วู่ เฟิง รู้สึกเหมือนตอนนี้ตัวเองกำลังฝันร้ายอยู่ เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
“ฟาง เจิ้งจือ เจ้ากล้าทรยศอาณาจักรเซี่ย งั้นรึ!” วู่ เฟิง ตะโกนร้องออกมาด้วยความโกรธ เขายังคงเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
ที่ข้างนอกบ้านหิน
ฟังเสียง วู่ เฟิง ที่ร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวออกมานั้น ฟาง เจิ้งจือ พลันปากกระตุกด้วยความไม่พอใจทันที
“ทำไมใครก็ตามที่เจอหน้าข้าล้วนพูดออกมาแบบเดียวกันหมด ? อย่าบอกนะว่าพวกเขาเห็นใบหน้าข้าแล้วเกิดอิจฉาขึ้นมา แต่ข้าก็สงสัยจริงๆว่าส่วนไหนของใบหน้าข้ากันที่เหมือนคนที่จะทรยศอาณาจักร?“
ทหารหมาป่าเขาเงินพุ่งเข้าไปในห้องทันที
ด้วยความรวดเร็วหมาป่าอีกตัวพุ่งตามเข่าไปทันที ไม่นานก็เป็นตัวที่ 3 ตัวที่ 4…
“ตูม!“
เสียงระเบิดดังก้อง
ห้องเริ่มเกิดรอยร้าวจากด้านใน เศษซากหินกระเด็นไปทั่วทุกทิศทาง ด้วยความรวดเร็วมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากห้องที่พังทลาย ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก
ประเด็นหลักก็คือเขาเปลือยเปล่าอย่างสิ้นเชิง แม้แต่กางเกงในเขาก็ไม่ได้สวม!
“ข..เขา … ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว !“
“รูปร่างของเขาก็ไม่ได้แย่นะ!“
“อืม ดูขาวเกินไปหน่อย แตกต่างจากนักรบของดินแดนภูเขาทางใต้ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างสิ้นเชิง เขาคงเป็นได้แค่ของเล่นเท่านั้น!“
ด้านนอกบ้านหิน หญิงสาวชาวภูเขาทางใต้ในชุดกระโปรงหวายยืนจับกลุ่มกันอยู่ บางนางเอ้ามือป้องปากและซุบซิบกันอย่างสนุกสนาน บางนางก็จ้องมองไปที่ร่างของ วู่ เฟิง อย่างกล้าหาญ
“ฟาง เจิ้งจือ ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” ใบหน้าของ วู่ เฟิง กลายเป็นสีแดงทันที เขาไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่า ฟาง เจิ้งจือ ถึงขนาดไปเรียกผู้หญิงมารวมตัวกันเพื่อดูการต่อสู้อยู่ด้านนอกบ้านหิน
นอกจากนี้ หัวหน้าถิ่นและเหล่าผู้อาวุโสต่างนั่งอยู่รอบๆบ้านหิน พวกเขาต่างมีรอยยิ้มจางๆประตับอยู่บนใบหน้า
เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการไว้ทั้งหมด
จะเป็นไปได้ยังไงที่คนคนหนึ่ง …
จะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้!
“นายน้อยวู่ แข็งแกร่งจริงๆ อันดับที่ 3 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง? ถ้าข้าไม่ได้เตรียมการเป็นอย่างดี จะจัดการเจ้าภายในครั้งเดียวได้ยังไงกัน?” ฟาง เจิ้งจือ อธิบายอย่างอดทนขณะที่ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มประดับอยู่เช่นกัน
เขาเกรงว่า วู่ เฟิง จะไม่เข้าใจถึงปัญหาที่ตัวเขาได้เจอมา
วู่ เฟิง เต็มไปด้วยความโกรธจนปากของเขาสั่นสะท้าน
นิ้วโป้งของเขาได้หักลงเพราะหมัดที่กำอย่างแน่นของเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้มีเวลามาโต้เถียงกับ ฟาง เจิ้งจือ มากนัก เพราะเขาพบว่านอกจากผู้หญิงชาวดินแดนภูเขาทางใต้แล้วนั้น
มีทหารหมาป่าเขาเงินอีกประมาณ 200-300 คนที่ด้านนอกของบ้านหิน
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?! ทำไมถึงมีหมาป่าเขาเงินมากขนาดนี้? ไม่ใช่ว่าดินแดนภูเขาทางใต้ มีหมาป่าเขาเงินเพียง 3000 ตัวเท่านั้นหรอกหรือ? แต่ที่นี่… กลับมีอย่างน้อย 500 ตัว!” วู่ เฟิง ไม่สามารถทำความเข้าใจได้
หมาป่าเขาเงินนั้นเป็นของดินแดนภูเขาทางใต้ แต่ทำไมทั้ง 500 ตัวที่อยู่ที่นี่ถึงฟังคำสั่งของ ฟาง เจิ้งจือ?
ถ้าให้นึกถึงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่เขาคิดออก มันคือเรื่องบังเอิญ แต่จำนวนมากถึง 500 ตัว? ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยแม้แต่น้อย
“ขอแบบมีชีวิตอยู่นะ!” ฟาง เจิ้งจือ โบกมือสั่ง
“รับทราบ!” เถิง ซือเซิง ยอมรับคำสั่งทันที
“ฟาง เจิ้งจือ นี่มันไม่ยุติธรรม ถ้าเจ้ากล้ามาสู้ตัวต่อตัวกับข้า! ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!” วู่ เฟิง เลือกที่จะเมินเสียงคำรามต่ำๆรอบๆตัวเขา
เพราะเขาไม่สามารถใช้ได้แม้แต่วิชาที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุด!
การที่เขาจะต้องมาถูกจัดการแบบนี้มันน่าหดหู่ไม่น้อย อย่างน้อยที่สุด วู่ เฟิง ก็ต้องการขลุ่ยหยกคืน เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของเขาก่อนจะถูกจัดการ
“ใจเย็น เจ้ายังมีโอกาสอยู่” ฟาง เจิ้งจือ พูดปลอบโยน
“โอกาส? ข้า …เฮือก!” วู่ เฟิง ยังพูดไม่ทันจบ หมาป่าเขาเงินตัวหนึ่งได้ลอบโจมตีจากด้านหลังของเขา เขาอันแหลมคมสามารถฉีกขาดอากาศได้พุ่งเข้ามาใกล้
วู่ เฟิง สามารถผลบได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถโต้เถียงกับ ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกับหลบไปด้วยได้
แน่นอน…
หลังจากหลบการโจมตีนี่ได้ เขาก็ไม่มีทางที่จะสนใจเรื่องอีกแล้ว เพราะหลังจากนั้นก็มีหมาป่าเขาเงินโห่ร้องต่อกันเป็นทอดๆรอบๆตัวเขา
“บรู๋วว, บรู๋วว… “เสียงร้องอันโหยหวนดังไปทั่วถิ่นฐานราชสีห์คำราม
ในเวลาเดียงกันบนถนนสายหลักของถิ่นฐานราชสีห์คำราม มีเสาขนาดใหญ่ต้นหนึ่งที่ทำมาจากหินปรากฎขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ มันขัดขวางการเดินทางของเหล่าทหารที่เดินทางเข้ามาในถิ่นฐานราชสีห์คำราม
วู่ เฟิง นั้นยังคงมีใจที่จะสู้ต่อไป
อย่างไรก็ตามเขาไม่แข็งแกร่งในตอนนี้ หลังจากสูญเสียขลุ่ยหยกไป มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างตัวเขากับคนที่อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงมากนัก ข้อแตกต่างมีเพียงวิชาและการเคลื่อนที่ตอนนี้ที่เขาใช้ดูแย่มากๆ
อย่างไรก็ตาม…
เขาไม่มีทางที่จะใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมาได้ เต๋าแห่งท่วงทำนอง
เขาไม่สามารถแม้แต่ผิวปากต่อนหน้าหญิงสาวชาวภูเขาทางใต้ได้ ทั้งๆที่ร่างกายตัวเองเปลือยเปล่า!
พูดถึงเรื่องร่างกายอันเปลือยเปล่า
มันเป็นความเจ็บปวดที่ วู่ เฟิง รู้สึกมากที่สุดในตอนนี้ ในฐานะผู้ชายแล้วนั้น ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาไม่มีทางมีสมาธิทำอะไรทั้งๆที่ร่างกายของตัวเองเปลือยเปล่าอยู่
ฟาง เจิ้งจือ เหลือบมอง วู่ เฟิง ที่มีท่าทีอึกอักอยู่ เขาพยายามปกปิดร่างกายของตัวเอง ฟาง เจิ้งจือ พลันส่ายหัวเล็กน้อย เขาเด็กเกินไป ถ้าเป็นตัว ฟาง เจิ้งจือ เองนั้น
เขาคงไม่สนใจเรื่องอื่น ความสำคัญอันดับหนึ่งของเขาคือต้องมีชีวิตรอดไปให้ได้!
หืม…
การฝึกฝนด้านจิตใจของเขานั้นอ่อนแอเกินไป!
ไม่มีขลุ่ยหยกและเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายแล้วนั้น วู่ เฟิง ไม่สามารถรับมือ หมาป่าเขาเงินได้นานนัก ไม่นานเขาก็ถูกกดร่างลงกับพื้นโดยพวกหมาป่า
หลังจากนั้นเขาก็ถูกจับมัดโดยโซ่เหล็ก
“ฟาง เจิ้งจือ ข้าไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้เด็ดขาด!“
“น่าเสียดายที่เจ้ายังต้องถูกตัดออกจาการทดสอบอยู่ดี” ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างช่วยไม่ได้
“อ๊าก!” วู่ เฟิง ก้มหัวลงด้วยความโกรธและร้องคำรามออกมาอย่างโหยหวน เขากระอักเลือดออกมาจากปาก รวมถึงเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลบนหน้าอก
…
ในห้องใต้ดิน
วู่ เฟิง ตื่นขึ้นด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นเขาก็สังเกตุเห็นอีกร่างหนึ่งที่ดูทรมานไม่แพ้เขา ร่างนั้นถูกมัดไว้ด้วยโซ่เหล็กเช่นเดียวกัน
“เฉิน…เฉิน เฟยยู่?!” ความตกใจของเขานั้นมากกว่าตอนที่เห็นหน้า ฟาง เจิ้งจือ เสียอีก เพราะสิ่งที่เขาคิดไว้คือ ฟาง เจิ้งจือ ได้ฉวยโอกาสตอนที่ เฉิน เฟยยู่ ยกทัพไปที่ถิ่นฐานเหยียน เยว่ และ ฉือ ซุน ลอบโจมตีถิ่นฐานราชสีห์คำราม
“เห้อ … ” เฉิน เฟยยู่ หันไปมอง วู่ เฟิง พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” วู่ เฟิง ถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ
“เหตุผลเดียวกับที่เจ้ามาอยู่ที่นี่แหละ อย่างไรก็ตาม …ข้ามาที่นี่ก่อนเจ้าเล็กน้อยเมื่อคืนที่แล้ว “เฉิน เฟยยู่ พูดออกมาด้วยความรู้สึกราวกับตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมแม้แต่น้อย
ช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ไม่มีตอนไหนที่น่าเศร้าไปกว่านี้แล้ว
“คืนที่แล้ว? อย่าบอกข้านะว่าเจ้า … ” ท่าทีของ วู่ เฟิง เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ตอนแรกข้าตั้งใจจะสู้แบบตัวต่อตัวกับเจ้า โชคร้ายที่อยู่ดีๆ ฟาง เจิ้งจือ ก็โผล่มา” หัวใจของ เฉิน เฟยยู่ รู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อนึกถึงตอนที่ ฟาง เจิ้งจือ จับตัวเขา
“นายน้อยวู่ นายน้อยเฉิน ยานี้แม่ทัพฟางเตรียมเป็นพิเศษให้กับพวกท่านทั้ง2 นอกจากนี้แม่ทัพฟางได้แนะนำมาว่าให้ปล่อยตัวพวกท่านทั้ง2 หลังจากที่ข่าวว่าท่านทั้ง 2 ถูกตัดออกจากการทดสอบถูกส่งออกไปแล้ว”
ทันใดนั้นประตูห้องใต้ดินก็ถูกเปิดออก
แม่ทัพหวังที่สวมชุดเกราะเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นเขาก็หยิบขวดยา 2 ขวดพร้อมกับวางจาน 2 ใบที่เต็มไปด้วยผลไม้เอาไว้
“เจ้า! เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรออกมากัน? แม่ทัพฟาง?! นั่นหมายความว่า้จา … ” ดวงตาของ วู่ เฟิง เบิกกว้างทันที แน่นอนเขารู้ว่าคนที่อยู่ด้านหน้าเป็นใคร แม่ทัพหวังที่เขาเชื่อใจที่สุดในกองทัพ
“นายน้อยวู่ ท่านไม่ควรพูดเรื่องนี้ จากกฎของการทดสอบ พวกเราจะกลายเป็นของคนที่กำจัดท่านออกจากการทดสอบได้” แม่ทัพหวัง พยักหน้า
“แต่ … ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบด้านการต่อสู้ ในการแบ่งทัพที่เมืองหลวง เขามาไม่ทันเวลา ดังนั้นพวกเจ้าไม่เห็นจำเป็นต้องทำตามเขา!“แน่นอนว่า วู่ เฟิง รู้กฎของการทดสอบ อย่างไรก็ตามเขายังเชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ถือเป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบ
“ไม่ ท่านเข้าใจผิด แม้ ฟาง เจิ้งจือ จะมาไม่ทันเวลาในตอนที่เริ่มแบ่งกองกำลังทหารก็ตาม องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้เอาชื่อ ฟาง เจิ้งจือ ออกจากรายชื่อผู้เข้าร่วมการทดสอบ ดังนั้นยังถือว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในการทดสอบอยู่!“
“ไม่ได้เอาชื่อ ฟาง เจิ้งจือ ออก?!“่
“นายน้อยทั้ง 2 โปรดประทับลายนิ้วมือของพวกท่านไว้บนนี้ จากนั้นข้าจะปล่อยตัวพวกท่านไป!” แม่ทัพหวังหยิบกระดาษสีเขียวเข้มออกมาจากกระเป๋าขณะที่พูด
“ใช่ มันเป็นเวลาที่ข้าควรจะประทับลายนิ้วมือ … ” วู่ เฟิง มองไปยังกระดาษสีเขียวด้านหน้า แสประกายในตาของเขาพลันดับลงทันที โดยไม่ลังเลเขากดนิ้วลงไปบนกระดาษแผ่นสีเขียว
ทันทีที่เขากดนิ้วลงไป มีแสงจางๆส่องออกมาจากกระดาษ
วู่ เฟิง มองไปยังแสงที่ส่องออกมาด้วยความปวดร้าว เพราะเขารู้ว่าตอนนี้ เป็นเวลาที่เขาต้องออกจากการทดสอบจริงๆแล้ว…