิธีนี้เป็นทางลัดที่ดีที่สุด
โจมตี ถิ่นฐานราชสีห์คำราม?
เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้ เพราะ เฉิน เฟยยู่ มีทหารอยู่ในมือมาก ถึงแม้เขาจะมีทหารหมาป่าเขาเงิน แต่มันก็ยังเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากอยู่ดี
เขาไม่โง่ทำแบบนั้นแน่นอน
นี่คือความคิดแรกของ ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตาม หลักจากเขารู้เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับถิ่นฐานราชสีห์คำราม ความคิดเขาก็เปลี่ยนไปทันที เพราะเขาพบว่า…
ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวในถิ่นฐานราชสีห์คำราม
“หา? ว่างเปล่า!