กองทัพที่ยิ่งใหญ่กว่า 40,000 นายค่อยๆเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่าช้าๆ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงทางเข้าหุบเขาสายลม พวกเขาค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆราวกับน้ำทะเลที่ไหลทะลักเข้าไปในแม่น้ำ
ฟาง เจิ้งจือ เองก็ยังคงไม่ได้เร่งรีบ
เถิง ซือเซิง อยากจะเตือนเขาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขากลืนคำพูดกลับไปทุกครั้ง เพราะเขาเริ่มค่อยๆเชื่อใจ ฟาง เจิ้งจือ
“วางทหารสัก 2 คนไว้เฝ้าทางเข้าหุบเขาสายลม หลังจากที่กองทัพทั้งหมดเข้าสู่หุบเขาสายลมแล้ว ให้ทำลายหลุมตามผนังภูเขาทั้งหมดด้วยว” ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองที่ผนังภูเขาทั้งสองลูก และพูดกับ เถิง ซือเซิง
“ทำลาย?“เถิง ซือเซิง ไม่สามารถเข้าใจได้
“ใช่ อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะปล่อยให้หุบเขาสายลม กลายเป็นเส้นทางธรรมดาๆที่ใครจะผ่านไปก็ได้?” ฟาง เจิ้งจือ ถามกลับด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“ขอบคุณผู้ส่งสารฟางมาก!“เมื่อ เถิง ซือเซิง ได้ยินเช่นนั้น เขาก็เข้าใจในทันที
เอาชนะหุบเขาสายลมแต่ไม่ทำลายมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้ เถิง ซือเซิง รู้สึกประทับใจแค่ไหน เพราะหุบเขาสายลมนั้นเป็นเหมือนกับโล่ของดินแดนภูเขาทางใต้
รวมทั้งยังเป็นโล่ที่คอยปกป้องถิ่นฐานวานรน้ำแข็งและเมืองภูเขาเซียน
เถิง ซือเซิง รับคำสั่ง และเรียกตัวทหารหมาป่าเขาเงิน 2 นายมาอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครได้สังเกตุเห็นว่า เถิง ซือเซิง เรียกทหารหมาป่าเขาเงินมาทำไม
หลังจากที่กองทัพทั้ง 40,000 นายเดินเข้าสู่หุบเขาสายลมครบทั้งหมด สัตว์ปีกสีขาวตัวหนึ่งก็บินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ความเร็วของมันช่างรวดเร็วมาก และหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ที่ทางออกของหุบเขาสายลม
ข้างๆหินก้อนใหญ่มีกลุ่มทหารสวมเกราะที่ส่องสว่างยืนคุ้มกันอยู่ ท่าทีของพวกเขานั้นต่างไปจากปกติอย่างชัดเจน พวกเขาแต่ละคนหันมามองหน้ากันและเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
“สายลมในหุบเขาสายลมมันหยุดพัดงั้นหรือ?“
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น!“
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีใครย้ายหินใหญ่อย่างงั้นหรือ?“
“ไม่มี ไม่ใช่ว่าพวกเราจับตาดูมันอยู่ตลอดเวลางั้นหรือ?“
“แล้วลมในหุบเขาสายลมหยุดได้ยังไง? มันเป็นไปไม่ได้!“
“ไม่จริง! ก่อนอื่นอย่าพึ่งไปสนใจเรื่องที่ว่ามันหยุดลงได้ยังไง เร็วเข้า รีบเข้าไปถิ่นฐานวานรน้ำแข็งและรายงานนายน้อยหนานกง“
“รับทราบ!“
ทหารสองคนที่ยืนอยู่รับคำสั่ง แล้วรีบควบม้าออกไปทันที พวกเขาพุ่งตรงเข้าไปในถิ่นฐานวานรน้ำแข็งซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
ภายในถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง ในบ้านที่สร้างขึ้นจากหินที่แข็งแรง มีชายวัยกลางคน 4 คนยืนอยู่ พวกเขาสวมเกราะหนาและยืนขนาบสองข้างที่โต๊ะตัวหนึ่ง
ที่บนโต๊ะมีทรายปกคลุมอยู่ มีการวางภูมิประเทศและวางเครื่องหมายตามจุดต่างๆ มันดูละเอียดเอามากๆ
หนานกง เฮา ผู้ที่สวมชุดปราชญ์สีขาวบริสุทธิ์ นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะตัวนั้น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็นในการวิเคราะห์หุบเขา
“มีรายงานขอรับ!“ตอนนั้นเองก็เกิดเสียงดังขึ้นมา
“อะไรงั้นรึ?“ชายวัยกลางคนที่สวมเกราะเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็วหลังจากที่ได้เห็นทหาร 2 นายวิ่งมาด้วยความกังวลอย่างมาก เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ขอรายงานท่านแม่ทัพ สายลมในหุบเขาสายลมนั้นหยุดพัดแล้ว!“หลังจากที่ทหารทั้งสองได้ยินคำถามของชายวัยกลางคน พวกเขาตอบเกือบจะพร้อมกัน
“หยุดพัด?! เจ้าไม่ได้คุ้มกันอยู่ที่ทางออกหุบเขางั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วอีกครั้ง เขามองไปที่ทหารทั้ง 2 คนด้วยความโกรธ
สายลมนั้นเป็นปราการธรรมชาติของถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนก็คาเดาไว้ว้แล้วว่ามันต้องถูกพิชิตได้ในสักวัน
ยกเว้น
เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้!
“ไม่ พวกเราไม่ได้ทำหน้าที่ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม อยู่ดีๆมันก็หยุดลง ส่วนเหตุผลเป็นเพราะอะไรพวกเราไม่มั่นใจเท่าไรนัก ” ทหารทั้งสองคนรายงานอีกครั้ง
“อะไรนะ? ลมในหุบเขาหยุดลง แต่พวกเจ้ากลับไม่รู้เหตุผล“ความโกรของชายวัยกลางคนแทบจะระเบิดออกมาเมื่อได้ฟัง
ทุกคนอาจจะทำผิดพลาดได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าสร้างแล้วไม่รู้สาเหตุของมันนั้นก็ไม่สามารถใหอภัยได้
” ก้อนหินใหญ่ที่ปลายหุบเขาไม่ไดขยับแม้แต่น้อย ทหารของศัตรูพวกเราก็ไม่เห็น แต่อยู่ดีๆลมในหุบเขาสายลมก็พยุดลง เพื่อที่จะรีบทำการป้องกัน พวกเราจึงตัดสินใจรีบกลับมารายงาน” เมื่อทหารทั้ง 2 คนเห็นชายวัยกลางคนโกรธพวกเขาก็เกิดอาการตัวสั่นเล็กน้อย
“เจ้าบอกว่าหินก้อนใหญ่ไม่ได้ขยับใช่ไหม?” ทันใดนั้นเสียงของ หนานกง เฮา ก็ดังออกมาฟ เสียงของเขาดูนิ่งสงบมาก
อย่างไรก็ตามบนใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นร่องรอยความแปลกใจ
“ใช่ ถูกต้องแล้ว!“เมื่อทหารสองคนได้ยินเสียงของ หนานกง เฮา ราวกับเขามองเห็นความหวัง
“ไร้สาระมาก สายลมในหุบเขาถูกควบคุมโดยหินก้อนใหญ่ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อดีตกาล มันจะเป็นไปได้ยังไงที่อยู่ดีๆลมจะหยุดลง?” ชายวัยกลางคนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ท่านแม่ทัพพวกเราพูดความจริง!“
“ความจริง?” เมื่อชายวัยกลางคนจะพูดต่อ หนานกง เฮา ก็ส่ายหัวเบาๆทันที ชายวัยกลางคนจึงหุบปากทันที
ในความเป็นจริง เขารู้อย่างชัดเจนว่าข่าวที่ได้รับมาจากทหารทังสองคนนี้ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
อย่างไรก็ตามเขาไม่เข้าใจจริงๆ
ลมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจะหยุดได้ยังไง?
“นายน้อยหนานกง ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตามข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาเอาชนะหุบเขาสายลมได้ยังไง?” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดขึ้นมา
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน” เมื่อ หนานกง เฮา ได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคนเขาก็พยักหน้าเบาๆแล้วหันมองทางโต๊ะทรายอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็เอานิ้วลากผ่านแบ่งหุบเขาสายลมออกเป็นสองด้าน
“นายน้อยหนานกง เป็นอย่างที่ข้าคิด ฟาง เจิ้งจือ ผ่านหุบเขาสายลมมาได้แล้ว ข้าคิดว่าเขาต้องสูญเสียทหารไปใากแน่นอนทำไมพวกเราไม่…”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินไปตรงกลางห้อง
“แล้วถ้าหาก ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้สูญเสียอะไรไปเลยล่ะ“
“แม่ทัพลู่ อย่าบอกนะว่าเจ้าเชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่สูญเสียทหารไปแม้แต่คนเดียว“
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!“
“ฮ่าฮ่า ช่างตลกสิ้นดี“
“หยุดถกเถียงกันก่อน แล้วฟังความคิดของนายน้อยหนานกงเถิด” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ทางซ้ายของ หนานกง เฮา พูดขึ้น
เมื่อชายวัยกลางคนทั้งสองได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ปิดปากเงียบสนิทและรอฟังความเห็นของ หนานกง เฮา
“ไม่เป็นไร แม้ว่าหุบเขาสายลมจะถูกพิชิต พวกเราจะยังคงดำเนินการตามแผนเดิม” เมื่อ หนานกง เฮา มองไปที่ชายวัยกลางคนทั้งสี่ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนที่เขากำลังพูด ไม่มีใครทันสังเกตุเห็นเลยว่า ร่างๆหนึ่งได้เริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย…
ด้านนอกกระโจมขององค์หญิง ฉาน ยู่ มีสัตว์ตัวหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่จะเกะอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง
ทหารในชุดเกราะหวายผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นมัน จากนั้นเขาก็รีบพานกตัวนั้นเข้าไปในกระโจม
“องค์หญิง มีข่าว”
“เปิดอ่านซะ” องค์หญิงผู้เอนัวพิงอยู่บนเก้าอี้หนังสัตว์สีทองตอบออกมาลวกๆดวงตาของนางไม่ได้ลืมขึ้นแม้แต่น้อย
“รับทราบ” ทหารพยักหน้า จากนันเขาก็ดึงจดหมายที่ติดอยู่ตรงกรงเล็บนกตัวนั้นออกมา มันเป็นจดหมายที่ทำมาจากแผ่นหนังเล็กๆ
เขากวาดตามองมัน พร้อมกับเบิกตากว้าง ทันใดนั้นท่าทีของเขานั้นดูแปลกไปอย่างมาก มือที่ถือจดหมายเริ่มสั่นสะท้าน
ดูเหมือนแม้แต่ถือมันเอาไว้เขาก็แทบจะทำไม่ได้
“ข่าวอะไรงั้นรึ? ทำไมเจ้าถึงดูลำบากใจขนาดนี้?” น้ำเสียงของนางดูหงุดหงิดเล็กน้อยขณะมองไปที่ทหาร
“รายงานองค์หญิง ฉาน ยู่! ฟาง เจิ้งจือ ได้เอาชนะหุบเขาสายลมอย่างสมบูรณ์ เขาไม่เสียทหารไปแม้แต่คนเดียว นอกจากนั้นวิธีที่เขาใช้นั้นได้หยุดสายลมในหุบเขาได้ทั้งหมด!“
“อะไรนะ เอาชนะหุบเขาสายลมโดยไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว?! เจ้าพูดใหม่สิ คงไม่ได้พูดผิดใช่ไหม!” องค์หญิง ฉาน ยู่ ถามกลับมาเบาๆ แต่ดวงตาของนางกลับเบิกกว้างและชันตัวขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
” ฟาง เจิ้งจือ สามารถเอาชนะหุบเขาสายลมได้โดยไม่เสียทหารไปแม้แต่คนเดียว!“
“แล้วประโยคหลังจากนั้นล่ะ!“
“วิธีที่เขาใช้คือ …หยุดสายลมในหุบเขา!“
“หยุดสายลมได้! จะเป็นไปได้ยังไง? เขาทำมันได้ยังไงกัน?” องค์หญิง ฉาน ยู่ ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด หรือาจจะพูดได้ว่านางไม่ยินดีที่จะเชื่อ
” ในจดหมายไม่ได้อธิบายไว้ มันแค่บอกไว้ว่า หัวหน้าเถิง นั้นเกี่ยวข้องตั้งแค่ต้นจนจบ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอะไรแม้แต่น้อย มีอีก 5 คำอยู่ที่ท้ายจดหมาย”
“คืออะไรกัน?“
“ยิ่งกว่าความเป็นได้ นอกเหนือเหตุผล!“
“ยิ่งกว่าความเป็นไปได้ นอกเหนือเหตุผล? ใช่ที่มันอยู่นอกเหนือเหตุผลและความเป็นไปได้ ขนาดเขามีส่วนร่วมในขั้นตอนทั้งหมด แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้? เจ้า ฟาง เจิ้งจือ!จะแข็งแกร่งเกินไปแล้วนะ!” ตอนแรกองค์หญิง ฉาน ยู่ ตั้งใจจะพูดด้วยท่วงท่าที่ส่างาม แต่เมื่อพูดไปสักพัก นางไม่สามารถทนได้อีกต่อไปก่อนที่จะสบถออกมา
“… ” ทหารมององค์หญิง ฉาน ยู่ ด้วยความตกตะลึง
หลังจากนั้นเขาก็ได้สติ
“องค์หญิง แล้วพวกเรา…”
“ถ่ายทอดคำสั่งให้ เถิง ซือเซิง จับตาดู ฟาง เจิ้งจือ อย่างใกล้ชิด สำหรับแผนที่ได้มีการตกลงกันก่อนหน้านี้สามารถเริ่มก่อนล่วงหน้าได้เลย!” “
“รับทราบ!“