วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ กำลังยืนอยู่ในบ้านหิน
ใน 2-3 วันที่ผ่านมานี้ พูดได้เลยว่า จิตใจของทั้ง วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ ตกอยู่ในความหดหู่อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาต้องการจะผ่านการทดสอบการต่อสู้ได้อย่างราบรื่นล่ะก็ มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือการสนับสนุน ฟาง เจิ้งจือ
เพราะว่าพวกเขาถูก ฟาง เจิ้งจือ กำจัด
กฎของการทดสอบการต่อสู้นั้นจะเป็นไปตามกฎที่ว่า อ้างอิงจากระดับเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่นถ้าผู้สอบ A ถูกกำจัดโดยผู้สอบ B ระดับของผู้ทดสอบ A จะลดลงและอยู่ต่ำกว่าผู้ทดสอบ B ทันที
ถ้าผู้ทดสอบ B ถูกกำจัดโดยใครคนอื่นอีกที ระดับของผู้สอบ A ก็จะลดลงไปอีก
หรือก็คือ
วู่ เฟิง ได้กำจัดกลุ่มผู้เข้าสอบคนอื่น ตราบเท่าที่ วู่ เฟิง ยังคงครองอันดับที่ 1 ของการทดสอบอยู่ ผู้เข้าสอบที่ถูกกำจัดพวกนั้นก็จะได้รับการจัดอันดับไล่ลงไปทีละคนตามเวลาที่พวกเขาถูกกำจัดตั้งแต่เริ่มการทดสอบ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันนี้ วู่ เฟิง ได้ถูกกำจัดโดย ฟาง เจิ้งจือ แล้ว
กรณีนี้ ผู้สอบคนอื่นๆที่ถูก วู่ เฟิง กำจัดไปแล้วนั้นก็จะอยู่ภายใต้ ฟาง เจิ้งจือ อีกทีหนึ่ง ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ถูกกำจัดโดยผู้สอบคนอื่นอีก พวกเขาคงไม่เหลือความหวังที่จะผ่านการทดสอบในครั้งนี้อีกแล้ว
ดังนั้น …
วิธีการที่ดีที่สุดคือการทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ได้เป็นอันดับแรก มันจะช่วยให้การจัดอันดับของพวกเขาสูงขึ้น
แน่นอนว่าคนที่หดหู่ใจที่สุดก็คือ วู่ เฟิง เขาวางแผนจะเข้ายึดถิ่นฐานของ เฉิน เฟยยู่ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะถูก ฟาง เจิ้งจือ จัดการเสียก่อน
สำหรับ วู่ เฟิง สามารถพูดได้เลยว่านี่เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของเขา
“ส่งคำสั่งของข้าไปยังกองทหารทั้งหมดที่อยูในถิ่นฐาน เหยียน เยว่ และฉือ ซุน ให้มารวมพลกันที่ถิ่นฐานราชสีห์คำราม!”ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองไปยังทหารคนหนึ่งและสั่งเขา
“ให้ทุกคนมารวมพลที่ถิ่นฐานราชสีห์คำราม?!“
เมื่อนักปราชญ์ที่โง่เขลาคนหนึ่งได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ พูด เขายิ่งมีท่าทีที่น่าสังเวชกว่าเดิม พวกเขาหวังว่า ฟาง เจิ้งจือ จะได้อันดับสูงๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ฟาง เจิ้งจือ ยังสั่งให้ทุกคนมารวมพลอีก เขาคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่?
นี้มันหมายความว่ายังไง!
“แม่ทัพ ถ้าเรียกรวมพลกองทหารทั้งหมดมาที่ถิ่นฐานราชสีห์คำราม เราจะไม่มีกองกำลังเหลือที่ถิ่นฐาน เหยียน เยว่และ ฉือ ซุน เลยนะ?” เมื่อแม่ทัพหวังได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ ออกคำสั่ง เขาก็ตกตะลึงในทันที
เขาได้ต่อสู้ร่วมกับ วู่ เฟิง มาก่อน ดังนั้นเขารู้ดีว่ามันยากลำบากแค่ไหนที่จะเข้ายึดทั้ง 2 ถิ่นฐานหลักนั้นมาได้ ตอนนี้ถิ่นฐานอยู่ใต้การควบคุมของพวกเขาแล้ว
การปล่อยมันไว้ว่างๆแล้วรอให้คนอื่นมาแย่งไป
ไม่โง่ไปหน่อยรึ?
“โอ้ข้ารู้เรื่องนั้นดี งั้นยอมแพ้กันเถอะ “ฟาง เจิ้งจือ กล่าวอย่างเฉยเมย
“ฟาง เจิ้งจือ เจ้าพยายามจะทำอะไร?ถ้าเจ้าไม่ต้องการเข้าร่วมการทดครั้งสอบนี้ ก็ไม่ต้องกำจัดข้าสิ? ในตอนนี้เจ้าได้ควบคุมถิ่นฐานหลักได้ถึง 3 ถิ่น อย่างน้อยๆเจ้าก็สามารถเป็นที่ 2 ได้!“วู่ เฟิง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
ถิ่นฐานที่เขาพยายามอย่างมากเพื่อเข้าพิชิตมัน แต่ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของ ฟาง เจิ้งจือ
ยิ่งน่าเศร้าไปกว่านั้น ฟาง เจิ้งจือ ทิ้งขว้างมันราวกับเป็นขยะไร้ค่า?
เขาจะทนความรู้สึกนี้ได้ยังไง!
“เจ้ากำลังทำอะไร? เจ้าถูกกำจัดไปแล้วแล้ว เจ้าจะก่อกบฏรึ? ทหาร! ถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไปซะ” ฟาง เจิ้งจือ เหลือบมอง วู่ เฟิง ด้วยความรังเกียจและเมินความเห็นของเขาในทันที
“ได้โปรด …อย่า!“
“ฟาง เจิ้งจือ โปรดคิดดูอีกสักครั้ง“
“พวกเราทุกคนยินดีที่จะช่วยเจ้า”
เมื่อเหล่านักปราชญ์ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาต่างเริ่มก็กังวล ถ้า ฟาง เจิ้งจือ สูญเสียถิ่นฐานไป และถูกคนอื่นๆเข้ายึดล่ะก็ พวกเขาจะต้องพังพินาศแน่
นักปราชญ์ไม่เข้าใจ ผู้นำทัพต่างๆก็เริ่มมองหน้าหากัน และไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดอะไรอยู่
เช่นเดียวกันนั้น แม่ทัพหวังเองก็รู้สึกว่าคำสั่งของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นการกระทำที่โง่งม
อย่างไรก็ตาม…
ฟาง เจิ้งจือ จะโง่จริงๆงั้นหรือ?
มันเหมือนเป็นคำว่าที่จะกลับมาเข้าตัวเอง
ถ้า ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนโง่ล่ะก็ เขาจะกำจัดวู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ แล้วเข้ายึดถิ่นฐานได้ภายในวันเดียวได้ยังไงกัน? นอกจากนี้ มันจะยิ่งหมายความว่าเหล่าผู้คนที่พ่ายแพ้ให้กับ ฟาง เจิ้งจือ นั้นไม่โง่กว่าหรอกหรือ?
อย่างไรก็ตาม ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้โง่ล่ะก็ คำสั่งครั้งนี้ของเขา มันเป็นการยอมแพ้ในการทดสอบการต่อสู้ หรือว่าเขาจะยอมรับในอันดับที่เขาได้ตอนนี้แล้ว
พวกเขาไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้ ฟาง เจิ้งจือ คิดแบบนั้น
ผู้นำทัพแต่ละคนส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าทั้งนักปราชญ์และผู้นำทัพแต่ละคนกำลังคิดอะไรอยู่แต่มันก็ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องเข้าใจ เพราะว่า ถ้าพวกเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเขาอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกัน
ประชาชนทุกคนล้วนเป็นทหาร!
นั่นหมายความว่าทุกถิ่นฐานหลักนั้นตอนนี้เต็มไปด้วยทหารของดินแดนภูเขาทางใต้
นั่นคือตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ มีกองทหารใต้บัญชามากถึง 40,000 นายและควบคุมกำลังต่อสู้อีกกว่า 70%ของการทดสอบการต่อสู้ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับดินแดนภูเขาทางใต้ “ประชาชนทุกคนเป็นทหาร” มันเป็นความต่างระหว่างมดตัวน้อยกับช้างป่า
การควบคุมถิ่นฐาน?
การควบคุมทั้ง 3 ถิ่นฐานหลักดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่น่ายกย่องมากๆ อย่างไรก็ตามเมื่อกำลังทหารถูกแบ่งเป็นสอง เมื่อดินแดนภูเขาทางใต้เริ่มแผนการของพวกเขา แม้แต่ทหารกว่า 40,000 ก็ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้
อย่างไรก็ตามความคิดในตอนนี้ของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นง่ายมาก
ถ้าประชาชนทุกคนเป็นทหาร
งั้นข้าก็จะรวบรมกองกำลังทหารทั้งหมดไว้ที่เดียว เพื่อที่พอจะสามารถต่อกรกับดินแดนภูเขาทางใต้ได้ หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันเรื่องถิ่นฐานที่เหลือก็ได้ การทดสอบยังไม่สิ้นสุดเสียหน่อย!
แม่ทัพหวังยังคงพยายามโน้มน้าวใจ ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ เป็นผู้เข้าสอบในการทดสอบการต่อสู้ที่แท้จริงเขาไม่มีพลังมากพอจะต่อต้านได้ เพราะฉะนั้นเขาจะทำตามคำสั่งของ ฟาง เจิ้งจือ เท่านั้น
วู่ เฟิง ยังต้องการที่จะพูด แต่อย่างไรก็ตามเขาถูกกำจัดไปแล้ว
เพราะงั้น เขาจะพูดอะไรได้?
ข่าวที่ว่า ฟาง เจิ้งจือ เรียกรวมพลทหารทั้งหมดจากที่ได้วางกองกำลังไว้ที่ถิ่นฐาน เหยียน เยว่ และ ฉือ ซุน แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไปถึงหูขององค์รัชทายาท หลิน เทียนหลง
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้องค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง พูดอะไรไม่ออก
“ชายคนนี้ …ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”องค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง รู้สึกแหม่งๆ ว่าหาก ฟาง เจิ้งจือ ยังคงเล่นแบบนี้อยู่ มันจะต้องส่งผลกระทบกับแผนของพวกเขาเป็นอย่างมากแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ เป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบ
ในฐานะหัวหน้าผู้คุมการทดสอบ และในฐานะองค์รัชทายาท การไปขัดขวางผู้เข้าสอบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้คือรอ
รอต่อไปอย่างไม่มีกำหนด!
…
ไม่กี่วันต่อมา
กองกำลังทหารในถิ่นฐาน เหยียน เยว่ และฉือ ซุน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ถิ่นฐานราชสีห์คำราม
เขาใช้ประโยชน์ใน 2-3 วันที่ผ่านมานี้โค่นล้มผู้เข้าสอบคนอื่นๆไปได้อีกจนความแข็งแกร่งของกองกำลังทหารมีมากถึง 43,000 นาย
ฟาง เจิ้งจือ ลองคิดคำนวณ
มีกองกำลังทหารที่เข้าร่วมในการทดสอบต่อสู้ทั้งหมด 58,000 นาย หลังจากหัก 2,000 นายที่อยู่ใต้บัญชาการของ หนานกง เฮา ออกไปและตอนนี้เขามีกองกำลังถึง 43,000 นาย
จำนวนกองกำลังทหารที่เหลืออยู่นั้นมีไม่ถึง 13,000
เอาล่ะ
มันถึงเวลาที่เข้าจะเริ่มได้แล้ว!
“ส่งคำสั่งของข้าออกไป กองกำลังทั้งหมดจะมุ่งหน้าสู่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง!“
“แม่ทัพฟาง พวกเราต้องทิ้งทหารไว้ที่ถิ่นฐานราชสีห์คำรามหรือไม่?” เมื่อแม่ทัพหวัง ได้ยินคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ เหงื่อก็ค่อยๆไหลลงมาจากหน้าผากของเขา
แม้เขาจะรู้ว่า หนานกง เฮา จะน่ากลัวแค่ไหน
แต่นี่มันเป็นสงคราม!
พวกเขาจะสามารถชนะได้หรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ ดังนั้นการทิ้งทหารบางส่วนไว้ที่ถิ่นฐานราชสีห์คำรามนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องถอยทัพ
“ไม่ต้อง แม้แต่คนเดียวก็ไม่ต้อง ” ฟาง เจิ้งจือ ตอบโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย
กองทัพอันยิ่งใหญ่เดินทางไปยังถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง
หลังจากองค์รัชทายาทรู้เรื่องคำสั่งของ ฟาง เจิ้งจือ เขาถึงกับตกลงมาจากเก้าอี้ เขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะท้าทาย หนานกง เฮา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ จะลงมือเร็วขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น …
ที่สำคัญที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ขนาดยอมทิ้งถิ่นฐานราชสีห์คำราม กองทัพทั้งหมดเดินทางไปยังถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง มันจะเป็นแค่การทดสอบอยู่ได้ยังไง?
นี่เป็นสงครามแห่งชีวิตและความตาย
“หยุดเขาเราต้องหยุดเขา ซิง ฉิงซุย ยังเดินทางไม่ถึงถิ่นฐานราชสีห์คำรามอีกรึ? ถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไป ตัด ฟาง เจิ้งจือ ออกจาการทดสอบต่อสู้เดี๋ยวนี้!“
“ฝ่าบาทโปรดใจเย็น ท่านอย่าลืมว่าองค์จักรพรรดิเป็นคนรับรองให้ ฟาง เจิ้งจือ เข้าสอบเอง” เมื่อแม่ทัพที่อยู่ในกระโจมคนหนึ่งได้ยิน เขาก็กล่าวขึ้นมาทันที
“เมื่อเทียบกับแผนการที่วางไว้มันจะยังสำคัญอีกรึว่า ฟาง เจิ้งจือ จะถูกตัดออกจากการทดสอบหรือไม่? ข้าจะส่งจดหมายเพื่ออธิบายองค์จักรพรรดิที่หลัง รีบถ่ายทอดคำสั่งเดี๋ยวนี้!“
“รับทราบ!“